วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อไข้หวัด 2009


ต่อเนื่องจากบันทึก ข้อมูลไข้หวัด 2009 มีข้อมูล วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ เป็นข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุขมาเผยแพร่ต่อค่ะ ... ร่วมด้วยช่วยกัน สู้ ไข้หวัด 2009 ค่ะ

คำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข

เรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1เอ็น1)

ฉบับที่ 8  

วันที่ 9 กรกฎาคม 2552

ปัจจุบันการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ(เอช1เอ็น 1) ได้แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว โดยโรคมีความรุนแรงปานกลาง ประเทศไทยส่วนใหญ่พบในกรุงเทพฯและปริมณฑล  และมีรายงานมากกว่า 60 จังหวัดแล้ว ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา รองมาเป็นคนวัยทำงาน

คำแนะนำทั่วไป

ประชาชนทุกคนควรมีความรู้ความเข้าใจโรคที่ถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนก รู้วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ  โดยการติดตามข้อมูลคำแนะนำต่างๆ จากกระทรวงสาธารณสุข  รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  รับประทานอาหารมีประโยชน์ ผัก ผลไม้ ไข่ นม  นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง หมั่นล้างมือบ่อยๆ  หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และฝึกนิสัยไม่ใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา หรือจับต้องใบหน้า ถ้าจำเป็นควรใช้กระดาทิชชูจะปลอดภัยกว่า ดูแลตนเองหรือคนในครอบครัวที่ป่วยได้  และป้องกันไม่แพร่เชื้อให้คนรอบข้าง  โดยการหยุดเรียน  หยุดงาน  ปิดปากจูกเวลาไอจามด้วยกระดาษทิชชู  สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น  และหมั่นล้างมือบ่อยๆ  ซึ่งจะช่วยควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด  และลดผลกระทบด้านต่างๆ ได้มากที่สุด

ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะมีอาการป่วยใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นทุกปี  คือมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล  เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาเจียน ท้องเสียร่วมด้วย  มีรายงานอาการสมองอักเสบ 4-5 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่  (95%) จะมีอาการทุเลาขึ้นตามลำดับ คือ ไข้ลดลง ไอน้อยลง รับประทานอาหารได้มากขึ้น และหายป่วยภายใน 5-7 วัน จึงไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

ผู้ป่วยน้อยราย (5%) ที่มีอาการป่วยรุนแรงซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิต  คือ ไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน ซึมหรืออ่อนเพลียมาก รับประทานอาหารไม่ได้  ไอมากจนเจ็บหน้าอก เกิดปอดบวม (หายใจถี่ หอบ เหนื่อย) นั้นพบว่า ส่วนใหญ่ (70%) เป็นกลุ่มผู้ที่มีภาวะเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (โรคปอด หอบหืด  โรคหัวใจ  โรคเลือด ไต เบาหวาน ฯลฯ)  ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ (โรคมะเร็ง ฯลฯ)  โรคอ้วน  ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี  เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี  หญิงมีครรภ์ อย่างไรก็ตาม มีส่วนหนึ่ง (30%) ที่มีอาการรุนแรงแต่ไม่สามารถสอบสวนหาภาวะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงและผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง  จึงต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ทันที

 

การดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงที่บ้าน

หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูงมาก ตัวไม่ร้อนจัด ไม่ซึมหรืออ่อนเพลียมาก  และพอรับประทานอาหารได้  สามารถดูแลรักษาตัวที่บ้านได้  โดยปฏิบัติดังนี้

·        ผู้ป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน  และพักอยู่กับบ้านหรือหอพัก ไม่ออกไปนอกบ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันหลังวันเริ่มป่วย หรือหลังจากหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้พ้นระยะการแพร่เชื้อ 

·        แจ้งสถานศึกษาหรือที่ทำงานทราบ เพื่อจะได้เฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และป้องกันควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที

·        ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซทามอล  (ห้ามใช้ยาแอสไพริน)  และยารักษาตามอาการ เช่น ยาละลายเสมหะ ยาลดน้ำมูก ตามคำแนะนำของเภสัชกร  หรือสถานบริการทางการแพทย์ หรือคำสั่งของแพทย์

·        ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส  ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ยกเว้นพบเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ต้องรับประทานทานยาให้หมดตามที่แพทย์สั่ง 

·        เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำสะอาดอุ่นเล็กน้อยเป็นระยะ  โดยการเช็ดแขนขาย้อนเข้าหาลำตัว  เน้นการเช็ดลดไข้บริเวณหน้าผาก  ซอกรักแร้  ขาหนีบ  ข้อพับแขนขา  และใช้ผ้าห่มปิดหน้าอกระหว่างเช็ดแขนขา  เพื่อไม่ให้หนาวเย็นจนเสี่ยงเกิดปอดบวม หากผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่น ต้องหยุดเช็ดตัว  และห่มผ้าให้อบอุ่น    

·        ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้มากๆ งดดื่มน้ำเย็นจัด

·        พยายามรับประทานอาหารอ่อน ๆ รสไม่จัด เช่น โจ๊ก ข้าวตม ไข่ ผัก และผลไม้ให้พอเพียง

·        นอนพักผ่อนมากๆ ในห้องที่อากาศไม่เย็นเกินไป และมีอากาศถ่ายเทสะดวก

·        หากอาการป่วยรุนแรงขึ้น  เช่น ไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน ซึมหรืออ่อนเพลียมาก รับประทานอาหารไม่ได้  ไอมากจนเจ็บหน้าอก เกิดปอดบวม (หายใจถี่ หอบ เหนื่อย) ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที

 

การแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ ในบ้าน

·        ผู้ป่วยควรนอนแยกห้อง ไม่ออกไปนอกห้องจนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้พ้นระยะการแพร่เชื้อ 

·        รับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น หากอาการทุเลาแล้ว  อาจรับประทานอาหารร่วมกันได้  แต่ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

·        ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ  ร่วมกับผู้อื่น

·        ปิดปากจมูก เวลาไอ จาม  ด้วยกระดาษทิชชู แล้วทิ้งทิชชูลงในถังขยะ และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล  หรือน้ำและสบู่หรือบ่อยๆ

·        ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นด้วยการสวมหน้ากากอนามัย

·        ผู้ดูแลผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย

·        คนอื่น ๆ ควรอยู่ไกลจากผู้ป่วยประมาณ 1-2 เมตร  หรืออย่างน้อยประมาณหนึ่งช่วงแขน

 

แหล่งข้อมูลการติดต่อเพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

1.   กรุงเทพมหานคร  ติดต่อได้ที่ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร  โทรศัพท์ 0 2245 8106,  0 2246 0358 และ 0 2354 1836

2.   ต่างจังหวัด  ติดต่อได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

 

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข   www.moph.go.th  และหากมีข้อสงสัย ติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0 2590 3333  และศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์  กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์  0 2590 1994  ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

หมายเลขบันทึก: 280845เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2009 00:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 20:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอบคุณครับที่นำข้อปฏิบัติ การป้องกัน

มาเผยแพร่ เข้าใจ..เป็นประโยชน์มากครับ

สวัสดีค่ะ

  • ขอขอบพระคุณค่ะ
  • สำหรับคำแนะนำและข้อปฏิบัตินะคะ
  • อาจารย์แป๋ว..สบายดีนะคะ

มาเยี่ยมค่ะอาจารย์
ตอนนี้พี่เป็นหวัดเพราะโดนละอองฝน เมื่อ2 วันก่อน
 
รู้สึกแสบคอ และจามหลายหน ใจไม่ดี รีบกิน ฟ้าทะลายโจร 4 เม็ด เย็น และก่อนนอน รีบนอนแต่หัวค่ำ ตอนเช้า รู้สึกดีขึ้น เช้า-กลางวัน กินไปอีก 2 มื้อแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก แต่ไม่มีไข้ ไม่เพลีย ไม่ปวดหัว คิดว่า พรุ่งนี้ คงหาย
สรรพคุณของสมุนไพรนี่ดีจริงๆ แต่ก็อดอยากจะรู้ไม่ได้ว่า มีคนแพ้ยาสมุนไพรไหม เพราะยาและอาหารทุกชนิดในโลก มีคนที่แพ้เสมอ
เลยไปค้นข้อมูลมาเขียนเผยแพร่ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณประเสริฐ ศรีแสนปาง
ขอบคุณมากค่ะ ที่แวะมา ฝากเผยแพร่ข้อมูลกันต่อๆ ไปด้วยนะคะ เราจะได้ไม่ต้องติด เป็นกังวล และอยู่ห่างไกลกับไข้หวัด 2009 ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ครูคิม

ขอบคุณมากค่ะ สบายดีนะคะ ดูแลสุขภาพให้ห่างไกลไข้หวัด 2009 นะคะ

สวัสดีค่ะพี่ศศินันท์

ขอบคุณมากค่ะ เมื่อกี้แวะไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรที่พี่ศศินันท์เขียนแล้วค่ะ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ แต่ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นค่ะ ... :)

สวัสดีครับ อ.แป๋ว

ตอนนี้ หน่วยงานของผม ก็ถือเป็นหน่วยงานหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ยังต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้  ก็ผลิตสื่อ และรณรงค์ไปกันหลายยกแล้ว ล่าสุดก็ลงพื้นที่หอพัก สร้างความเข้าใจ เฝ้าระวัง

ตอนนี้-หลายกิจกรรม ก็งด หรือชะลอ ไปก่อน

ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน

ขอบคุณมากค่ะ สบายดีนะคะ 2 หนุ่มน้อยเป็นอย่างไรบ้าง แก้มช้ำรึปล่าว ที่ไปให้ป้าๆ ลุงๆ คุณตา คุณยายหอมแก้มกันถ้วนทั่วที่สวนป่า ...
ที่ มข ก็มีนักศึกษาป่วยเป็น 2009 เหมือนกัน แต่ไม่มาก แล้วก็หายป่วยกันหมดแล้ว ตอนนี้ซาๆไปไม่ได้ข่าวว่ามี นศ. หรือบุคลากรป่วย แต่เราก็มีมาตรการกันเยอะอยู่ค่ะ ทั้งแจกหน้ากาก และมีแอลกอฮอลล์ ประจำห้องเรียน (บางคณะ) คอยฉีก และเช็ด โดยเฉพาะไมค์โครโฟน และคอมพิวเตอร์ที่ใช้ร่วมกันค่ะ

แต่กิจกรรมหลายๆกิจกรรมก็ยังดำเนินการอยู่ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • มาเยี่ยมค่ะ
  • สุขสันต์วันแม่ค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องไข้หวัด 2009
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท