จารุวัจน์ شافعى
ผศ.ดร. จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง

คนเดียว หัว....


คืนนี้ตั้งใจว่าจะไม่เปิดเว็บ g2k แล้วเชียว เพราะตั้งใจว่าจะเริ่มทำงานเลย งานล้าช้าไปทุกเรื่องเลยครับ แต่ก็อดไม่ได้ ช่วงนี้ต้องเปลี่ยนบทบาทของ g2k จากเครื่องมือในการจัดการความรู้ ไปเป็นเครื่องมือของการระบายอารมณ์ (เป็นหลัก) ไปพลางๆ ก่อนนะครับ ไม่ได้เข้ามาเขียนบล็อกแล้ว ทำงานอื่นไม่ลง ฮิฮิ (อาการคนติดบล็อก ต้องรีบบำบัดด่วน)

วันนี้ผมได้รับการเชื้อเชิญจากท่านรองคณบดีฝ่ายวิชาการ ให้กลับมาทำงานให้คณะบ้าง ฮิฮิ กลับมารอบนี้เลยได้รู้ตัวครับว่า ผมห่างหายไปจากคณะนานมาก ด้วยเหตุนี้กว่าจะหาห้องประชุมได้ เลยต้องเดินวนอยู่หลายรอบ ฮิฮิ ก็จะให้ทำงัยละครับ ตอนนี้ห้องทำงานก็ไปอยู่อีกตึกหนึ่ง จะมาตึกนี้ก็ไม่มีธุรปะปังอะไรกับใครแล้ว

เดิมทีวันนี้ผมต้องการใช้กระบวนการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันภายในกลุ่มครับ ตามที่เคยคุยกับท่านรองฯ สมัยกระโน้น แต่ดูเหมือนว่า มีผู้เข้าร่วมกลุ่มหนึ่งอยากเห็นกระบวนการของเวิร์ลคาเฟ่ ฮือ บรรยากาศไม่อำนวย แต่ก็คงต้องใช้รูปแบบนี้ในการจัดครับ รองคณบดีฝ่ายวิจัยฯ พยายามถามผมว่า นี่อาจารย์กำลังใช้กระบวนการเวิร์ลคาเฟ่กับเราอยู่ใช่มัย ผมตอบไปว่า ไม่ทราบเหมือนกันครับ เอาเป็นว่า มันเป็นลูกผสมครับ สูตรตามใจนายอีย์ ฮิฮิ คิดว่าผลที่ได้คงน่าชื่นชมพอสมควรครับ เพราะเท่าที่ฟังเสียงร้องโอดโอยแล้ว น่าจะโอเคดี ฮา

อย่างที่เคยคุยในบล็อกก่อนหน้า (หลายวันมาแล้ว) ว่า ถ้าจะหาความพร้อมเพรียงในคณะศิลปศาสตร์ฯ อาจจะเป็นเรื่องยากมาก เมื่อเทียบกับคณะอิสลามศึกษาครับ วันนี้ก็เป็นหนึ่งในหลักฐานที่ผมเคยพูดไว้ แต่ที่คิดสะท้อนใจขึ้นมาคือ คำกล่าวของท่านอธิการบดี มอ.ครับ เมื่อครั้งที่ไปร่วมงาน g2k forum ที่ท่านพูดถึงการสื่อสารภายในองค์กร ที่ผู้นำองค์กรจะต้องให้ความสำคัญมากๆ อาจจะต้องจัดให้เป็นอันดับต้นๆ เลยครับ สาเหตุที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่า รองคณบดีฝ่ายบริหารฯ พูดในงานนี้ว่า เรามักจะเป็นการรับคำสั่ง รับนโยบายมาทำ (อันนี้คนที่กุมนโยบายเป็นคนพูดนะครับ) คำถามที่เกิดขึ้นในใจผมคือ ตั้งแต่ผมออกจากตำแหน่งบริหาร ผมจำไม่ได้เลยว่า ผมเคยได้ยินการมอบนโยบายจากผู้บริหารมายังอาจารย์ในคณะ ถึงแม้ผมจะได้เข้าร่วมกิจกรรมของคณะน้อยลงมาก แต่ผมก็มั่นใจว่า ผมยังไม่เคยได้ยินการมอบนโยบายเลยสักครั้งเดียว

คำถามของผมคือ นอกจากผมจะนึกไม่ออกว่าผู้บริหารคณะสื่อสารมายังคณาจารย์ในคณะด้วยช่องทางใดบ้างแล้ว ผมยังจำไม่ได้แม้กระทั่งว่า เนื้อหาของสารที่ส่งมายังอาจารย์ในคณะมีอะไรบ้าง (ผมนี้แย่มากมัยครับในฐานะของอาจารย์ในสังกัด) ผมนึกไปถึงวัจนะของท่านศาสนทูต (ซ.ล) ที่บอกไว้ว่า เมื่ออยู่กันตั้งแต่สองคนขึ้นไป จำเป็นต้องมีผู้นำ คำถามที่เกิดขึ้นคือ ทำไมต้องมีผู้นำ ผมว่า หากแม้นผู้นำจะไม่สามารถทำพาไปยังทิศทางใดได้ ก็ควรมีบทบาททำให้คนในกลุ่มที่รวมกันไม่แตก และเกิดความพร้อมเพรียงกัน ก็ดูจะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่แล้วละครับ

รองบริหารพูดวันนี้ว่า เราเป็นคณะที่มีสาขาหลากหลายมาก เรามีนักวิชาการจำนวนมาก แต่ทำไมคณะเราขับเคลื่อนงานได้ไม่ค่อยมีพลัง คำตอบง่ายๆ ครับ เสียงอาจารย์ในคณะมีใครเคยฟัง ในเมื่อช่องทางการสื่อสารระหว่างกันไม่มี ซึ่งอันนี้โยงไปยังคำตอบหนึ่งของผมเมื่อหลายเดือนก่อนที่ให้กับคำถามของรองคณบดีฝ่ายวิชาการที่ว่า จะขับเคลื่อนงานของคณะอย่างไรให้สำเร็จ คำตอบของผมคือ "ให้คิดว่าตนเองคือคณบดี แล้วก็ทำทุกอย่างๆ ที่ตนเองคิดอยากทำ" วันนั้นรองคณบดีฝ่ายวิชาการหัวเราะ แต่ผมมั่นใจว่า คำตอบนี้ใช่ที่สุด  และวันนี้ตอนเดินลงจากห้องประชุม (ได้คุยกับใครจำไม่ได้แล้ว) ผมบอกว่า ถ้าจะก้าวไปข้างหน้าให้เร็ว ทุกคนในคณะจะต้องคิดว่า ตนเองเป็นคณบดี ฮาฮาฮา

ถามว่าทำไมต้องเป็นอย่างนั้น คำตอบแสนง่ายครับ ก็เมื่อเราไม่สามารถมองหานโยบายอันจะบอกถึงทิศทางในการเดินหน้าของเราได้ เมื่อเราไม่มีคนที่จะคอยโยนห่วงยางมาให้เราในขณะที่เราหมดแรงในกลางมหาสมุทร ในเมื่อการทำงานเป็นทีมทำไม่ได้เพราะขาดตัวประสาน มันก็จำเป็นที่จะต้องให้ทุกคนใช้ศักยภาพของตนเองในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า อาจจะต้องแยกจากกันบ้าง อันนี้ก็แค่เพียงเพื่อไม่ได้ตายหมู่เท่านั้นเองครับ ไม่ใช่อันเนื่องจากการขัดแย้งกัน

ถ้าทุกคนคิดว่า ตนเองเป็นคณบดีกันทุกคน อย่างน้อยหน้าที่ในส่วนของภาระการงาน ก็ไม่ต้องรอให้ใครมาบอกมาสั่ง ก็คณบดีคือสู่งสุดของคณะแล้วนี่ครับ หน้าที่การประสานความร่วมมือ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็เกิดขึ้นเพราะทุกคนก็คิดว่า การเชื่อมสัมมพันธ์ภาพระหว่างกันเป็นหน้าที่ของตนเอง อาจจะมีปัญหาบ้างครับเมื่อความเห็นไม่ลงรอยกัน แต่ก็ยังดีกว่า นั่งรอ นอนรอ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไร

ท้ายสุดของงานวันนี้ ท่านรองฝ่ายวิชาการบอกว่า ผมควรให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมกิจกรรมของคณะบ้าง ฮือ อยากเข้าร่วมครับ ไม่ได้คิดจะทอดทิ้งไปไหน แต่ปัญหาคือ จะบังคับให้ผมมานั่งทานอาหารที่ผมไม่อยากทานได้งัย ยิ่งช่วงนี้ผมอยู่ในโครงการลดพุงอยู่ด้วย จำเป็นต้องคัดเลือกอาหารให้ถูกกับสภาพการณ์ของผมหน่อย หากผมลดไม่ได้ อาย อ.อาลัม แน่นอนเลย (ข่าวแจ้งมาว่า ลดได้หลายกิโลแล้ว) ฮิฮิ

อิสระชน (ที่ลงพุงนิดหน่อย แต่ก็พยายามลดอยู่ครับ)

คำสำคัญ (Tags): #คณะ
หมายเลขบันทึก: 272644เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2009 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดูเหมือนผมจะมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ความคิดเสียแล้วครับ ;)...

หาทางเขียนได้เมื่อไหร่ จะเขียนบันทึกเรื่องราวการต่อสู้วิธีคิดที่เมืองเหนือบ้างครับ

ให้กำลังใจอาจารย์ลดพุงครับ ;)

  • ประเด็นของความพร้อมเพรียงผมเองก็เห็นจนชินตาครับ...จนเกิดคำถามหลายครั้งว่า "ทำไมเราเป็นกันแบบนี้ แทบทุกงานผมมาคนแรกๆทุกครั้ง บางครั้งว่าสายแล้วยังไม่มีใครมาเลย"
  • โครงการและการจัดกิจกรรมลักษณะที่เราต้องพูดคุยกันมากๆควรเกิดขึ้นบ่อยๆครับ ผมว่าเมื่อวานเราเห็นความเคลื่อนไหวหลายอย่านะครับหรืออาจเคลื่อนไหวในภายภาคหน้า (อินชาอัลลอฮฺ) เพราะอย่างน้อยการได้พูดคุยเล่าประสบการณ์การกันมันทำให้เปิดมุมมองและสะกิดตัวเอง(หรือบางคนไม่คิดอะไรเลย อิอิ) ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร
  • ขอเป็นกำลังใจในการทำงาน และสนับสนุนวิถีคิดดีๆต่อไปครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท