ทำอย่างไร สมองดีได้นาน

<p>ยุคนี้คนเรามีโอกาสที่จะมีอายุยืนยาวมากขึ้น ทว่า... อายุยืนไม่ได้มีดีไปเสียทั้งหมด </p><p>ปัญหาที่มาคู่กับอายุยืนคือ ความเสื่อมต่างๆ โดยเฉพาะสมองจะปรากฏชัด อาจเกิดเป็นโรคสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์ ฯลฯ</p><p></p><p>ข่าวดีวันนี้คือ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National institute of health / NIH) จึงทำการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความเสื่อมของสมอง ปรากฏว่า </p><p>ได้ปัจจัยต่างๆ มาหลายข้อ ทั้งปัจจัยด้านดีและด้านร้ายที่มีผลต่อสมอง ปัจจัยเหล่านี้มีทั้งปัจจัยที่ปรับเปลี่ยนได้ และปรับเปลี่ยนไม่ได้</p><p></p><p>ผู้เขียนขอยกปัจจัยบางส่วนมาเล่าสู่กันฟัง เริ่มด้วยปัจจัยด้านร้ายมาก่อนปัจจัยด้านดี เพื่อให้บทความตอนนี้ happy ending หรือจบลงด้วยดี </p><p></p><p>ปัจจัยด้านร้ายได้แก่ </p><ul>

อายุมาก

ความดันเลือดสูง

โรคเส้นเลือดสมองอุดตัน (stroke / TIA)

เบาหวาน

ซึมเศร้า (low mood)

เจ็บป่วยเรื้อรัง

พิการ

ความเครียด

และเพศหญิง(ผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย จึงมีโอกาสเกิดโรคสมองเสื่อมมากกว่าไปตามอายุ)

</ul><p></p><p>ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้หญิงอย่าเพิ่งตกอกตกใจ รายงานการศึกษานี้ศึกษาปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อโรคสมองเสื่อม…</p><p>การที่โรคนี้พบมากในผู้หญิงน่าจะเป็นเพราะผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย ผู้ชายคงจะเสียชีวิตก่อน เลยไม่มีโอกาสเป็นโรคสมองเสื่อมก็เป็นได้</p><p></p><p>ทีนี้มาดูปัจจัยด้านบวกบ้าง ปัจจัยด้านบวกได้แก่ </p><ul>

การศึกษาสูง

ฐานะทางเศรษฐกิจสูง(รวย)

มีระบบสนับสนุนสุขภาพจิต (emotional support systems) เช่น ครอบครัวดี เพื่อนฝูงดี สังคมดี ฯลฯ

สมรรถภาพปอดดี

ไม่ใช้แอลกอฮอล์มากเกิน

และการออกกำลังกาย

</ul><p></p><p>ถ้าประมวลปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกันจะเห็นว่า การรักษาสุขภาพพื้นฐาน โดยเฉพาะการออกกำลังกาย การกินอยู่อย่างพอดี การศึกษาเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต และการมีสังคมประเภทช่วยเหลือเกื้อกูลกัน</p><p>ท่านผู้อ่านที่ไม่รวยอย่าเพิ่งตกอกตกใจ คนไทยบ้านเราถึงไม่รวยก็มีชีวิตที่ดีงามได้ เพียงแต่ขอให้รู้ประมาณ ไม่ก่อหนี้โดยไม่จำเป็นจริงๆ ปลูกพืชผักสวนครัว ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง อย่างนี้ก็มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้</p><p></p><p>ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี กินอยู่อย่างพอดี จะได้มีสมองดีไปได้นานๆ... </p><p>แหล่งข้อมูล:</p><ul>

ภาพคณะครู-นักเรียนพม่าสวดมนต์ ณ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ย่างกุ้ง (กรกฎาคม 2548).

โปรดสังเกตว่า ชาวพม่าจะมีกังสดาล(ชี้-สิ)สำหรับตีบอกบุญเทวดา เทวดาพม่าคงจะรักชาวพม่ามาก เพราะชาวพม่าให้บุญเทวดาบ่อยเหลือเกิน

ชาวพม่าชอบสวดมนต์คราวละนานๆ โดยเฉพาะในคราวประสบเคราะห์ภัยอาจจะสวดติดต่อกันเป็นวัน หรือเป็นสัปดาห์จนกว่าวิกฤตการณ์จะผ่านไป สังคมตะวันออกเป็นสังคมที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันสูงกว่า และดูจะอบอุ่นกว่าสังคมตะวันตก >>> แนะนำให้อ่านเรื่อง "ความเชื่อเกี่ยวกับพระปริตรและการสะเดาะเคราะห์ของชาวพม่า. ศูนย์พม่าศึกษา. >>> http://www.myanmar.nu.ac.th/cult/index4_12.htm

ขอขอบคุณ > Approaching brain health from a new perspective. Physician’s Weekly. May 8, 2006. Vol. XXIII. No.18. http://www.physiciansweekly.com/article.asp?issueid=345&articleid=3227 > May 9, 2006.

ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก “บ้านสุขภาพ” มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค

ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้

ขอขอบพระคุณ > อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ IT โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี

ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง

นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๙ พฤษภาคม ๒๕๔๙

</ul>

[วัลลภ พรเรืองวงศ์]

• เชิญชมภาพคณะครู-นักเรียนสวดมนต์ ณ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (ภาพใหญ่) ที่นี่ >>> http://www.gotoknow.org/file/wullopporn/Pray.jpg

[วันเพ็ญ]

ขอขอบคุณท่าน อ. หมอวัลลภค่ะ

จะพยายามนำสิ่งที่อาจารย์แนะนำมาปฏิบัติค่ะ

[วัลลภ พรเรืองวงศ์]

• ขอขอบคุณอาจารย์วันเพ็ญ และท่านผู้อ่านทุกท่าน...       
• ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีสมองดีไปนานๆ ครับ

[ดรีม คนเขียนข่าว]

หนูก็อยากมีสุขภาพดี มีลอยหยักที่สมองเยอะๆ ด้วย

ขอบคุณอาจารย์ นพ.วัลลภ มากเลยนะคะ ที่มีสาระดีๆมาฝากเสมอ

[วัลลภ พรเรืองวงศ์]

• ขอขอบคุณอาจารย์ดรีม... คนเขียนข่าว
• ขอให้อาจารย์และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสุขภาพดี มีสมองดีไปนานๆ                                                                   

[สุนทรี แซ่ตั่น]

อาจารย์ นพ.วัลลภ คะ

หนูขออนุญาต นำบทความจาก blog ของอาจารย์ มาเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ในที่ทำงานอ่านสาระเกี่ยวกับสุขภาพนะคะ เนื่องจากคิดว่าน่าจะมีประโยชน์มากสำหรับคนที่อยู่ในวัยทำงาน

ขอบคุณอาจารย์ มาก ๆ คะ ที่ให้สาระดี ๆ แก่ผู้อ่าน : )

[เปมิช]

 

• ได้ยินว่าถ้าใช้สมองบ่อยๆ โอกาสที่สมองฝ่อ/อัลไซเมอร์ ก็จะช้าลงใช่ไหมครับ
• ไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะช่วยได้แค่ไหนครับ โอเมก้า-3 DHA EPA ฯลฯ กินกันไม่หวาดไม่ไหวเรียกว่ากินแทนข้าวได้เลยเพราะมีหลายยี่ห้อมาก
• เคยดูสารคดีในทีวีรู้สึกว่า ฝรั่งจะใช้ Stem cell รักษา Parginson syndrome ได้แล้วใช่ไหมครับ ผมคิดว่าน่าสนใจกว่าใช้ไฟฟ้า เพราะดูแล้วน่าจะยั่งยืนกว่า เพราะใช้ไฟฟ้า ถ้าแบตเตอร์รี่หมด ก็อาจจะมีอาการได้อีก

 

• สุดท้ายนี้ ถ้าไม่อยากให้สมองเสื่อมก่อนเวลาอันควรก็...

• เวลาขับขี่ หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ก็สวมหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐาน
• ขับช้าๆ
• ปฏิบัติตามกฎจราจร
• อย่าขับไปโทรศัพท์ไป
• ง่วงไม่ขับ
• ดื่มอย่าขับ

[วัลลภ พรเรืองวงศ์]

• ขอขอบคุณอาจารย์สุนทรี อาจารย์เปมิช ท่านผู้อ่าน และท่านผู้ให้ข้อคิดเห็นทุกท่าน...
• ยินดีให้นำบทความไปใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะได้ ที่เขียน "สงวนลิขสิทธิ์" ...
  1). เพื่อป้องกันการนำไปใช้เพื่อการค้า
  2). เพื่อรอให้มีท่านผู้อ่าน หรือท่านผู้ให้ข้อคิดเห็นแนะนำ ท้วงติง
  3). เพื่อให้บทความดูน่าสนใจ เข้าทำนอง "ยิ่งหวง ยิ่งท้าให้ลอง(อ่านดู)" อะไรทำนองนั้น...
• การป้องกันสมองเสื่อม...                                        
  1). อย่าทำลายสมองตัวเอง เช่น ขับขี่ระมัดระวังแบบที่อาจารย์เปมิชแนะนำ ไม่ดื่มเหล้า ไม่เสพยาบ้า-ยาเสพติด ฯลฯ
  2). ใช้สมองคล้ายๆ กับการออกกำลังกาย เช่น ทำงานที่ใช้มือ 2 ข้าง ถ้าล้างรถมือขวาก็ให้ลองใช้มือซ้ายช่วยบ้าง ฝึกภาษา 2 ภาษาขึ้นไป โดยเฉพาะการเรียนรู้เรื่องใหม่ การสวดมนต์ 2 ภาษา
  3). ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม... ไม่ต้องไปซื้ออะไรแพงๆ เพียงกินข้าวกล้อง ผัก ผลไม้(ผักควรมากกว่าผลไม้ เพราะผลไม้มีน้ำตาลมาก) ถั่ว งา ปลา พริก(ถ้าไม่แพ้พริก) และอาหารทะเลหลายชนิดสลับกันก็ดีมาก
  4ก). ถ้ากินปลาทะเล 2-3 คร้ง/สัปดาห์ หรือกินน้ำมันปลา(เม็ดละ 2+ บาทที่แมโคร)วันละ 1 เม็ดสำหรับคนทั่วไป ถ้าเป็นเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุขที่ดูแลท่านก่อน...
  4ข). อาจารย์ประเวศ วะสีท่านกล่าวไว้ดีมากครับ... ท่านว่า คนแข็งแรงเพราะออกกำลัง เช่น กรรมกร ฯลฯ ไม่ใช่เพราะอาหาร
  4ค). สมองก็คล้ายกัน... สมองแข็งแรงเพราะออกกำลังความคิด ฝึกสมาธิ ลดความเครียด(ถ้ามากเกิน) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ลปรร.) หลีกเลี่ยงการกระตุ้นมากเกิน เช่น ไม่ควรดูหนังน้ำเน่า ข่าวโหด (เช่น 4 จังหวัดภาคใต้ ฯลฯ) รายการโชว์ TV มากเกิน ฯลฯ เพื่อป้องกันภาวะ "ข้อมูลท่วม (flooded data / flooded information)"
  5). โรคสั่นพาร์คินสัน (Parkinson's disease) มีการทดลอง พยายามใช้เซลล์อื่นไปทดแทนเซลล์สมองกลุ่มหนึ่งที่ตาย หรือหน้าที่บกพร่อง หลักการนี้ดูจะยั่งยืนกว่าการกระตุ้นไฟฟ้าอย่างที่อาจารย์เปมิชว่าไว้...
• ขอให้อาจารย์สุนทรี อาจารย์เปมิช ท่านผู้ให้ข้อคิดเห็น และท่านผู้อ่านทุกท่านมีสมองดี มีความคิดก้าวไกลไปนานๆ ครับ...