"ใครหนอรักเราเท่าชีวี ใครหนอปรานีไม่มีเสื่อมคลาย
ใครหนอรักเราใช่เพียงรูปกาย รักเขาไม่หน่ายไม่คิดทำลายใครหนอ
ใครหนอรักเราเท่าทรวงใน ใครหนอเอาใจปลอบเราเรื่อยมา
ใครหนอรักเราดังดวงแก้วตา รักเขากว้างกว่าพื้นพสุธานภากาศ
จะเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภามาแทนกระดาษ
เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศพระคุณไม่พอ
ใครหนอรักเราเท่าชีวัน ใครหนอใครกันให้เราขี่คอ
ใครหนอชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็อย่ามัวรั้งรอทดแทนบุญคุณ
จะเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภามาแทนกระดาษ
เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศพระคุณไม่พอ
ใครหนอรักเราเท่าชีวัน ใครหนอใครกันให้เราขี่คอ
ใครหนอชักชวนดูหนังสี่จอ รู้แล้วละก็อย่ามัวรั้งรอทดแทนบุญคุณ"
............มะนาวหวานลืมตามาดูโลกเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2515 (โหเกิดมานานแล้วสิเนี่ยเรา..ฮา)
คุณแม่เกิดอย่างลำบากบากยากเย็น เพราะตอนถึงกำหนดคลอด แม่บอกว่า ลูกแม่คนนี้ดื้อตั้งแต่ยังไม่เกิด
เพราะคุณหมอแจ้งว่า ลูกแม่เอาไหล่ขวางช่องคลอดไว้ค่ะ คุณหมอพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถ
เอาเด็กดื้อคนนี้ออกมาได้ เลยต้องใช้แผนสุดท้าย คือ ผ่าออก...
แต่วิธีผ่าคลอดสมัยนั้น..(เอฟังดูเหมือนโบราณจังนะ)..ต้องผ่ายาวแนวตั้ง ใต้สะดือเหนือลงมา
ยาวประมาณ เกือบคืบล่ะค่ะ..ทุกวันนี้ ยังเห็นรอยแผลเป็นที่ใต้พุงคุณแม่อยู่เลย...
แม่บอกว่า มะนาวหวานเป็นลูกคนเล็ก ที่ทำให้แม่เจ็บตอนคลอดมากกว่าพี่ๆเลยล่ะ
และเป็นเด็กเลี้ยงยาก เพราะไม่ค่อยแข็งแรง แม่ต้องคอยประคมประหงมอย่างมาก...
กว่าจะโตมา พ้นภาวะอุ้มชูประคมประหงม หรือแถวบ้านเรียกว่า "พ้นขอด" คือ ร่างกายพอมี
ภูมิต้านทาน ไม่ป่วยบ่อยเหมือนตอนเล็กๆน่ะค่ะ... แม่ก็ต้องเหนื่อย หอบลูกคนนี้เข้า-ออก
โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น บางครั้งแม่ต้องไปขายของ เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล
ก็ต้องทิ้งให้มะนาวหวานไว้กับพี่ๆพยาบาล ซึ่งเด็กดื้อคนนี้ก็ไม่กลัว และยินยอมให้แม่ไปขายของ
แต่โดยดี เพราะรู้ว่าเย็นๆแม่ก็กลับมาหาที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว...
ระหว่างที่เข้า-ออก โรงพยาบาล ทั้งป่วยเป็นไข้-ไข้หวัด-ปวดหัว-ตัวร้อน จนหนักสุดก็ปอดบวม
จนเป็นที่รู้จักของพี่ๆพยาบาลประจำตึกเด็กไปโดยปริยาย เด็กดื้อคนนี้ ชอบร้องเพลงให้พี่ๆพยาบาล
ฟังมาก พี่ๆก็แกล้งยอหน่อยเดียว มะนาวหวานก็ร้องเพลงซะจนลั่นห้อง...ซึ่งแต่ก่อนคนไข้ก็ไม่ค่อยแน่น
โรงพยาบาลมากเหมือนปัจจุบัน...
เป็นความทรงจำในวัยเด็ก ที่มะนาวหวานไม่เคยลืมเลือน รู้ว่า แม่เจ็บปวดและลำบากที่ต้องเลี้ยงดู
เรามามากแค่ไหน...แม้โตมาโดยหาเงินเรียนเองโดยไม่ต้องรบกวนพ่อ-แม่ก็ตาม แต่กว่าจะผ่านจุดวิกฤติ
ในชีวิตได้ แม่ต้องเสียน้ำตาเพราะเรา แม่รักเรา เป็นห่วงเราเสมอ ไม่ว่าเราจะทำผิดกี่ครั้ง แม่ไม่เคยโกรธ
และให้อภัยลูกทุกครั้ง... แม้มะนาวหวานไม่ได้เป็นเด็กเกเร แต่ก็รู้ว่าเคยทำให้แม่ร้องให้ แต่กี่ครั้งไม่ทราบ...
แต่รู้ว่า น้ำตาของแม่เพียงครั้งเดียว เราก็ไม่มีวันทดแทนความเสียใจนั้นให้แม่ได้...เพราะน้ำตาของแม่
เป็นน้ำตาจากหัวใจที่บริสุทธิ์ เป็นน้ำตาแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่....
ที่แม่ร้องไห้ เพราะเราอยู่ไกลแม่มาตั้งแต่เด็กๆ เข้ามาอยู่ กทม.เพื่อทำงาน หาเงินเรียน เวลาแม่คิดถึง
ก็อาศัยเขียนจดหมายมาคุยด้วย และรอเราตอบกลับทุกครั้ง (สมัยนั้นยังไม่นิยมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่)...
จึงเป็นความห่วงใยผ่านบุรุษไปรษณีย์ ระหว่างแม่กับลูก...
วันนี้ แม่แก่มากแล้ว ท่านอายุเกือบ 70 ปี ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แต่แม่ยังเป็นแม่ที่ลูกรัก
และเคารพเสมอมา... อยากให้แม่รู้ว่า ลูกดื้อคนนี้ ยังรักและเป็นห่วงแม่มากที่สุด...
วันนี้ มะนาวหวานสิ้นพ่อไปแล้ว เหลือเพียงแม่คนเดียวเท่านั้น... อยากให้แม่อยู่กับมะนาวหวาน
นานๆๆๆ... นานที่สุด...
คนกตัญญูอยู่ที่ไหน..ตกน้ำไม่ใหลตกไฟไม่ไหม้ขอรับ..
สู้ๆๆต่อไปขอรับ..
ขออนุโมทนาในความกตัญญู..
รำลึกถึงแม่เสมอ และเมื่อได้เป็นแม่ จึงรู้ว่าแม่รักเราแค่ไหน
ไม่มีคำใดบรรยายได้
สวัสดีครับมะนาวหวาน
ระลึกถึงแม่เช่นกันครับ
วันเสาร์นี้พบกันที่ถนนคนเดินน่ะครับ จะไปขายต้นไม้ เห็นร้านที่มีโคมไฟแบบนี้ทักกันบ้างน่ะครับ