เหตุเกิดจากดูหนังเรื่องรามเกียรติ์


 

 .....ทุกสิ่งในโลกนี้. ย่อมมีที่มาและที่ไป เมื่อมีเหตุ.. มันก็ต้องมีผล เมื่อมีผล... มันก็ต้องมาจากเหตุ ทุกอย่าง..มันล้วนถูกกำหนดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น ทุกเรื่องราว.. ย่อมต้องมีคำอธิบายของมัน เพียงแต่.. ณ เวลานี้ อาจจะยังไม่มีคำตอบก็ได้ ดังนั้น..จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ เพราะเมื่อเกิดเหตุอันกะทันหัน ย่อมไม่มีเวลาให้เราได้เตรียมตัวอีก......

 

 

ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะ ขอเริ่มบันทึกวันแรกซะเลย

เข้าอบรมการใช้ KM ในการขับเคลื่อนงาน (ขับเคลื่อนความรู้สู่การปฏิบัติ) มาสองวัน  มีทั้งภาคทฤษฏีและทำ work shop ให้การเขียน KV (knowledge vission)รวมทั้งค้นหาปัจจัยหลัก จัดเลเวล เพื่อนำไปพล็อตกราฟ "ธารปัญญา"

ไม่ขอลงลึกในรายละเอียดนะ เพราะจะเข้ามาบ่นอย่างเดียว

ว่าโอย..

มึนตื้อมากๆเลย เหนื่อยสมองมากๆ

กลับถึงห้องสลบเหมือดซะทุกเย็น T_T

ถึงห้องเลยเปิดเนตออนไลน์ไว้ แต่คนลงไปนอนกอดหมอนข้างที่หน้าจอทีวี
(ดังนั้น ถ้าใครทัก MSN มาแล้วไม่ขาน ก็โปรดเข้าใจนะ แหะๆ)

ตั้งใจอยากจะดูพวกสารคดีของ discovery น่ะ
ชอบ.. มันสนุกดี
เห็นมีโปรแกรมว่าคืนนี้ 4 รึ 5 ทุ่ม จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวด้วย
ของชอบอีกแล้ว... ต้องดูให้ได้เลย ^_^



แต่ระหว่างนี้ กดดูช่องอื่นๆไปพลาง ยังไม่มีอะไรน่าดู
แล้วก็กดไปช่องหนึ่ง มีหนังเรื่องรามเกียรติ์ (เขียนถูกมั้ยหว่า ??)
จะกดข้ามไปอยู่แล้วเชียว เพราะเบื่อหนังอินเดียมากๆ
เคยดูเมื่อคราวที่แล้ว.. คนแสดงเค้าแสดงแบบ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเลย
เหมือนดูลิเก ยังไงยังงั้น
บทต่อสู้ บทเจรจา บทโศก บทตลก.. มันทื่อๆแข็งๆ
ดีอยู่อย่างเดียว คือเครื่องแต่งตัวสวย ฉากอลังการ
แต่ที่ไม่ดีที่สุดคือ.. พระเอกอินเดียเนี่ย ตัวใหญ่ยังกะยักษ์ ไม่หล่อไม่เท่เอาซะเล้ย
( เฮ้อ.. นี่คือเหตุผลสำคัญที่สุด 555)

แต่วันนี้.. ทำท่าจะกดข้าม.. อยู่ๆนึกยังไงไม่รู้
บอกกับตัวเองว่า.. ดูต่อสักนิด
แต่แล้ว.. สักนิดที่ดูต่อ..ก็ได้อะไรที่ยิ่งใหญ่มาจริงๆ

นั่นคือคำพูดที่แฝงปรัชญามากๆ
ฟังแล้วปิ๊ง.. ชอบมากๆเลย
เป็นคำสอนที่ ฤษีวิศวามิตร (หวังว่าคงจำชื่อท่านไม่ผิดนะ) พูดกับพระลักษมณ์

เราพอฟังจบ ก็รีบลุกขึ้นหาปากกาจดลงสมุดโน๊ต ไว้กันลืมเลย
คำสอนอาจจะไม่ได้เรียงตามคำพูดแต่ละคำ ที่ท่านฤษีพูด
เราแค่จำมา แล้วก็ดัดแปลงเป็นประโยคภาษาของเรา ตามที่เราฟังเข้าใจนะ
ขอเอามาเก็บไว้ตรงนี้หน่อยก็แล้วกัน

 ทุกสิ่งในโลกนี้. ย่อมมีที่มาและที่ไป
เมื่อมีเหตุ.. มันก็ต้องมีผล
เมื่อมีผล... มันก็ต้องมาจากเหตุ
ทุกอย่าง..มันล้วนถูกกำหนดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น
ทุกเรื่องราว.. ย่อมต้องมีคำอธิบายของมัน
เพียงแต่.. ณ เวลานี้
อาจจะยังไม่มีคำตอบก็ได้
ดังนั้น..จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ
เพราะเมื่อเกิดเหตุอันกะทันหัน
เมื่อนั้นย่อมไม่มีเวลาให้เราได้เตรียมตัว..

 

 

    img196/4314/image16a5xq.jpg

 เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า... มีพญายักษ์หรืออสูรตนหนึ่งที่มีชื่อเสียง (ถ้าฟังชื่อในเรื่องไม่ผิด ดูเหมือนจะเป็นลูกชายของอินทรชิต.. รึว่าคืออินทรชิตเองเนอะ ?? เคยได้ยินชื่อินทรชิตนะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร) ได้จับตัวใครก็ไม่รู้เอาไว้ (จำชื่อไม่ได้) แล้วพระพรหมก็ไปช่วย โดยขอร้องให้ยักษ์ผู้นั้นปล่อยคน

พญายักษ์จึงขอเงื่อนไข ให้พระพรหมมอบรถศึกที่ออกรบโดยไม่แพ้ใครให้ตน พระพรหมยกให้ พญายักษ์ยังขอพรอีกข้อว่า..

"ขอให้ผู้ที่ฆ่าตนได้จะต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้นอนมาเป็นเวลา 10 ปี และกินอาหารแค่วันละมื้อ"

(งงเหมือนกัน พรอะไรประหลาดจริงๆ.. แต่มานึกอีกที มันอาจจะขอพรนี้..เพราะเชื่อว่า คงไม่มีใครสามารถปฏิบัติเช่นนั้นได้ ดังนั้น.. เมื่อไม่มีใครปฏิบัติได้ ก็หมายถึง..จะไม่มีใครสามารถฆ่าตนเองได้)



แล้วหนังก็ตัดมาที่นครอโยธยา..

พระลักษมณ์ (ไม่หล่อเลย.. เซี้ยดาย แฮ่งงงง) ก็เดินสีหน้าไม่สบายใจ มาหาพระฤษีวิศวามิตร เพื่อขอคำปรึกษา เกี่ยวกับปัญหาที่ตนเองสงสัยไม่เข้าใจ เกี่ยวกับการฝึกโยคะในตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นสิบปี ซึ่งพระฤษีสอนเขา (คาดว่าคงฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะตอนนี้พระลักษมณ์โตเป็นหนุ่มแล้ว)

ซึ่งในวิชาโยคะเหล่านั้น มีทั้งการไม่นอน รวมถึงการกินอาหารเพียงแค่วันละมื้อ

ว่าเขารู้ว่าการฝึกโยคะนั้นมีประโยชน์ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า จะต้องทรมานตนเองอดนอนไปเพื่ออะไร

ท่านฤษี จึงยกคำพูดข้างบนมาพูดกับพระลักษมณ์ ว่าทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป มีเหตุก็ต้องมีผล ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว.. ท่านไม่อาจบอกความลับของอนาคตต่อพระลักษมณ์ได้ แต่การเตรียมพร้อมอยู่เสมอ.. อย่างน้อยก็สามารถเตรียมไว้รับเหตุอันกะทันหันได้ อย่างเช่นเมื่อเกิดสงครามสู้รบ เราก็ไม่อาจกินอาหารได้ครบทุกมื้ออยู่แล้ว

แต่คนดู ดูปั๊บก็รู้เลยว่า สวรรค์ย่อมเตรียมพระลักษมณ์ไว้ฆ่าพญายักษ์ผู้นั้น !

...........

     img325/6893/imgsmramayana8hi.jpg  



ปรัชญาของท่านฤษีทำให้เราได้คิดนะว่า..

เรื่องทุกอย่าง.. มันมีที่มาก็ต้องมีที่ไป มีเหตุก็ต้องมีผล มีผลก็ต้องมีเหตุจริงๆ
ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกดขึ้นกับตัวเรา
ไม่มีใครรู้ว่าสักวัน เราจะเกิดอะไรขึ้น

สวรรค์ส่งอุปสรรคปัญหามาให้เรา
ทำให้เราต้องเผชิญกับความเหนื่อยยากมากมาย.. จนบางครั้งช่างสาหัส
ไม่แน่ว่า..นั่นอาจเป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อม
เพื่อรับภารกิจอันสำคัญยิ่งใหญ่อะไรสักอย่างเป็นก็ได้


บางที สิ่งทีเรากำลังทำอยู่ในตอนนี้ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์
แต่วันข้างหน้า สักวันหนึ่งมันอาจจะเกิดประโยชน์ขึ้นมา

อย่างเช่นเราก็ไม่เคยคิด.. นิยายทีเราแอบเขียนใส่กระดาษสมุดหลังจากทำการบ้านเสร็จ เขียนสะสมเก็บไว้เรื่อยๆตั้งแต่เด็กๆมานับสิบปี ไม่เคยคิดว่าจะมีใครสนใจมัน บางครั้งยังกลัวว่าใครเห็นแล้วจะหัวเราะมัน จนเขียนเสร็จต้องแอบซะมิดชิด

แต่มาในวันนี้.. เราสามารถนำมันออกมาขัดเกลา แล้วโพสต์ลงเนต มีคนอ่านมากมาย อีกทั้งบางเรื่องยังมีโอกาสได้ตีพิมพ์ !

หรือเรื่องที่เราทำงานพยาบาลกับคนไข้ ทำสิ่งต่างๆประจำวัน .. เราได้เก็บสั่งสมประสบการณ์เหล่านั้น เอามาเป็นข้อคิด เอามาเป็นทรัพยากร ที่เราใช้ในการเขียนของเรา


ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต.. มันล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น
สวรรค์..ไม่ได้มอบวันเวลาและการกระทำเหล่านั้นมาให้เราอย่างไร้เหตุผล

ขอเพียงเรารู้จักเก็บ ขอเพียงเรารู้จักเกี่ยวมันไว้
เราก็ย่อมสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง...!



ดังนั้น.. อย่ามองสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตทุกวันนี้อย่างไร้ค่าไร้ความหมาย
มันจะมีความหมายเสมอ...


ถ้าเรารู้จักมอง และรู้จักคิด

ขอบคุณท่านฤษีวิศวามิตรค่ะ

^______________^

 


คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 26752เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2006 21:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 18:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

 

หลายครั้ง ..ที่เราปล่อยให้สิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน ผ่านไปอย่างไม่สนใจ

และหลายครั้ง..ที่เราพบว่า สิ่งที่เราปล่อยให้มันผ่านไป.. มันมีความหมายและความสำคัญสำหรับเรา

แม้บางครั้ง.. เราสามารถยึดคว้ามันไว้ทัน

แต่ก็มีหลายครั้ง... ที่ทุกอย่างก็สายเกินไป

 

สายน้ำ..ไหลไปไม่ย้อนทวน

วันเวลา...ผ่านไปไม่หวนกลับ

คงเหลือไว้.. แค่ความทรงจำ

เท่านั้น...

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท