ความตกผลึกของการใช้เครื่องมือ KM เป็นเรื่องยากที่จะถ่ายทอดหรือสื่อสารให้เข้าใจได้ ก็เลยนึกถึงภูเขานำแข็งที่เป็นส่วนของความรู้ฝังลึกที่อยู่ใต้น้ำต้องรอให้น้ำแข็งละลายจึงจะเริ่มเข้าใจ เสมือนกับการเขียนบันทึกสรุปประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติที่ได้ลงมือกระทำจริงด้วยตนเองไม่ว่าจะพูดจะสนทนาก็จะเป็นเรื่องง่าย มองเห็นอะไรก็จะเป็นภาพถ่ายภาพเดียวกันได้ค่อนข้างชัดเจน
ดังนั้น ความสับสนของ KM จึงอยู่ที่ไม่ได้ปฏิบัติหรือลงมือทำกันจริง ๆ จัง ๆ หรือกระทำกันเพียงผิวเผินแต่สามารถถ่ายทอดหรือเล่ากันได้อย่างจริง ๆ จัง ๆ แต่พอก้าวสู่ความเป็นจริงจริงปรากฎผลว่า "ไม่เคยใช้ KM ปฏิบัติ" เป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่ KM เท่านั้นเอง
การดำรงอยู่ขององค์ความรู้ที่นำไปสู่การใช้งาน จึงเกิดความไม่ไหวติง เคลื่อน ๆ หยุด ๆ ฉะนั้น เวลาเขียนถึงความรู้ความเข้าใจจึงทำให้เกิดความยาก มองภาพการปฏิบัติไม่ออก ได้แต่ภาพฝันของการจัดการความรู้ที่ล่องลอยไปคนละทิศคนละทาง การต้อนความรู้เข้าหากันหรือการเชื่อมโยงเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะต่างมีพื้นฐานที่ไม่เหมือนกัน จึงเกิดความสับสนในเครื่องมือ "การจัดการความรู้" หมายความว่า "สรุปแล้วข้อมูลและเนื้อหาสาระที่สนทนาระหว่างกันนั้นคืออะไร" เครื่องมือดังกล่าวนำไปใช้จัดการ K หรือ ใช้จัดการงาน.
มัน งึกๆงั๊กๆ...มันต้องถอน