รศ.ประภาภัทร นิยม “ทุกคนมีความปรารถนาดีอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง ไม่ได้มาบ่นปัญหา แต่อยากจะแก้ไข การเรียนรู้ของมนุษยชาติต้องเริ่มต้นด้วยความเมตตา เรื่องของความสัมพันธ์ เรา – เขา – โลก ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่ไม่รู้ทำไมพอพูดถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษาทีไรกลายเป็นเด็กพิเศษกันหมด สมาธิสั้น จับจด ไม่รู้เหตุรู้ผล
วันก่อนไปดูหลาน ผมแม่หลุดร่วงลงมา หลานเอากลับไปต่อที่ศีรษะ ตัวยายบอกให้เอาไปทิ้ง นี่เป็นเพราะไม่รู้ไตรลักษณ์กันทั้งยายทั้งหลาน ถ้าเราเปิดใจให้กว้างแล้วก็จะเห็นว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นในชีวิตของเราอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการเรียนรู้ธรรมด้วย ธรรมชาติของมนุษย์เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
เด็กเรียนรู้ภาษาไทยมาตั้งแต่เกิด นอกจากคำศัพท์แล้วเขายังรู้ไปถึงความหมายเชิงนามธรรมของเรื่องต่างๆ ด้วย แต่ความคับแคบของระบบการศึกษาทำให้เกิดมีผู้สอนกับผู้ถุกสอน มีห้วงเวลาของการเรียนการสอน ซึ่งตรงข้ามกันกับการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และมีความหมายต่อชีวิต
พระพรหมคุณาภรณ์ท่านกล่าวว่า มนุษย์เราประเสริฐเพราะฝึกฝน มนุษย์เป็นสัตว์ที่ฝึกได้ ฝึกด้วยไตรสิกขา อาศัยศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องฝึก ทุกวันนี้คนเราไม่ค่อยรู้ตัวแล้วก็ยังหลงไปในความคิด หลงติดอยู่กับความคิดอันเก๋ไก๋ของเรา ฟังใครก็ฟังไม่ตลอด การเรียนก็เรียนไปเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่สิ้นสุด เพื่อความอยากในการเสพบริโภคอันตัวเราไม่สิ้นสุดของตัวเรา เราต้องเอาชนะเรื่องนี้ของตัวเองก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นจะไปสอนอะไรใครเขา
การศึกษาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร Child-Centered หรือ Teacher-Centered ล้วนแต่เจริญไปเพื่อสนองการเสพบริโภคอันตัวเราไม่สิ้นสุดของตัวเรา ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากี่หนเราก็ยังคิดอย่างเดิม คือหาวิธีเสพบริโภค เราเองก็ยังเรียนไม่เสร็จ
อย่าเอาการเรียนรู้ไปอยู่ในระบบปิด อย่าติดกับระบบการศึกษาอันคับแคบที่มีเพียงผู้สอนและผู้ถูกสอน แล้วจะพบว่ามนุษย์เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้เพื่อรู้จักตัวเองด้วยการย้อนมองตัวเอง ใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง พาให้เราเข้าถึงสติปัญญาได้ แต่เราไม่ค่อยเอามาใช้
ทุกคนรู้ดีว่าการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ การเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ให้ผลดีกว่าการเรียนรู้จากตำราแต่เราก็ยังหลงทำกันอยู่ เราหลงไปหรือเปล่า เรารู้แต่เราก็ยังพากันเข้าไปสู่กรงขังของปัญญา ถ้าพอใจอยู่แค่ความรู้ก็อยู่ในกรงขังแห่งปัญญา
คนจะหลับไปนานแค่ไหน เราทำอะไรกันอยู่ ทำทำไมเรื่องการศึกษา ทำเรื่องการเรียนรู้ดีกว่าไหม บอกแล้วครูก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะบอกว่าเดี๋ยวเด็กต้องไปสอบ เลยคิดว่าต้องไปทำความตกลงกับอุดมศึกษาว่าอยากได้เด็กดีๆ อย่างนี้ไหม
เด็กจะเรียนเป็นหรือไม่เป็นอยู่ที่อายุ ๐ – ๗ ปี จบอนุบาลให้อนุปริญญา จบประถม ๓ ให้ปริญญาตรีได้เลย ถ้าเราเปลี่ยนเพดานบินได้ เราก็จะทำอะไรได้มากขึ้น ต้องคอยปรับที่ตัวเองก่อน แต่ไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไรทั้งระบบ เราต้องการกัลยาณมิตรในการเปลี่ยนแปลง คิดให้สนุกเข้าไว้ วิธีการย่อมมีแน่นอน”
คุณสุภาวดี หาญเมธี คุณครูปาด(อ.ศีลวัต ศุษิลวรณ์) เคยพูดไว้ว่า “เด็กไม่ได้โตขึ้นมาในระบบการศึกษา แต่เขาโตขึ้นมาในกระบวนการทางวัฒนธรรม” ...สังคมไทยจริงใจ จริงจังไหมที่จะเปลี่ยน หรือจะปล่อยให้คนที่พยายามทำการเรียนรู้เป็นพวกอินดี้ อัลเตอร์ อยู่ร่ำไป
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
คงจะต้องปฎิรูปกันที่วัฒนธรรมก่อนละกระมังครับ ถึงจะปฏิรูปการศึกษาได้
ขอบคุณครับ
ทุกคนรู้ดีว่าการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ การเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ให้ผลดีกว่าการเรียนรู้จากตำราแต่เราก็ยังหลงทำกันอยู่ เรารู้แต่เราก็ยังพากันเข้าไปสู่กรงขังของปัญญา ถ้าพอใจอยู่แค่ความรู้ก็อยู่ในกรงขังแห่งปัญญา
ทำทำไมเรื่องการศึกษา ทำเรื่องการเรียนรู้ดีกว่าไหม บอกแล้วครูก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะบอกว่าเดี๋ยวเด็กต้องไปสอบ
คนที่พยายามทำการเรียนรู้เป็นพวกอินดี้ อัลเตอร์
การตกในวังวนรัก โลภ โกรธ หลง อย่างขาดสติ ก็เป็นส่วนสำคัญของการให้การศึกษา แต่ปราศจากการเรียนรู้ที่ถูกต้อง หนักอีกแล้วครับสำหรับหน้าที่ครู ช่วยกันครับ คิดหาวิธีและปฏิบัติกันด้วย จึงจะเป็นผลครับ.