คุณเเป๊วเก่งมากค่ะ การพูดเรื่องความตายกับเด็กเป็นเรื่องที่เราลำบากใจมาก เเม้กระทั่งพวกกุ้งอยู่ในทีมการดูแลเด็กป่วยมาเเละเจอเด็กระยะสุดท้ายมาเยอะ ท้ายที่สุดการพูดเรื่องความตายกับเด็กต้องขึ้นอยู่กับครอบครัว ว่าความต้องการที่จะบอกหรือไม่บอก เหนือสิ่งอื่นใดในบริบทอิสานจะไม่ค่อยบอก เเต่นั่นก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง พื้นฐานการเลี้ยงดูของครอบครัว ระยะเวลาในการรับทราบผลการเจ็บป่วยที่ไม่ดีแล้ว หากมีเวลาเตรียมตัวนานส่วนใหญ่ครอบครัวจะบอกเด็ก ในเด็กโตบางครั้งเราต้องเเน่ใจมากๆว่าเขาเข้าใจกับโรคทุกอย่างเเล้ว เราประเมินว่าครอบครัวบอกคนไข้เเล้ว เราถึงพุดกับเด็กได้
อ่านแล้วน้ำตาพาลจะไหล เป็นแม่ที่ใจเพชรเลยค่ะ การต้องจากก่อนเวลาที่ควรจะเป็น เป็นสิ่งที่ทรมานใจคนที่ยังอยู่มาก แต่ก็คิดถูกแล้ว ถ้าเขาอยู่แต่ช่วยตัวเองไม่ได้ จะยิ่งแย่กว่านี้
ตั้งแต่ลูกเล็กๆ แนวทางที่สอนลูก คือ พูดจริง พูดด้วยเหตุผล แต่ก็จะพยายามหาวัธีพูดในแบบที่เด็กในวันของเค้าจะเข้าใจ
แป๊วคิดว่าการที่เราคุยด้วยเหตุผล พูดความจริง จะเป็นการสอนที่ยั่งยืน เพราะถ้าเราพูดไม่จริง พอลูกโตขึ้นหน่อย ก็ต้องเปลี่ยนเหตุผลใหม่แล้ว
มาให้กำลังใจค่ะ
คุณบุศรินทร์ ขอบคุณนะคะ
มีหนังสือเล่มหนึ่ง ดิฉันเคยอ่านแล้วย่อยให้ลูกฟัง
"ชั่วนิรันดร์"
เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่เป็นอมตะ
เรา-ดิฉัน ค่อย ๆ เล่าแบบง่าย ๆ ตั้งแต่เขาอายุสี่ห้าขวบ
เพราะเขาชอบบอกว่า โตขึ้นจะเป็นนักวิทยาศาสตร์และคิดค้นยาทำให้คนเป็น อมตะ โดยเฉพาะพ่อแม่+เขา
เมื่อโตขึ้นมาทีละนิด ๆ ตอนนี้เพิ่งชนสิบเอ็ดขวบ เขาเข้าใจมากขึ้น
......คำที่เขาได้ยินเราสองคน-พ่อแม่ พูดบ่อย ๆ คือ
"ไปก่อนได้พักก่อน"
"ทุกคนต้องไป ไม่มีเว้น"
"ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัว เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของสิ่งมีชีวิต"
.....
แต่สารภาพค่ะ ว่า เรา-ดิฉัน กลัวมาก ๆ
ขอเป็นกำลังใจและขอเรียนรู้วิถีแห่งความเข้มแข็งค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
ชั่วนิรันดร์ มาลิ้งค์ให้ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณภูสุภา
ขอบคุณที่ส่ง link มาให้ ขอ add ไว้นะคะ
แป๊วมองว่า การที่เราจะช่วยอะไรลูก เราต้องจัดการที่ตัวเราก่อน เพราะลูกจะมองวิธีปฏิบัติจากพ่อแม่ คนใกล้ชิด เสมอ
ถ้าเราแสดงความกลัวให้เค้าเห็น เค้าจะกลัวยิ่งกว่าเราอีก เพราะเราคือ "แบบ" ที่เค้ามองเห็น
สำหรับเรื่องการ "ตาย" นั้น ถ้ามองให้ถ่องแท้แล้ว มันคือความปกติของทุกชีวิต
เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่า เรามักถูกสอนให้เรียนรู้วิธีต่างๆ เพื่อที่จะ "อยู่อย่างไร" กันอย่างแพร่หลาย แต่ไม่ค่อยมีการสอนเรื่อง "จะตายอย่างไร" ทั้งที่สุดท้ายทุกคนต้องตาย
ณ ตอนนี้ ก็ยังนึกขอบคุณ "ลูก" อยู่เสมอ ที่สอนเราในหลายๆ เรื่อง
แป๊ว
สวัสดีค่ะคุณแป๊ว
จามหาน้องธรรศ์มานานหลายเดือนแล้ว ดีใจจังที่น้องดีขึ้น แม่ๆในเวปmomypedia(บ้านแปลนเก่า) หลายคนอยากทราบว่าน้องเป้นยังไงบ้าง
คิดถึงน้องธรรศ์น้องธรณ์ค่ะ ขอให้น้องธรรศ์แข็งแรงแบบนี้ตลอดไปนะคะ คุณแป๊วผุ้เข้มแข็งและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับแม่ๆทุกคน
บุญรักษานะคะ
ปล แวะไปที่เวป momypedia บ้างนะคะ ถ้าพอมีเวลา
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่ยังนึกถึง และห่วงใยกัน ทั้งๆ ที่หลายๆ คนก็ไม่ได้รู้จักกันเลย เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่ลูกไม่สบาย
หลังจากที่ผ่าตัดไตซ้ายออกไป ฉายแสง 11 ครั้ง ให้เคมีบำบัด 2 คอร์ส (25 ครั้ง) จบการให้เคมีบำบัดเมื่อปลาย พ.ย.51 ตอนนี้ธรรศก็อยู่ในช่วงติดตามอาการค่ะ ต้องไปทำ BONE SCAN CT SCAN ทุก 6 เดือน
ณ ตอนนี้คือยังไม่มีการกลับมาของโรค ก็ต้องคอยดูไปเรื่อยๆ ค่ะ เพราะสำหรับมะเร็งนั้น ตัวเองมองว่าเป็นได้ 2 ทาง คือ อยู่ไปได้เรื่อยๆ กับหมดเวลา เรื่องหายมั้ย? ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีใครทราบ บอกแน่นอนไม่ได้ เลยไม่ทราบจะถามคุณหมอ หรือตั้งคำถามไปทำไม โดยเฉพาะตัวที่ธรรศเป็นนั้น (CLEAR CELL SARCOMA) ถือเป็นรายที่ 2 ของ รพ. จุฬา และ 10 ปี ที่ผ่านมามีเคสแบบธรรศ 40 ราย จากทั่วโลก ซึ่งคนเป็นน้อยมากๆ มันยิ่งไม่น่าจะต้องถามเรื่องหายกันเลยค่ะ
ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับการทำคุณภาพชีวิตของปัจจุบันให้ดีที่สุดสำหรับธรรศ (เท่าที่เราทำให้ได้) และมองถึงว่าถ้าหากหมดเวลา.. จะทำอย่างไรน่าจะดีกว่า
ซึ่งแนวคิดในการดูแลธรรศที่เป็นมาตั้งแต่ต้นก็สอดคล้องกับการดูแลในแนว "ชีวันตารักษ์ หรือ Palliative care" คือการดูแลอย่างเต็มที่ทั้งทางกาย ใจ จิตวิญญาณ โดยไม่หวังการหายของโรค
จะหาโอกาสเข้าไปที่ momypedia ค่ะ ต้องลงทะเบียนใช่มั้ยคะ ช่วงหลังที่ไม่ได้เข้าไปเพราะช่วยคุณหมอเรื่องเด็กๆ ที่ป่วย เลยไม่ค่อยมีเวลาค่ะ
ตอนนี้ธรรศ กับธรณ์ อายุ 6 ปีเต็ม (เมื่อ 27 ต.ค.52) เรียนอยู่ชั้นเด็กเล็ก ที่ประถมสาธิต มศว.ประสานมิตรค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
แป๊ว
ขอบคุณ คุณแป๊วคะที่เข้าไปบอกข่าวคราวใน momypedia ค่ะ ขออนุญาติติดตามน้องธรรศที่นี่นะคะ
ลูกชายทั้ง2 ของคุณแป๊วน่ารักมากค่ะเชื่อฟังพ่อแม่ดี คงด้วยวิธีการสอนของคุณแป๊วนั่นเอง อยากเป็นได้อย่างคุณแป๊วบ้างจัง
^^
สวัสดีค่ะ
หลานของดิฉันเป็นเหมือนลูกของคนเลยค่ะ ตัดไตข้างซ้ายพร้อมม้ามออกไปแล้วค่ะ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
รอบที่ 2 แล้วค่ะ เพราะเจ้าก้อนมะเร็งมันกลับมาอีก (ที่เดิม) หมอบอกว่ายังผ่าตัดไม่ได้เพราะก้อนมันโตเกินไป อาจไปกระทบถึงเส้นเลือดใหญ่ได้ ตอนนี้ให้คีโมเพื่อให้ก้อนยุบ หรือฉายแสง เพื่อจะผ่าออกได้ คุณหมอบอกว่าหลานของดิฉันมีชีวิตอยู่ได้แค่ 2 ปี ตอนนี้ในครอบครัวทุกคนกำลังหมดหวัง แต่ก็ยังสู้และพร้อมที่จะยอมรับมันให้ได้ เข้ามาเจอ Web ของคุณโดยบังเอิญ เพราะเป็นคนที่ชอบหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้อยู่ตลอดเวลา เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากค่ะ และขออนุญาติ Print ไปให้คนในบ้านอ่านนะคะ เพื่อสร้างกำลังใจ และตอนนี้กำลังลังเลอยู่ว่าจะย้ายไปรักษาตัวต่อที่ โรงพยาบาลศิริราชดีหรือไม่ แต่คุณหมอที่ให้คีโมบอกว่า ยาตัวนี้เป็นยาตัวเดียวกับโรงพยาบาลศิริราชซึ่งเป็นยาตัวเดียวที่จะรักษาได้ หากคุณมีคำแนะนำอย่างไรช่วยบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะคุณน้ำ
แป๊วให้เมล์ไว้นะคะ ส่งที่ [email protected] จะคุยกันได้สะดวกค่ะ
หรือจะโทรศัพท์มาคุยก็ได้นะคะ ยินดีค่ะ 081 931 1414 / 089 111 1414 / 080 599 1414
ส่งก่อนเผื่อยัง on อยู่