สิ่งแวดล้อมทุกวันนี้..สังเกตุว่า..มี "ขี้ขยะเต็มไปหมด"ก็นั่งดูหนังตู้อีกนั่นแหละ..มีเด็กหนุ่มในอเมริกาคนหนึ่งเขาเก็บรวบรวมขี้ขยะไว้ในบ้านจนครบปี(สามร้อยหกสิบห้าวัน เพื่อจะดูว่าขี้ขยะที่ตนเป็นต้นเหตูนั้นมีจำนวนหรือปริมาณเท่าใด)ขยะที่สะสมไว้นั้นเขาก็ทำประโยชน์ได้บ้างเป็นต้นว่าขยะสดที่สะสมไว้ใส่ไส้เดือนไว้จำนวนหนึ่งเวลาที่ผ่านไปไส้เดือนย่อยขยะสดกลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติกลายเป็น"ขี้ดี"ไม่ใช่ขี้ขยะต่อไป...ขี้ขยะต่างๆที่เก็บไว้เขาเอาตั้งโชว์ไว้หน้าบ้านเป็นเรื่องสวยงามมองเพลินไปเลย...ลืมความเหม็นของขี้ขยะ...กลับมามองดู..ขี้ขยะของคนข้างบ้านยายธี...เขาใช้วิธีโยนข้ามรั้วมาหมักหมมมาตลอดเก็บไม่ชนะมีทุกอย่างแม้กระทั่งปลอกกระสุนปืนลูกซอง(พบเจอเวลาเก็บขี้ขยะของชาวบ้านในบ้านเราเหมือนจะเตือนว่าอย่าพูดมากเดี๋ยวจะโดน)....นอกจากขยะที่โยนมายังมีน้ำเสียจากการรีดยางที่่ท่านเลาะทำรางมาตามแนวรั้วของเราให้ไหลมาในบ้านเราที่เป็นที่ต่ำส่งกลิ่นเหม็น(เหม็นจริงๆ)..ส่งผลให้ตัวกลายเป็นคน"ขี้โมโห"เพราะท่านว่าก็บ้านตัวที่อยากต่ำเองเนียะ..ปลอบตัวเองว่าอย่าให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน..พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสีย..มนุษย์"ขี้เหม็น"เคี่ยวเข็นเทวดา
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอ่านแล้วไม่นึกเลยว่ายังมีฝรั่งล้าหลังทางความคิดและจิตสำนึกที่เอาขยะไปทับถมบ้านคนอื่นได้ การอยู่ใกล้กับคนพาลนั้นคงต้องใช้ธรรมะสร้างทั้งสติและปัญญาอย่างยิ่งเลยนะคะ
เห็นใจคุณยายธีค่ะ
นุชอยู่บ้านนอกก็มีปัญหาคล้ายๆแต่ไม่ตรงๆแจ้งๆอย่างนี้ ก็พยายามแก้ที่เราเองค่ะ เพราะแก้คนอื่นนั้นไม่สำเร็จแน่ๆ ที่สำคัญต้องรักษาใจของตัวเองไม่รับขยะมาเป็นอารมณ์ เวลามีเรื่องหงุดหงิดกวนอารมณ์นุชจะรีบออกจากอารมณืเช่นนั้นค่ะ ไม่อยากเครียดค่ะ บอกเพื่อนๆว่า ไม่อยากเปลืองครีมกันแก่ ^___^
สวัสดีค่ะ..คุณยายธี
กราบขอบพระคุณ..ยายธีค่ะ ในความกรุณาไปเยี่ยมบันทึกและให้กำลังใจหนูพร้อมผู้เกี่ยวข้องเสมอ
จากที่หนูติดตามอ่านทุกบันทึกของคุณยายธี..ทำให้หนูทราบว่าคุณยายไม่ได้อยู่เมืองไทย
หนูประทับใจแนวคิดในการดำรงชีวิตของคุณยายธีมากค่ะ..
หนูขออนุญาตเข้ามาเรียนรู้ชีวิตกับคุณยายธีต่อไปนะคะ
สำหรับเรื่องราวของบันทึกนี้บ่งบอกได้นะคะไม่ว่าเมืองไหนๆในโลกล้วนมีทั้งคนดีและคนไม่ดีนะคะ
ในการแก้ไขนั้นหนูก็เห็นด้วยกับคุณนายดอกเตอร์ค่ะ ..แก้ไขที่ตัวเองก่อน และคนในครอบครัวตามมา
ขอคุณพระคุ้มครองคุณยายธีนะคะ
ด้วยความเคารพค่ะ
หนู..ศน.อ้วนค่ะ
สวัสดีค่ะคุณยายธี
* ตามมาขอบพระคุณค่ะ
* อยู่ที่ไหนก็มีทั้งถูกใจและไม่ชอบใจแต่คุณยายมีหลักธรรมดีและเข้มแข็ง...สู้ได้สบายบรือ
* ฝากต้นใบไม้สีทองมาให้คุณยายค่ะ
* ขอให้คุณยายสุขกายสุขใจค่ะ
...ขยะ ต้องช่วยกันกำจัด หรือนำไปเข้าระบบ รีไซเคิล ไม่งั้นคนจะ....โมโห ต้องร่วมมือกันค่ะ
สวัสดีค่ะ
จะมารบกวนไปแจ้งผลตรวจเลือดที่บ้านหน่อยนะคะ
ตอนนี้เพื่อน ๆ ชาวบล็อกเราไปกันเยอะแล้วค่ะ
รอ....อยู่ค่ะ
บอกได้ไหมกรุ๊ปเลือดอะไรเอ่ย
ที่นี่นะคะ
บันทึกนี้แสดงว่า ที่ไหนๆในโลก ก็มีคนมักงายนะคะ
มาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีค่ะทุกคน..ขอแจงความเข้าใจผิดเล็กน้อยขี้ขยะข้างบ้านยายธีที่เมืองกาญจนน่ะค่ะไม่ใช่ที่เมืองนอก..ขี้ขยะของคนมักง่ายก็มีเยอะ(ในเยอรมันทั้งๆที่จัดอันดับให้ว่าเป็นหนึ่งแล้วในเรื่องระบบ)เพื่อนข้างบ้านยายธีที่ทิ้งขยะเขามีความคิดติดสมองของเขาอยู่ว่าใครๆก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น..คนหนึ่งก็มีอาชีพเป็นครูรับบำนาญแล้วก็ยังพูดกันไม่เข้าใจในระดับหนึ่ง(ภาษาไทย)..ยายธีดีใจที่มีโอกาศเกิดเป็นคนพุทธ...เราเดินสายกลางค่ะ..ท่านคเวสโกเขียนเป็นแบบอย่างไว้เรื่องหนึ่ง "เช็ดขี้"..มีชาวญี่ปุ่นฐานะดี มีความรู้ เป็นเจ้าของบริษัทหรือประธานบริษัทแต่ละคนไม่ใช่ย่อยแล้วเขาตั้งชมรมขึ้นมีกิจกรรมที่ทำกันเป็นกิจวัตรคือทำความสะอาดส้วมสาธารณะ..เขาเหล่านั้นต้องการชำระจิตใจตนเป็นการสร้างภูมิระหว่างความสะอาดภายนอกและภายใน..ตัวอย่างนี้ยายธีก็ได้เริ่มฝึกที่บ้านตัวเองก่อนก่อนจะจากไปที่ๆนั้นต้องสะอาดกว่าตอนที่เข้ามา...ก็ได้มาจากวัดป่าสุนันทวรารามเมืองกาญจนน่ะค่ะ..ทีนี้ก็มีดีเยอะแยะแลกเปลี่ยนเรียนรู้..ท่านคเวสโกเป็นพระชาวญี่ปุ่น(พระไทย)...ยายธีคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องขี้ผงที่จะมองข้ามไป (เลยอยากจะเขียนเรื่องขี้ๆที่ใครคิดว่าไม่สำคัญ...อิฮิ)ไว้อ่านเล่นแก้ความฟุ้งซ่านค่ะ
ขอบคุณค่ะเรื่องขี้คุย..มีเรื่องขี้คนมาต่อยอดนิดนึง..ตอนหัดปลูกป่าที่เมืองกาญจน์..ชาวบ้านที่มาช่วย..เห็นเขาเดินไปพร้อมกับจอบ..ขี้แล้วกลบ..(เหมือนแมวเลย)...ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในยุโรป..ขี้กันเรื่อยเปื่อยตามถนนหนทาง..ขี้เสร็จโยนทิ้งลงมาทางหน้าต่างเสียอย่างนั้นแหละ...ต่อมาเกิดโรคระบาดก็เป็นสาเหตุให้บ้านเมืองในยุโรปมีความเป็นระเบียบมีสุขลักษณะ..วิวัฒนาการการทำโถส้วม มีห้องแสดงให้ดูเป็นเรื่องเป็นราวน่าสนใจ..เลยทำตนเป็นคนขี้คุยด้วยคนค่ะ..สวัสดีค่ะ