ทีมวิจัยโครงการ “สถานะและปัญหาของทายาทรุ่นที่ 2 ของผู้ย้ายถิ่นจากประเทศพม่า”ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพิ่งเดินทางจากจังหวัดระนองไป ทิ้งคำถามให้ไว้สำหรับผมที่ปรารถนาจะให้มีการวิจัยเกี่ยวกับทายาทรุ่นที่ 2 ทั้งระบบในสายของสังคมศาสตร์ มาโดยตลอด
เริ่มจากเรื่องราวของแทะอ่าวจอที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นทายาทรุ่นที่ 2 โดยแท้ มีพยานหลักฐานอ้างอิงตามที่ท่านเห็นคือ “หนังสือรับรองการเกิด” ท.ร.1/1 จากโรงพยาบาลระนอง ตั้งแต่เมื่อ 16 ปีที่แล้ว
21 มกราคม 2552
เขามาพร้อมกับมารดา มาขอความช่วยเหลือเพื่อให้ด.ช.แทะอ่าวจอ ได้ไปขอบัตรสีชมพู (ใบอนุญาตแรงงาน) เนื่องจากว่าในท.ร.38/1 พ่อแจ้งวันเกิดของลูกเป็น 21 มิถุนายน 2540 ทำให้ลูกอายุไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ ไม่สามารถขอใบอนุญาตทำงาน ทำให้ลูกต้องถูกตำรวจจับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมก็ถามว่าจะแก้วันเดือนปีเกิดของลูกเป็นวันที่เท่าไร แล้วมีหลักฐานอะไรไหม ที่จะบอกว่าลูกเกิดวันเดือนปีนั้นจริง
แม่ของแทะอ่าวจอก็หยิบท.ร.1/1
ซึ่งไปขอมาจากโรงพยาบาลระนองมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ให้ผมดู ผมก็ซักกระทั่งนายตินเซน-พ่อของแทะอ่าวจอเสียงแตกพล่า ผมจึงรู้ว่าที่แจ้งผิดไปเพราะกลัวเจ้าหน้าที่เลยไม่สามารถที่จะแปลวันเดือนปีเกิดของลูกที่จำเป็นภาษาพม่า ออกมาเป็นปีพุทธศักราชได้อย่างแม่นยำ เลยทำให้แจ้งวันเกิดลูกผิดไป นอกจากนี้ในท.ร.1/1 ชื่อพ่อแม่ก็ผิดไปจากหลักฐานปัจจุบัน (บัตรสีชมพู)
พวกเขาก็หยิบใบอนุญาตทำงานฉบับนี้
และฉบับสีชมพู 00 ให้ผมดูปรากฏว่าหน้าตาเหมือนกัน การแจ้งชื่อพ่อก็แจ้งชื่อในขณะนั้น ขณะนี้ชื่อนายชายก็เป็นชื่อตามบัตรสีชมพูคือนายตินเซน ส่วนชื่อแม่เข้าใจได้เกิดจากการฟังเสียงอักขระเพี้ยนไป
ผมรับปากจะช่วย แต่ว่าไม่สามารถไปแจ้งการเกิดเพื่อขอสูติบัตรได้ เนื่องจากด.ช.แทะอ่าวจอ มีเลข 13 หลักแล้ว
ผมก็เลยช่วยทีละขั้นตอนเริ่มจากไปที่ที่ว่าการอำเภอเมืองระนองตั้งแต่เช้า เพื่อขอแก้ไขวันเดือนปีเกิดของด.ช.แทะอ่าวจอจาก 21 มิถุนายน 2540 เป็น 18 มิถุนายน 2536 แม้จะเจออุปสรรคเนื่องจากระบบไม่ยอมให้แก้ ต้องกลับไปตั้งหลักพอช่วงบ่ายทางอำเภอก็แจ้งมาว่าแก้ได้แล้วให้ไปรับท.ร.38/1 ใหม่ จากเด็กชายแทะอ่าวจอ เลยเปลี่ยนเป็นนายแทะอ่าวจอในบัดดล
ปัญหาต่อมา.......................
1.เนื่องจากนายแทะอ่าวจอมีเลข 13 หลักแล้ว ไม่สามารถแจ้งการเกิดและขอสูติบัตรได้ จึงต้องขอหนังสือรับรองการเกิดตามม.20/1 ตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 แทน
แต่ด้วยความด้อยความรู้ทางกฎหมายตามม.20/1 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้สัญชาติไทยแก่กลุ่มบุคคลใด หรือให้กลุ่มบุคคลใดแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ หรือกรณีมีเหตุจำเป็นอื่น และบุคคลดังกล่าวจำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการเกิด ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยื่นคำขอหนังสือรับรองการเกิดตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ผู้อำนวยการทะเบียนกลางกำหนด”
ผมไม่สามารถหาเหตุจำเป็นอื่นได้ เพราะการที่นายแทะอ่าวจอมีท.ร.38/1 ที่แก้ไขแล้วมีเลข 13 หลักแล้ว และมีอายุถึง 15 ปี แล้ว สามารถที่จะทำบัตรสีชมพูตามที่มาขอความช่วยเหลือจากผมได้ โดยสำนักงานจัดหางานสามารถทำเรื่องตามคำขอของนายแทะอ่าวจอได้ เหตุจำเป็นนั้นจึงหมดไป
นี่ถ้านายแทะอ่าวจอ ไม่มีเลข 13 หลัก ประเด็นเรื่องขอแจ้งการเกิดและรับสูติบัตร ได้คงจะไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีปัญหาต่อไปตามพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 13(5) เกิดในราชอาณาจักรแต่ไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
เพราะวรรค 2 บัญญัติว่า “ประกาศตามวรรคหนึ่ง คณะรัฐมนตรีจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดไว้ด้วยก็ได้”
วรรคสุดท้าย บัญญัติว่า “การขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามวิธีที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ซึ่งบัดนี้ประกาศและกฎกระทรวงก็ยังไม่มี นายแทะอ่าวจอเลยรอดไปไม่เจอสภาวะลำบากอย่างนี้ แต่รายอื่นละ ผมจะมานำเสนอต่อไป และ วันที่ 6 มิถุนายน 2552 ผมอาจได้คำตอบที่ไม่ยากเกินกว่าจะช่วยเหลือ กลับบ้านไปอย่างมีความสุข
อยากไประนองจัง จะไปเยี่ยมทีละกรณีเลยค่ะ
เรียน คุณจันทร์กระดาษ
ได้อ่านข้อความและความอุตสาหะของคุณแล้วขอยกย่องที่ได้ทำให้คน3-4คน พ่อแม่ลูกคุณเองเป็นอย่างน้อยมีความสุข และรวมถึงอีกหลายๆคนที่ได้อ่าน
ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังหาคนที่จะช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเด็กหญิงพัชรี
ได้เกิดมาได้ 9 ปีแล้ว แต่ใบเกิดได้ถูกส่งกลับไปพม่า และหายไป ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพ่อแม่ ที่วันหนึ่งจะต้องส่งให้ลูกเข้าเรียนและต้องใช้หลักฐาน
ข้อมูลเบี้องต้น เด็กหญิงพัชรี เกิดกับคุณแม่ เอ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกาญจนบุรี
อำเภอลาดหญ้า ซึ่งเธอไม่สามารถระบุชื่อโรงพยาบาลได้ ซึ่งได้ค้นหาโรงพยาบาลมี 2 แห่ง และมั่นใจว่าเป็นรพ. ค่ายพยุหสิงหเสนีย์ เธอเป็นคนรับใช้ของบ้านทหารคนสนิทของอดีตนายกฯ ชวลิต ยงใจยุทธ นายทหารชื่อ สุรศักดิ์ มนตรีวัติ (จะให้ชื่อที่ถูกต้องอีกครั้งจำไม่ค่อยได้) เมื่อเดือนที่ผ่านมา พยายามค้นตามโรงพยาบาล ซึ่งต่างพูดแบบเดียวกันว่า ต้องให้แม่มาเอง และเอกสารเก่ามากอาจค้นให้ไม่ได้ ซึงแม่ที่เป็นพม่าไม่มีบัตรไม่กล้าที่จะเดินทางไปไหน
ดิฉันจึงรบกวนขอคำแนะนำ ซึ่งเด็กหญิงพัชรี จำเป็นต้องมีเอกสารเพื่อเข้าเรียน และได้ผ่อนผ้นมา 1 ปีแล้ว ทางโรงเรียนทวงถามอย่ตลอดเวลา
ขอขอบพระคุณหากสามารถให้คำแนะนำได้ค่ะ
พันทิพย์
เริ่มตามไม่ทันแล้ว ฮ่าๆ ๆ
ผมสงสัยนิดเดียว กรณีนี้แทะอ่าวจอมีทร.38/1 ที่เป็นผู้ติดตามใช่ไหมครับ และทำเมื่อ ปี 2547 ถ้าหากพ่อแม่ต่อใบอนุญาตมาตลอด แล้วทำไมเขาถึงยังถูกตำรวจจับอยู่ครับ เพราะมติครม. ก็อนุญาตให้บุตรของแรงงานข้ามชาติกลุ่มนี้มีสิทธิอยู่อาศัยได้ชั่วคราวนี่ครับ
คุณพันธ์ทิพ (ชื่อนี้น่ากลัวอะครับ อิอิอิ ล้อเล่นครับอาจารย์)
ผมมาช่วยอาจารย์ยืนยันว่า การเข้าเรียนของเด็กไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารรับรองการเกิดครับ
คือถูกจับไป แล้วไม่ผ่านขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม หากผ่านก็มีช่องทางที่จะต่อสู้ได้ ปัญหาก็คือ "ความเสี่ยง" 1.นายแทะอ่าวจอต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการให้เงินใต้โต๊ะ กับการต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม ว่าสิ่งใดคุ้มกว่ากัน เพราะจ่ายเงินใต้โต๊ะหลุดพ้นกรงขังได้ทันที การต่อสู้ผ่านกระบวนการยุติธรรม เขาต้องนอนแห้งในเรือนจำ เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่านายแทะอ่าวจอจะมิได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาล เนื่องจากเขากลัวว่านายแทะอ่าวจอจะหนีออกนอกประเทศ 2.หากนายแทะอ่าวจอต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรม ปฏิเสธคำฟ้องโจทก์ ในจังหวัดระนองเขาจะต้องอยู่ในเรือนจำอย่างน้อย 6 เดือน กว่าจะขึ้นพิจารณาคดีในชั้นศาล เนื่องจากติดกระบวนการพิจารณาคดีแบบต่อเนื่อง 3.เราไม่รู้ว่าจะแพ้ หรือชนะ 4.หากแพ้ และในคำฟ้องขอให้ผลักดันนายแทะอ่าวจอกลับ เขาจะทำอย่างไร ในเมื่อกฎหมายบ้านเราแม้นายแทะอ่าวจอจะเกิดในประเทศไทยก็ตาม เรายังถือว่าเป็นคนต่างด้าว นั้นก็คือถูกเนรเทศได้
ไม่ค่อยเข้าใจประเด็นนี้ครับ
คือ ก่อนหน้านี้ แทะอ่าวจอ มี ทร.38/1 ในฐานะผู้ติดตามใช่หรือป่าวครับ เพราะเห็นในทร.38/1 นั้นเริ่มทำเมื่อ 2547
ถ้าใช่และพ่อแม่เขายังทำใบอนุญาตทำงานจนถึงทุกวันนี้ เขายังมีสิทธิอยู่อาศัยในฐานะบุตรของแรงงานต่างด้าวไม่ใช่เหรอครับ
ยกเว้นกรณีที่แทะอ่าวจอทำงานนะครับ นั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ลงทะเบียนผู้ติดตาม
ใช่ครับ เขามีสิทธิอยู่อาศัยในฐานะบุตรของแรงงานต่างด้าว
แต่ว่า...ในความเป็นจริง
1.แทะอ่าวจอถูกจับคนเดียว ณ วันที่ถูกจับ และถูกนำตัวไปโรงพัก เขาหาได้พิสูจน์สิทธิอาศัยตัวเขาเองในขณะนั้นไม่ เพราะ ใครจะพกหลักฐานทุกชิ้นทั้งหมดในยามที่เดินทางไปซื้อไข่ไก่ 1 ฟอง เพื่อพิสูจน์ตัวเอง เมื่อไม่ได้พกหลักฐานไป แม้กระทั่งท.ร.38/1 ของตนเอง ย่อมถูกจับกุมไปโรงพัก
2.จะมีตำรวจชุดจับกุมสักกี่คนที่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ต้องหาพูด ว่า "ผมมีสิทธิอาศัยตามพ่อแม่นะ" จะมีเจ้าพนักงานสอบสวนใจดีคนไหน ให้นายแทะอ่าวจอนำหลักฐานมาพิสูจน์สิทธิของตนเองในชั้นสอบสวน และพนักงานสอบสวนแล้วมีความเห็นสั่ง "ไม่ฟ้อง"
3.จะมีพนักงานอัยการกี่คน ที่เห็นคล้อยตาม หรือเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวนแล้วมีคำสั่ง "ไม่ฟ้อง"
4.จะมีสักกี่เคสในประเทศไทย ที่ถูกสั่งไม่ฟ้อง หรือสั่งฟ้องต่อศาล แล้วศาลมีคำพิพากษา "ยกฟ้อง" เพราะคนต่างด้าวผู้นั้นมีสิทธิอาศัยตามบิดามารดา
5.จะมีคำพิพากษาฎีกาบางหรือไม่ในกรณีนี้ สั่งยกฟ้องตามข้อ 4. เพื่อเป็นบรรทัดฐาน
6.ในความเป็นจริงการมีบัตรสีชมพูไม่หมดอายุ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้น้อยดูแล้วพิจารณาได้เลยว่า "ไม่จับ"
7.ผมเพิ่งมาเจอนายแทะอ่าวจอ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2552 การถูกจับในวันที่ผ่าน ๆ มา เป็นอดีตจบสิ้นกันไป ผมไม่อาจช่วยเหลือได้ การถูกจับผมจึงได้ยินจากปากของเขาเท่านั้น
8.ณ วันนี้ หากเขาถูกจับอีก แล้วบิดามารดามาขอความช่วยเหลือจากผม ผมก็จะแนะนำให้เขาจะเลือกว่าต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อเป็นกรณีศึกษา เป็นบรรทัดฐานแก่เด็กคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้ติดตาม
หรือจะต่อสู้เพื่อให้ตนเองปลอดภัยในวันนี้ ไม่ยอมให้มีการลงบันทึกประจำวัน แล้วออกมาใช้ชีวิตปกติภายใน 30 นาทีข้างหน้า แล้วก็ไปทำบัตรประจำตัวเสียเพื่อความปลอดภัย
เพราะผมมิอาจรับประกันได้ว่าการต่อสู้ในชั้นศาลจะชนะ
9.นายแทะอ่าวจอต้องเป็นคนเลือกชะตาชีวิตของตน ถึงที่สุดแล้วชีวิตของใคร คนนั้นตัดสินใจเอง ผมทำหน้าที่ช่วยเหลือ และคอยแนะนำถึงผลของมันเท่านั้น
อื้อ ใช่จริง ๆ แหละครับ น่าจะชวนอาจารย์มาคุยประเด็นนี้ต่อนะครับ เรื่องของสิทธิของผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติตามกฎหมาย
ประเด็นต่อมาคือเรื่องของการมีบัตรประจำตัวของผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติ เพราะผมเข้าใจว่าผู้ติดตามมีสิทธิได้รับบัตรประจำตัวคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เพียงด้านหลังก็จะเป็นเหมือนบัตรประจำตัวทั่วไป ในขณะที่แรงงานข้ามชาติ ด้านหลังบัตรจะเป็นใบอนุญาตทำงาน
ผมเริ่มเห็นอีกประเด็นหนึ่งแล้วครับ ยังไงฝากคุยประเด็นนี้ด้วยนะครับ ในงานวันที่ 6
"เขามาพร้อมกับ มารดา มาขอความช่วยเหลือเพื่อให้ด.ช.แทะอ่าวจอ ได้ไปขอบัตรสีชมพู (ใบอนุญาตแรงงาน) เนื่องจากว่าในท.ร.38/1 พ่อแจ้งวันเกิดของลูกเป็น 21 มิถุนายน 2540 ทำให้ลูกอายุไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ ไม่สามารถขอใบอนุญาตทำงาน ทำให้ลูกต้องถูกตำรวจจับซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
ตรงนี้ทำให้ เรื่องราวหนึ่งแว่บขึ้นมาในหัว กรณีที่เจ้าหน้าที่ยืนยันที่จะให้ผู้ติดตามคนหนึ่งของผู้ถือบัตรแรงงานต่างด้าว ที่อายุเกิน 15 ปี แต่กำลังศึกษาอยุ่ ไปทำใบอนุญาตทำงานให้ได้ จนในที่สุด ก็ต้องไปขอใบอนุญาตทำงานหลอก ๆ เพื่อให้เขามีสถานะอาศัยอยู่
มันเหมือนกับบอกว่า ท้ายที่สุด เราต้องการให้เขาเป็นเพียงแรงงานข้ามชาติระดับล่างค่าแรงถูกของสังคมไทยตลอดไปเพียงเท่านั้น แม้เขาจะได้เข้าเรียน เมื่อเขาจะเรียนเก่งแค่ไหน ท้ายที่สุดทัศนคติ วิธีปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ยังกดเขาให้เป็นได้แค่เพียงแรงงานไร้ฝีมือราคาถูก หรือ "แรงงานต่างด้าว" เท่านั้นเอง
มีเพื่อนตอนนี้อายุ 20 ปีแล้ว แต่ไม่มีบัตรประชาชน เพราะว่า
พ่อและแม่เค้าเป็นคนพม่า
แต่ตัวเค้าเองเกิดในเมืองไทย โตในเมืองไทย แล้วก็เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว
แต่หางานทำไม่ได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน เค้าพูดภาษาไทยชัดมาก เรียนเก่ง
จะทำไงดีคะ เค้าต้องการทำบัตรประชาชน
แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ
พี่จันทร์กระดาษ ช่วยตอบหนูทีค่ะ ทาง e-mail ก็ได้ค่ะ
E-mail : [email protected]
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีค่ะพี่จันทร์กระดาษฺ. หญิงต่างด้าวสามรถจดทะเบียนสมรสกับคนไทยได้หรือเปล่าค่ะ. หากได้ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างค่ะ. ขอบคุณค่ะ......................................
สวัสดีค่ะพี่จันทร์กระดาษฺ. หญิงต่างด้าวสามรถจดทะเบียนสมรสกับคนไทยได้หรือเปล่าค่ะ. หากได้ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างค่ะ. ขอบคุณค่ะ......................................
ผมมีน้องสาวที่พึ่งเรียนอยู่ชั้นม.4 ปัจจุบันมีอายุครบ 15 ปี มีใบสูติบัตรที่ทางโรงพยาบาลออกให้ และพูดภาษไทยชัดเจน รักในความเป็นไทย และเรียนของโรงเรียนรัฐมาตั้งแต่อนุบาล อีกทั้งยังสามารถประกวดได้รางวัลพร้อมประกาศณียบัตรหลายอย่างจากผู้ว่าและของกรมสามัญศึกษา จะสามารถขอสัญชาติไทยได้หรือไม่และต้องทำอย่างไร เมื่อปัจจุบันอายุครบ 15 จะต้องทำอย่างไร เพราะเมื่อเกิดในไทยประเทศยังไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้