รูปจากhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=01-2009&date=25&group=1&gblog=40
ความตื่นเต้นกับครั้งแรกที่ได้ไปแค้มป์บ้านกร่างทำให้ผู้เขียนต้องรีบตื่นแต่ตี 5 สัมภาระที่เตรียมไว้แต่เมื่อคืนถูกจัดวางเตรียมเดินทางหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว การเดินทางวันนี้จะมีเพื่อนร่วมทางอีก 2 คน แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครไปอย่างไร ผู้เขียนได้มาขึ้นรถตู้โดยสารของบริษัทปิยะ อังคินันท์ตรงห้างเซนจูรีแถวอนุสาวรีย์ชัย ตามคำแนะนำของน้าหมูที่เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ที่แค้มป์บ้านกร่าง ลงรถเมล์แล้วขึ้นรถตู้ทันทีไม่ได้แวะซื้อน้ำท่าอื่นใดเลย รถออกจาก กรุงเทพราว 8 โมงเช้าใช้ระยะเวลาราว 3 ชั่วโมงถึงปลายทางที่ทำการอำเภอแก่งกระจาน การนั่งรถตู้โดยสารนี้ดูจะคับแคบมาก อีกทั้งผู้โดยสารด้วยกันเองมีแต่ตัวใหญ่ ๆ สัมภาระที่เอาไปก็เยอะ ทำให้ดูพะรุงพะรัง เกรงใจคนร่วมเดินทางอยู่ไม่น้อย โชเฟอร์เองก็ขับรถจี้หลังคันหน้าอย่างน่ากลัว อดแปลกใจกับผู้โดยสารท่านอื่น ๆ ไม่ได้ว่าทำไมพวกเขาเหล่านั้นหลับได้อย่าง่ายดาย แต่ตัวผู้เขียนเองนั่งตัวนิ่งอยู่ตลอดไม่อาจหลับตาเหมือนพวกเขาได้ ระหว่างทางโชเฟอร์เหยียบเบรกชนิดหัวทิ่มก็หลายหน เกือบเฉี่ยวมอเตอร์ไซด์เลนซ้ายสุดก็ยังมีให้เห็น
อย่างไรก็ตามหากว่าดูการจัดการของบริษัทนี้ที่ได้สัมปทานการเดินรถตู้บริการก็พอมีข้อดีให้เห็นอยู่บ้างว่า การจัดการเรื่องการลดค่าใช้จ่ายกับการดำเนินกิจการ บริษัทนี้ดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน สิ่งที่เห็นได้คือการทำให้จำนวนผู้โดยสารเต็มทุกคัน ทุกครั้งที่ล้อรถหมุน นั่นคือ รถตู้คันใดที่คนยังไม่เต็มก็ให้รอรถตู้คันต่อไปมาใส่เพิ่มหรือใส่ในจำนวนที่พอเหมาะรถตู้คันนั้นถึงจะล้อหมุนได้ นับได้ว่าเป็นการจัดการที่เข้าท่าดี และพยายามสร้างรอยต่อของการส่งรถส่งคนให้ถี่เข้าไว้ เพื่อว่ารถที่ใช้งานจะได้มีความจำเพาะต่อถนนที่วิ่ง ทำให้รู้สภาพรถ สภาพถนน คนขับก็ชำนาญทาง
การเดินทางมีการสื่อสารกันตลอดและเพิ่มความถี่มากขึ้นเมื่อรถใกล้ถึงที่หมาย เมื่อลงรถก็ทราบว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมของแค้มป์บ้านกร่างคือใคร และได้เจอกับน้ำตุ๋ย น้าหมูพลขับที่จะดูแลคณะเราจนกว่าคณะเราจะลากลับ น้ำตุ๋ยเอารูปที่ถ่ายนกแต้วแล้วครอบคัวหนึ่งมาเรียกน้ำย่อยทำให้คณะเราเพิ่มดีกรีความอยากขึ้นมาในบัดดล เจอกันทักทายกันเสร็จพากันไปหาซื้อของไปทำกินกันบนแค้มป์บ้านกร่าง เนื่องจากข้างบนไม่มีอะไรให้ซื้อให้ทาน คนที่ไปค้างแรมต้องนำไปทำกินกันเองทำสิ้นโดยไม่มีข้อยกเว้น สิ่งที่แวะซื้อได้แก่ เนื้อหมู ไข่ เครื่องปรุง เหล่านี้เป็นต้น รวมทั้งน้าหมูเอาปลานิลและปลาแรดที่ตกได้ในแก่งไปเป็นอาหารเย็นของคณะของเราด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนและเพื่อนอีก 2 ชีวิตที่มาใหม่นั้นยังไม่ได้ทานอะไรนับแต่ออกมาจากกรุงเทพ เป็นเหตุให้ต้องหาร้านอาหารได้แวะทานกัน จะได้ไม่ต้องมาหิวเป็นกังวนภายหลังได้ ร้านอาหารที่แวะทานคือที่แก่งกระจาน เป็นเมนูสิ้นคิดคือ กระเพราะไก่ ไข่ดาว เสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัวรถน้าหมูที่เป็นกระบะพาคณะเราขึ้นแค้มป์บ้านกร่าง ระยะทางจากที่ทำการถึงแค้มป์บ้านกร่างราว 50 กิโลเมตร ก่อนเข้าบ้านกร่างต้องผ่านด้านสามยอดซึ่งน้าหมูเป็นคนจัดการเรื่องค่าธรรมเนียมการค้างแรมกับจำนวนคนจำนวนคืนที่ค้างแรม การเดินทางก็เล่าเรื่องราวและงานอดิเรกของกันและกันมาเล่าแลกเปลี่ยนกันเป็นการฆ่าเวลา การแลกเปลี่ยนทัศนคติการถ่ายภาพในแนวที่ตนถนัดระหว่างกัน ประสบการณ์การได้ไปค้างแรม และอื่น ๆ ทำให้ระยะทาง 50 กิโลเมตรดูจะสั้นลงไปตามเรื่องที่เล่าแลกเปลี่ยนคุยกัน รถน้าหมูมาปล่อยให้ผมลงตรงที่หมายของรังนกแต้วแล้วโดยน้าตุ๋ยและน้าหมูบอกว่าให้เดินไปตามเส้นทางที่มีจะเจอบังไพรกางรออยู่ก่อนหน้านี้เองและให้เข้าไปถ่ายอยู่ในบังไพรที่กางไว้อยู่ที่นั่นตามสบายเลย
ไม่มีความเห็น