ดิฉันเคยเขียนถึงการทำงานที่จะต้อง Put the right man to the right job แต่อาจารย์JJ ซึ่งดิฉันไม่รู้จักท่านแนะนำดิฉันว่าต้อง Put the right job to the right man ดิฉันเดาว่าคงหมายถึงการเอาคนเป็นเป้าหมายก่อน แทนที่จะคิดเอางานเป็นเป้าหมาย แล้วปรับงานให้เข้ากับจริตของคน ไม่ใช่คิดเอางานก่อนแล้วไปบังคับคนทำ ซึ่งมีหลายงานคนอาจจะไม่ถนัดทำให้ไม่มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ และวิมังสา ถ้าเป็นระบบเอกชนก็ไม่มีปัญหาคือต้องปลดออกไป แต่กรณีของระบบราชการซึ่งยังเข้าง่ายออกยาก เมื่อคนไม่ยอมทำงานที่เรากำหนด เราก็ได้แต่คิดว่าเราอยากปลด อยากเปลี่ยน อยากปรับ ถ้าทำอะไรไม่ได้เลยก็ต้องปลง จากการที่ต้องปลงเราลองคิดงานที่เข้ากับคนได้น่าจะทำให้มีการใช้ทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ เราควรที่จะหยิบงานที่ถูกใจ ถูกคน และถูกต้องมาให้คนทำ แต่เวลาทำงานจริงๆเมื่อมีงานมาอยู่ข้างหน้า คนก็ไม่ชอบงาน แต่ไม่มีคนทำก็คงต้องทำไปก่อนจนกว่าจะเลือกได้ค่ะ ไม่เช่นนั้นคงมีคนมาทำงานแทนเราที่ไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้
ถ้าท่านอาจารย์ JJ อยู่เมืองไทยคงร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้แน่นอน--แต่ช่วงนี้ท่านไปต่างประเทศค่ะ |
กราบเรียนท่านอาจารย์หมออัจฉราที่นับถือ
Put the Right Job to the Right Wo+Man ก็เป็นการปรับให้เข้าเรื่อง Competency and Performance ซึ่งเรามีการประเมินผลการปฏิบัติงานทุกๆไตรมาส ว่าท่านนั้นๆมี
1.Knowledge
2.Skill
3.Attitude
อย่างไร ดังนั้นจากการประเมิน สมรรถนะ เรารู้ว่าเข้ามี Performance อย่างไรก็ "มอบหมาย ให้ตรงกับจริต รวมทั้งต้องคำนึงถึง บริบท วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป็นหลักก่อน" ครับ
JJ,Seattle.USA