สวัสดีตอนเช้าจ๊ะ
งานประเพณีบุญบั้งไฟ มีขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมของทุกปี ณ สวนสาธารณะพญาแถน โดยมีความเชื่อว่า เมื่อจัดงานนี้แล้ว เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะดลบันดาลให้มีฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ กิจกรรมที่สำคัญในงานประกอบด้วย
วันแรก จะมีการจัดขบวนแห่บั้งไฟตกแต่ง ไปตามถนนภายในเขตเทศบาลเมือง การประกวดธิดาบั้งไฟโก้ การจัดงานเลี้ยงพาข้าวแลง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง
วันที่สอง จะมีการแข่งขันการจุดบั้งไฟ
พิธีกรรม บั้งไฟแต่ละอันที่มาเข้าขบวนแห่ จะถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม ด้วยลวดลายไทยสีทอง ว่ากันว่า ศิลปะการตกแต่งบั้งไฟนี้ นายช่างจะต้องสับและตัดลวดลายต่างๆ นี้ไว้เป็นเวลาแรมเดือน แล้วจึงนำมาทากาวติดกับลูกบั้งไฟ ส่วนหัวบั้งไฟนั้น จะทำเป็นรูปต่างๆ ส่วนมากนิยมทำเป็นรูปหัวพญานาคอ้าปากแลบลิ้น พ่นน้ำได้ บ้างก็ทำเป็นรูปอื่นๆ แต่ก็มีความหมายเข้ากับตำนานในการขอฝนทั้งสิ้น ตัวบั้งไฟจะนำไปตั้งบนฐาน ใช้รถหรือเกวียนเป็นพาหนะนำมาเดินแห่ตามประเพณี
บั้งไฟที่จัดทำให้มีหลายชนิด คือ มีทั้งบั้งไฟกิโล บั้งไฟหมื่น และบั้งไฟแสน บั้งไฟกิโลนั้น หมายถึง น้ำหนักของดินประสิว 1 กิโลกรัม บั้งไฟหมื่นกิโล ก็ใช้ดินประภว 12 กิโลกรัม บั้งไฟแสน ก็ใช้ดินประสิว 10 หมื่น หรือ 120 กิโลกรัม เมื่อตกลงกันว่าจะทำบั้งไฟขนาดไหน ก็หาช่างมาทำ หรือที่มีฝีมือ ก็ทำกันเอง ช่างที่ทำบั้งไฟนั้น สำคัญมาก ช่างจะต้องเป็นผู้มีฝีมือในการคำนวณผสมดินประสิวกับถ่านไม้ เพราะถ้าไม่ถูกสูตร บั้งไฟก็จะแตก คือไม่ขึ้นสู่ท้องฟ้า สำหรับไม้ที่จะทำเป็นเสาบั้งไฟนั้น ต้องเป็นไม้ไผ่ที่มีลำปล้องตรงกันเสมอกัน จะตัดเอาแต่ที่โคนต้น เพราะมีความหนาและเหนียว ความยาวนั้นแล้วแต่จะตกลงกัน
ในวันรุ่งขึ้น เป็นการจุดบั้งไฟ จะมีการแบกบั้งไฟไปยังฐานยิงในที่โล่ง ถ้าบั้งไฟของใครจุดแล้วยิงไม่ขึ้น คนทำจะถูกจับโยนลงในโคลน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันมา
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าถือชาติกำเนิดเป็นพญาคางคก พญาคางคกได้อาศัยอยู่ใต้ ร่มโพธิ์ใหญ่ในเมืองพันทุมวดี ด้วยเหตุใดไม่แจ้งพญาแถนเทพเจ้าแห่งฝนโกรธเคืองโลกมนุษย์มาก จึงแกล้งไม่ให้ฝนตกนานถึง 7 เดือน ทำให้เกิดความลำบากยากแค้นอย่างแสนสาหัสแก่มวลมนุษย์ สัตว์ และพืชจนกระทั่งพากันล้มตายเป็นจำนวนมาก พวกที่แข็งแรงก็จะรอดตาย และได้พากันมารวมกลุ่มใต้ต้นโพธิ์ใหญ่กับพญาคางคก สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงได้ หารือกันเพื่อจะหาวิธีการปราบพญาแถน ที่ประชุมได้ตกลงกันให้พญานาคียกทัพไป รบกับพญาแถน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ จากนั้นจึงให้พญาต่อแตนยกทัพไปปราบแต่ก็พ่ายแพ้อีกเช่นกัน ทำให้พวกสรรพ สัตว์ทั้งหลายเกิดความท้อถอยหมดกำลังใจ และสิ้นหวัง ได้แต่รอวันตาย ในที่สุดพญาคางคกขออาสาที่จะไปรบกับพญาแถน จึงได้วางแผนในการรบโดยให้ปลวก ทั้งหลายก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงเมืองพญาแถน เพื่อเป็นเส้นทางให้บรรดาสัตว์ ซึ่งมีมอด แมงป่อง และตะขาบ ได้เดินทางไปสู่เมืองพญาแถน สำหรับมอดได้รับหน้าที่ให้ทำการกัดเจาะด้ามอาวุธที่ทำด้วยไม้ทุกชนิด ส่วน แมงป่องและตะขาบให้ซ่อนตัวอยู่ตามกองฟืนที่ใช้หุงต้มอาหาร และอยู่ตามเสื้อผ้าของไพร่พลพญาแถน ทำหน้าที่กัดต่อย หลังจากวางแผนเรียบร้อยกองทัพของพญาคางคกก็เดินทางออกรบ มอดทำหน้าที่กัด เจาะด้ามอาวุธ แมงป่องและตะขาบกัดต่อยไพร่พลของพญาแถนเจ็บปวดร้องระงมจนกองทัพระส่ำระส่าย ในที่สุดพญาแถนยอมแพ้ และตกลงทำสัญญาสงบศึกกับพญาคางคก ดังนี้
1. ถ้ามวลมนุษย์จุดบั้งไฟขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อใด ให้พญาแถนสั่งให้ฝนตกในโลกมนุษย์
2. ถ้าได้ยินเสียงกบ เขียดร้อง ให้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาแล้ว
3. ถ้าได้ยินเสียงสนู (เสียงธนูควายของว่าว) หรือเสียงโหวด ให้ฝนหยุดตกเพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าว
หลังจากที่ได้สัญญากันแล้ว พญาแถนจึงได้ถูกปล่อยตัวไป และได้ปฏิบัติตามสัญญาจนบัดนี้ การจุดบั้งไฟให้ขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อเป็นการแสดงคารวะ กับเป็นสัญญาแจ้งให้เทพารักษ์ได้ทราบว่าใกล้จะถึงฤดูทำไร่ไถนากันแล้ว ขอได้โปรดเมตตาช่วยบันดาลให้ฝนตกมายังภาคพื้นดินด้วย ประกอบกับชาวพื้นเมืองทั่ว ๆ ไปในภาคอีสาน ได้ทำพิธีแห่บุญบั้งไฟขึ้นก็ในราวเดือน 6 ซึ่งเป็นเดือนราษฎร์ และตรงกับเดือนหลวงก็คือเดือนพฤษภาคมของทุก ๆ ปี
ประเพณีบั้งไฟที่จัดกันต่อเนื่องมาตลอดและเป็นที่รู้จักกันดีคือ บุญบั้งไฟยโสธร ในปีนี้นั้นจัดในวันที่ 9-10 พฤษภาคม 2552 ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่มาก ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมในวันแห่ขบวนเซิ้งบั้งไฟที่มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดยโสธรได้เป็นอย่างงดงามยิ่งใหญ่
แต่ประเพณีบุญบั้งไฟในหลายจังหวัดก็แปรเปลี่ยนไปกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมยุคโลกาภิวัตน์ ทีให้มีการใช้ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นแหล่งการพนันและอบายมุข มีการมั่วสุมของชาวบ้านชนบทกระจายอยู่ในท้องถิ่นทั่วทุกหัวระแหงกันเลยที่เดียว เคยมีคนคาดคะเนเกี่ยวกับจำนวนเงินหมุนเวียนในวงการบั้งไฟปีหนึ่งๆ หลายล้านบาทเลยที่เดียว ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชนบทเป็นอย่างมากเลย
ที่มา: http://guideubon.com/news/view.php?t=68&s_id=2&d_id=13&page=1&start=1 (เข้าถึงวันที่ 21 พ.ค. 52)
สวัสดีค่ะ ทานข้าวหรือยังคะ
สวัสดีตอนเช้าจ๊ะ
สวัสดีค่ะ สบายดีหรือเปล่าคะ
สวัสดีค่ะ...
* แวะมาคารวะรุ่นพี่ค่ะ...
* ปี 18 ยังเรียนสาธิตสวนสุนันทาอยู่ค่ะ...
* ปี 21 เข้าเรียนประสานมิตร ปี 1 ค่ะ...
ครบอีกปีนึง แล้วนะคะ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆเลย
เมื่อปีกลายช่วงนี้ เพิ่งไปชมบั้งไฟที่ร้อยเอ็ด
และศรีสะเกษ ยังประทับใจอยู่เลยค่ะ ขอบคุณ
สำหรับภาพให้หวนคิดถึง งานประเพณีดีๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ มีความสุขนะคะ
สวัสดีค่ะ มีความสุขนะคะ
ประเพณีที่ดีงาม ควรอนุรักษืไว้ค่ะ แต่ระวังเรื่องบั๊งไฟแตก ตกใส่บ้านเรือน การพนัน ทำให้สิ่งมัวหมองเข้ามาสู่สิ่งดีงามค่ะ ต้องช่วยกันดูแล
สวัสดี ตอนเช้าค่ะ
สวัสดีค่ะ มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ
มาขอบคุณอาจารย์ สบายดีไหมครับ เห็นหายไปเข้าไปว่างานยุ่ง คนใกล้ตัวก็หายไปด้วยครับ ฮ่าๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะ มาด้วยความคิดถึงจ๊ะ
แวะมาอ่าน เพิ่งรู้เรื่อง พญาคางคก วางแผน มิน่าปลวกต่อแตน ชอบกัด ตามความถนัดของตน เพื่อการชนะพญาแถน