บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง รายงานการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
ผู้ศึกษา นางเพลินตา จันทร์เนตร์
ปี ๒๕๕๒
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้
๑. เพื่อหาประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด
๒. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด
๓. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๐ โรงเรียนชุมชนวัดโขดเขมาราม อำเภอบางปะหัน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต ๑ จำนวน ๒๖ คน ได้มาจาก การเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษามี ๓ ชนิด ได้แก่
๑. หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด จำนวน ๙ ชุด ประกอบด้วย
ชุดที่ ๑ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง ลาซื่อ และแบบฝึกทักษะมาตราแม่ ก กา
ชุดที่ ๒ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง สิงโตเจ้าป่า และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กง
ชุดที่ ๓ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง น หนูอยู่หลัง และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กน
ชุดที่ ๔ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง เพื่อนใหม่ของส้มโอ และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กม
ชุดที่ ๕ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง จ้อยเชื่อฟัง และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่เกย
ชุดที่ ๖ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง น้ำใจจิ๋วแจ๋ว และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่เกอว
ชุดที่ ๗ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง กระรอกใจดี และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กก
ชุดที่ ๘ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง ความสุขของมดและยอด และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กด
ชุดที่ ๙ หนังสือส่งเสริมการอ่านเรื่อง สามเกลอกลับใจ และแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มาตราแม่กบ
๒. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน
๓. แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาทั้ง ๓ ชนิด ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ เน้นความตรงเชิงเนื้อหากับวัตถุประสงค์และค่าความเชื่อมั่น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติทดสอบ (t-test)
ผลการศึกษาพบว่า
๑. การหาประสิทธิภาพของหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด ผู้ศึกษาได้สร้างหนังสือส่งเสริมการอ่านมีทั้งแบบร้อยแก้วและร้อยกรองสีสันสวยงาม เหมาะสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ แบบฝึกทักษะเริ่มจากง่ายไปหายาก โดยนำไปสอนควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้ ผลปรากฏว่าหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกดที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ ๘๒.๒๒/๘๐.๓๘ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ๘๐/๘๐
๒. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด ผลปรากฏว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด มีคะแนนเฉลี่ย ( = ๑๖.๐๐) และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกดมีคะแนนเฉลี่ย ( = ๒๔.๑๒) มีผลต่าง ค่า t = ๒๗.๔๙ สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๕
๓. การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกด ผลปรากฏว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านมาตราตัวสะกดทั้ง ๙ ชุด ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดที่ระดับความพึงพอใจ ( = ๔.๘๙, S.D. = ๐.๑๐) และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อแบบฝึกทักษะมาตราตัวสะกดทั้ง ๙ ชุด ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุดที่ระดับความพึงพอใจ ( = ๔.๘๔, S.D. = ๐.๑๑)
สรุปได้ว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อหนังสือส่งเสริมการอ่านและแบบฝึกทักษะ มาตราตัวสะกดทั้ง ๙ ชุด อยู่ในระดับมากที่สุด