เช้าวันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญระดับโลก เพราะเป็นวันวิสาขบูชาโลก ตามที่องค์การ UNESCO ได้ประกาศไว้ เป็นเช้าที่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้ไปทำบุญด้วยกาย ได้แต่ส่งจิตและใจไปเท่านั้น ด้วยเพราะมีนัดหมายในหลายเรื่องที่จะต้องดำเนินการ ในระหว่างที่นั่งรอเวลาอยู่ เพื่อนพ่อได้เข้ามาเยี่ยมเยียน เสียงสนทนาคำหนึ่งที่พ่อถามเพื่อนคือ “ไปวัดทำไม” เพื่อนพ่อตอบว่า “ไปส่งเมีย (ภรรยา)” พ่อตอบว่า “จริง ๆ นะเราไปเพื่อสืบทอดศาสนา เพราะหากเราไม่ไปวัด พระก็จะอยู่ไม่ได้ พระเป็นผู้สืบทอดศาสนา…หากจะทำบุญจะมีวิธีอื่น ๆ อีกมากที่ทำได้” เพื่อนพ่อคนนี้จะสนิทกับพ่อมาก แวะเวียนกันมาหากันบ่อย ๆ วันนี้พ่อต้องรีบออกไป พ่อจึงขอตัวเพื่อนออกไปก่อน ทั้ง ๆ ที่เพื่อนมาที่บ้าน โดยบอกว่าคุยกับผมไปพลาง ๆ ก่อน มีธุระที่ต้องไปตามเวลา จึงออกไปโดยทิ้งเพื่อนไว้กับผม สักครู่เพื่อนพ่อก็ตามพ่อออกไปด้วย เล่ามาถึงตอนนี้ยังไม่เกี่ยวกับ "ต้องขอกันได้" เมื่อรักกัน ตรงไหนเลย แต่เกี่ยวกันตามที่ผมจะนำเสนอต่อไปครับ (ยิ้ม ๆ ครับ)
เข้าเรื่องดีกว่าครับ มีเรื่องหนึ่งที่คิดได้เมื่อได้ฟังการสนทนาของพ่อกับเพื่อน คือ ต้องขอกันได้ ไม่ต้องมีเหตุผลอะไร เพียงเพื่อให้คนที่เรารักมีความสุข หากสิ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เราเกิดทุกข์เมื่อได้ให้เขาแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่เป็นไปเพื่อความสบายใจเสียมากกว่าที่จะเป็นเรื่องใหญ่ เกินกว่าที่จะให้กันได้โดยธรรมดา แต่เหตุที่มักจะไม่อยากให้ก็เป็นเพราะอยากถามหาเหตุผล แล้วฝ่ายที่ขอยังไม่อยากบอกหรือพูดในตอนนั้น (ผมใช้ประสบการณ์ในการเขียน อาจจะไม่ใช่ตัวท่านที่อ่านก็ได้นะครับ) ซึ่งเพราะยังไม่แน่ใจผลที่จะได้ หรือเป็นเรื่องที่เสี่ยง ๆ หน่อยก็เป็นได้ แต่สำหรับผมแล้วจะตอบตัวเองได้ว่าผู้ให้ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนักหรอก อาจจะเป็นเพียงอึดอัดบ้าง หรือรู้สึกขาดอิสระภาพไปบ้างเท่านั้น
"ต้องขอกันได้" เมื่อรักกัน ผมมองว่ายังจำเป็นนะ ที่จะต้องให้กันได้บ้าง ผมมองทั้งในฐานะคนให้และคนรับที่เพิ่งจะผ่านตรงนี้มาเมื่อไม่นาน ตอนเป็นผู้ให้ ระหว่างที่รอว่าเขาจะทำอะไร ก็รออย่างหงุดหงิดในบางเวลา (ไม่บ่อยนัก) เมื่อทุกอย่างกระจ่างก็เป็นสุข ไม่มีอะไรเลย เมื่อต้องขออย่างนั้นบ้างในเวลาถัดมาก็รู้สึกว่าไม่ต้องตัดสินใจอะไรมากนัก เพราะเลือกที่จะพูดขอเลย ผู้ให้ก็ให้โดยไม่ลังเล ตอนเช้าได้ฟังที่พ่อพูดกับเพื่อน ย้อนนึกถึงตัวเองในหลายวันที่ผ่านมา วันนี้จึงออกเป็นบันทึกนี้ “รู้สึกดีจริง ๆ” อยากบอกต่อ เชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยผ่านจุดนี้ลองทบทวนดู (จากหนังสือชีวิตตัวเอง) นะครับ
แซวๆ..ถึงคุณ"น้อง"
จะไม่ให้คุณน้อง ผ่องใสได้อย่างไรคะ...ก็เพราะเธอ"ผ่องศรี" อยู่แล้ว...นี่คะ
Dr.Ka-poom
ตอบ คห.นี้ได้ดีมากเลยครับ และยืนยันว่าที่ขอกันส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นด้าน "จิต"และ"ใจ" นี่แหละครับ
วันนี้...คุยกับน้องเรื่องพยาบาลกับสถานีอนามัย
ตามความขัดแย้ง (ในใจ) เรื่องเดิม เขามีวิชาชีพ
เราไม่มี แล้วเราทำไมต้องต้องไปทำงานแทนเขา
แล้วเขาได้ผลงาน ถ้าเป็นเมื่อก่อน (ตอนสาว ๆ )
ก็คงเต้นตามไปกับน้องด้วย แต่วันนี้..(อาจจะแก่แล้ว)
กลับคิดว่า...ก็ถ้าเราทำแล้วมีความสุข จะต้องมานั่งคิด
ไปทำไม...ว่าใครจะได้ประโยชน์...