ช่วงกลางคืนของวันที่ 28 เมษายน 2549 ผมกลับจากที่ทำงาน ผ่านมาทางด้านหน้าของวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร(ชื่อใหม่จำไม่ได้ซักทีเพราะยาวมาก) พบรถยนต์คันหนึ่งไม่ต้องบอกก็พอจะเดาออกว่า "รถเสีย" เพราะเห็นเปิดฝากระโปรงรถด้านหน้า และเห็นเจ้าของรถก้มลงหยิบจับเพื่อซ่อมรถของตนเองอยู่
เห็นรถผ่านไปผ่านมา ทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ เพราะไฟแถวนั้นสว่างมาก และเห็นคนขับรถที่ผ่านไปมาต่างก็หันมองรถที่จอดเสียอยู่ทุกคัน แต่ไม่เห็นแม้แต่คันเดียวที่จะจอดดูหรือซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น .... ผมผ่านไปพอดีก็เลยแวะจอดถาม เจ้าของรถก็คุยไปด้วยแล้วก็ซ่อมรถไปด้วย ผมถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม พี่ที่เป็นเจ้าของรถก็บอกว่าเป็นนิดหน่อยจะลองซ่อมดูก่อน ผมมองดูแล้วงานนี้คงต้องพึ่งช่างอย่างแน่นอน ก็เลยอยู่เป็นเพื่อนจนเจ้าของรถบอก ผมหมดปัญญาซ่อมต้องตามช่างและขอให้ผมช่วยไปส่งหาช่างที่อู่รถใกล้ๆ นี้ให้หน่อย
งานนี้ต้องอาศัยช่างครับ ตกลงก็เลยต้องนำรถไปไว้ที่อู่ แต่ที่ผมนำมาเขียนบันทึกก็เพราะว่าผมแปลกใจที่ทำไมไม่มีใครเลยที่ก่อนหน้านี้ จะช่วยเหลือคนที่กำลังพบกับปัญหา เพราะ
เหตุผมบันทึกไว้ไม่ได้หวังว่าตนเองจะได้อะไรจากการช่วยเหลือในครั้งนี้ ต้องการช่วยเหลือจริงๆ ในฐานะเพื่อนร่วมสังคมนี้คนหนึ่ง เพราะเขากำลังลำบากและน่าจะต้องการความช่วยเหลือ เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนี้น่าจะช่วยเหลือกันเท่าที่จะทำได้
เพราะผมคิดว่าสังคมจะมีความเอื้ออาทร และเป็นสังคมแห่งการเอื้ออาทรได้นั้น พวกเราทุกคนในสังคมนี้ ต่างก็ต้องลงมือปฏิบัติในขอบเขตและส่วนที่เกี่ยวข้องแห่งตนในการเอื้ออาทร หรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เพราะหากทุกคน ทุกส่วนต่างเอื้ออาทร...ผลของการกระทำนั้นก็จะกลับมาตอบแทนสังคม และส่งผลมาสู่ตัวเราในวันหนึ่งข้างหน้าอย่างแน่นอน.... ถึงวันนั้นแม้ไม่ได้หวัง..แต่สิ่งเหล่านั้นมันจะมาเองครับ
บันทึกมาเพื่อการ ลปรร.
วีรยุทธ สมป่าสัก
เรียน คุณชายขอบ
ขอบพระคุณมากครับสำหรับข้อคิดเห็น และเห็นด้วยครับที่จะต้องช่วยกันนำเสนอสิ่งที่ได้ "ลงมือทำ" สู่สังคมให้มากขึ้น
เรียน คุณ JC
ขอบพระคุณมากครับสำหรับอีกตัวอย่างหนึ่งของการทำหน้าที่เพื่อสร้างความเอื้ออาทรในสังคมบ้านเรา
ปรกติเวลารถเสียข้างทาง จะมีพวกฉวยโอกาสเข้ามาทำทีว่าซ่อมเป็นแล้วให้ความช่วยเหลือ ในที่สุดก็หนักกว่าเก่า แล้วบอกว่าต้องเข้าอู่แล้วโทรเรียกรถลาก พาไปอู่(เขียง) แต่พอเจอบิลค่าซ่อมแทบช้อค เพราะค่าซ่อมมันพอๆ กันกับเงินดาวน์รถใหม่
คนดีๆ ทั่วไปเลยขยาด แล้วก้อเลยไม่อยากให้ใครช่วยเพราะกลัวโดนก็ได้กระมัง ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะคนเข้ามาถามอย่างนี้ก่อนแล้วก็ได้ และได้รับการปฏิเสธไปก่อนหน้านี้แล้ว
ขอบคุณคุณยุทธที่นำมาเผยแพร่ค่ะ เราต้องเริ่มที่ตัวเองจริงๆค่ะ แล้วช่วยกันบอกต่อ
เชื่อว่าถ้าเราทำโดยดูสถานการณ์ให้ถ้วนถี่แบบที่คุณยุทธทำนี่แหละ คือสิ่งที่สมควรค่ะ หากเราทุกคนหวาดระแวงกันไปหมด ก็จะไม่มีทางเกิดสิ่งดีๆในสังคม ความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความหวาดกลัว ตัวเองก็ได้รับเมล forward มาเล่าเรื่องร้ายๆที่พบเจอบนท้องถนน ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ฯลฯ จนเป็นความหวาดระแวง แต่อย่างที่คุณยุทธบอกนั่นแหละค่ะ ที่ว่า
"พวกเราทุกคนในสังคมนี้ ต่างก็ต้องลงมือปฏิบัติในขอบเขตและส่วนที่เกี่ยวข้องแห่งตนในการเอื้ออาทร หรือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน และไม่หวังสิ่งใดตอบแทน"