ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผมรับราชการมา มีอยู่หลายครั้งแล้วที่ถูกรับเชิญให้ไปส่งผู้ที่ได้รับคำสั่งย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด (ตำแหน่งสูงขึ้น) โดยการจัดรถบัสไป 1 – 2 คัน และมีผู้ร่วมเดินทาง 30 – 60 คน โดยประมาณ ค่าใช้จ่ายเท่าที่เห็นจากตัวโครงการตกอยู่ประมาณ 200,000 – 300,000 บาท ซึ่งในเนื้อหาสาระของโครงการก็มักจะเป็น การศึกษาดูงานแบบ “ด่วน” ที่ไร้ซึ่งสาระหรือประเด็นที่ไปดูงาน ไร้จุดหมายที่จะได้ซึ่งการพัฒนา ไม่ได้ประสานสถานที่ดูงานอะไรเลย นอกจากการเดินทางไปเที่ยว (เคยแลกเปลี่ยนกับคนที่กลับมา) อันนี้จะบอกว่าผมเขียนได้เพราะไม่เคยร่วมเดินทางไปในลักษณะนี้เลย ด้วยความตั้งใจที่จะปฏิเสธและใส่ใจการปฏิเสธในแต่ละครั้ง จริง ๆ เรื่องนี้มีลึกลงไปอีกว่าหากต้องสมทบบางส่วน หรือออกค่าใช้จ่ายเอง จะไม่มีใครสมัครร่วมเดินทางไปด้วย แต่เมื่อไหร่บอกว่า “ฟรี” (ไม่ทราบฟรีตรงไหน หากทบทวนดี ๆ) จะมีคนสมัครจนต้องคัดเลือก
ลองมาคิดดูนะครับถูกที่สุดตกหัวละ 5,000 บาท หากนับไปถึงการที่ไม่ได้ทำงานตามหน้าที่ในช่วงที่เดินทาง ประมาณ 5 วันราชการ ก็ย่อมจะมากขึ้นไปอีก แล้วผู้ที่ย้ายคนนั้นไปรับตำแหน่งไม่ได้เหรอครับ ก็ยังได้อยู่ (ไม่เห็นเกี่ยวกัน) ผมเห็นด้วยนะครับหากจะไปส่งกันบ้างพอหอม ๆ โดยออกค่าใช้จ่ายแสดงน้ำใจกันเอง ไม่รบกวนเงินของประชาชน เพราะทีเวลาจะนำงบฯ ไปใช้กับประชาชน คิดแล้วคิดอีก เบิกได้มั้ง ไม่น่าเบิกได้ อะไรทำนองนี้ โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่มักจะบอกว่าเงินจากโครงการหลักประกันสุขภาพไม่เพียงพอ ยิ่งมองไม่เห็นความจำเป็นหากยังให้ประชาชนไม่พอ ก็แสดงว่าเบียดบังอย่างชอบธรรม (อีกแล้ว “ชอบธรรม เพราะชอบใจ และชอบด้วยระเบียบ แต่ไม่ชอบด้วยความถูกต้องอย่างที่ควร”)
ที่เขียนนี่เพราะเห็นว่าใน GotoKnow.org
ยังไม่ใครเคยได้บันทึกเรื่องจริงลักษณะอย่างนี้ แต่เชื่อว่ามีอีกหลาย
ๆ แห่ง น่าจะได้ ลปรร.กันนะครับ ผมว่าหากพูดถึงกันมาก ๆ
บางครั้งอาจจะไปกระตุกปลายปากกาของผู้บริหารให้เปลี่ยนจาก “อนุมัติ”
เป็น “ไม่อนุมัติ-คืนเรื่อง” ได้บ้าง
คุณNaigod
ขอบคุณครับสำหรับเสียงโหวต แต่ไม่ได้ฮั้วไว้กับใคร ก็เลยต้องรอว่าถึง 20% ไหม (ยิ้ม)
ผมเพิ่งมาทำงานในระบบราชการได้ไม่นานนัก
ไม่เคยรู้เรื่องแบบนี้มาก่อนเลยครับ....
อ่านๆแล้วตกใจมากเลย....
จำได้ว่าเคยอ่านเรื่อง "สารวัตรใหญ่"
ในเรื่องสารวัตรใหญ่ได้ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่
และไม่ให้ใครไปส่งเลย
แล้วก็ไม่ให้มีการจัดเลี้ยงต้อนรับด้วย
โดยให้เหตุผลว่าเพื่อการประหยัด
แต่ไม่คิดเลยว่าการไปส่งข้าราชการที่ย้ายฯ
จะสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินขนาดนี้
คุณNiplak
ขอบคุณสำหรับเสียงโหวต เช่นกันนะครับ
จริง ๆ ใครมีอะไรดี ๆ ในหน่วยงานมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะครับ
เช่นแรงต้านเงียบ ๆ ที่ก่อเกิดจนเป็นกระแสนะครับ มีบ้างไหมครับ
ผมจะ ลปรร.ต่ออีกสักนิด เคยได้ยินคำนี้ไหม
(ผมพูดเองนะ) ผู้บริหารจะพยายามหาเหตุผลว่าอนุมัติแล้ว(เกิดก่อน)
จะได้อะไรบ้าง (เกิดหลัง) ส่วนผู้เสนอ จะพยายามว่าทำ (เขียน) อย่างไร
(เกิดก่อน) ผู้บริหารจึงจะอนุมัติ (เกิดหลัง)
อาจารย์ Handy
ขอบคุณสำหรับการ ลปรร. ด้วยเสมอ หลงอ่านของอาจารย์จนมาถึงประเด็นที่ 4 ก็ยังคิดว่าอาจารย์มายังไงแน่...ยิ้ม เมื่ออ่านข้อสุดท้ายก็เลยหงายหลังตีลังกา (ฮาอีก 3 ตลบ)
คุณตุมปัง
ครับ! น่ากลัวหากมัวนิ่งเฉย
เรื่อง "สารวัตรใหญ่" แม้จะเป็นนิยาย
แต่ก็แฝงด้วยเรื่องจริง และที่สำคัญเรื่องชีวิตจริงก็คือนิยายดี ๆ
นี่เอง
คุณ dreamer
ขอบคุณครับที่ถูกใจ (ผมมักจะเรียกว่า
"จริต" ตาม Dr.Ka-poom)
ใช่ครับจริง ๆ
แล้วการศึกษาดูงานนะมีประโยชน์และเป็นการเรียนรู้ที่ดีมาก
หากแต่บ่อยครั้งได้ถูกเบี่ยงประเด็นไป
ที่สำคัญต้นทุนต่อหน่วยแพงนะครับ เที่ยวเอามาทำเป็นเล่นไป
เป็นธรรมเนียมใหม่ไปแล้ว หากแต่พอจำได้ เมื่อก่อนจะไม่ใช้เงินหลวง แต่จะช่วยกัน ๆ กันออกเอง
ก็เคยเจอมาด้วยแล้วเช่นกัน ไปด้วย 1 ครั้ง หลายปีก่อน เป็นการพักผ่อนจริง ๆ แต่เหนื่อยในการนั่งรถ ไม่ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายมากอย่างนี้ แต่ก็นึกไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน
ที่หน่วยงานกำลังมีการโยกย้ายระดับผู้บริหารเช่นกันคะ
เป็นการโยกย้ายด้วยระยะทางที่ยาวไกล...
แรกเริ่มเดิมที แทบไม่มีใครอยากไป...
แต่ไฉน...ณ ตอนนี้ กลับมีคนแย่งกันไป...
ยิ่งบางฝ่ายปิดฝ่ายกันไปเลย...
ด้วยเหตุหรือแรงจูง"ใจ" อันใดหนอ...
จึงสามารถทำให้คนเปลี่ยนใจตามไปส่งได้มากขนาดนี้
คุณผู้ใหญ่
หากออกกันเอง ก็ยังพอรับได้นะครับ เพื่อสืบสานการดูแลกันของสังคมไทยที่ควรมี (อย่างพอดี ๆ)
คุณ rc
แค่คุณนึกไม่สบายใจ ก็มีท่าทีที่ดีออกมาแล้วครับ ช่วย ๆ กันครับ
Dr.Ka-poom เพื่อนที่รักที่ดีที่สุด
เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากครับ หากเป็นไปตามกรณีเหมือนที่ผมเขียนบันทึกนี้ ขอไว้อาลัยล่วงหน้า หากไม่ใช่แต่เป็นการไม่เบียดเบียนอะไรประชาชนเลย คืออนุโมทนา...สาธุ ด้วยคนครับ หวังไว้ว่าจะเกิดในประการหลัง (ไม่ทราบทำไมรู้สึกสงสารประเทศไทยจัง)
คุณ Jaja
ขอบคุณมากครับที่เข้ามาให้แรงใจ
แต่ละคนควรจะได้คิดกันนะครับคนละเล็กละน้อย
ประเทศไทยจะได้พัฒนาอย่างที่ควรจะพัฒนา อย่าง "พอเพียง"
มีผู้นำชุมชนท่านหนึ่งบอกผมว่า
ตั้งแต่เงินผัน จนถึงยุคกองทุนหมู่บ้าน หมู่บ้านละล้าน
หากทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงใจในการพัฒนา ประชาชนจะได้อะไร ๆ
เยอะมากครับ
คุณjaja
ไม่เพียงแต่ผู้บันทึก...หากแต่รอยของผู้มาให้ คห. ต่างร่วมกันกระทุ้ง..ช่วยกันคนละแรง...หวังคะหวังว่าประเทศชาติ..จะเจริญขึ้น...ไม่ทราบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน..ท่านๆ ทำอะไรกันอยู่นะคะถึงได้ปล่อยให้เกิดโครงการ/กรณีอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ในองค์กรภาครัฐ...สงสารชาวบ้านคะ..ที่แทบจะมีชักหน้าไม่ถึงหลัง...หากแต่ "ข้า+ราช+การ" กลับมาช่วยกันถลุงเงินประเทศชาติอย่างนี้..เพื่อเสริมบารมีตน...
อย่างไรก็ตาม...ดิฉันยังเชื่อในเรื่อง"ทำดีได้ดี...ทำชั่วได้ชั่ว"...
5,000 X 50 = 250,000 บาท
5,000 X 60 = 300,000 บาท
หากเป็นไปตามที่คุณ"ชายขอบ"ว่าก็ตกประมาณ 250,000 - 300,000 บาท
เป็นจำนวนเงินที่มากเหมือนกันนะคะ
อ่านซ้ำ ๆ รู้สึกเหนื่อยล้า เข้าใจว่าเป็นการแสดงน้ำใจ ก็ยังมาเป็นประเด็นจนได้
Dr.Ka-poom
คำนวนง่าย ๆ ได้เท่านั้น หากจะคำนวณต้นทุนต่อหน่วยที่แท้จริงแล้ว (ทางตรงและทางอ้อม) มากกว่า 300,000 (60 คน) แน่นอนครับ...ขอบอก (ยิ้ม)
คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม (29 เม.ย.2006, 21:40:44)
ผมเห็นด้วยครับที่บอกว่าเป็นการแสดงน้ำใจกัน
ผมก็จะไปร่วมงานเลี้ยงส่งนะครับ ที่มีการเฉลี่ยกันจ่าย
โดยไม่เห็นจำเป็นต้องใช้งบประมาณ
ประเด็นนี้ที่ไม่เห็นด้วยคือการใช้งบประมาณที่ไม่เพียงพอไปทำในสิ่งที่ไม่ควรต่างหากครับ
จึงก่อเกิดเป็นประเด็น
และที่สำคัญครับที่เขียนนะเป็นประสบการณ์เมื่อได้รับทราบข่าวว่าที่อื่นก็มีการทำอย่างนี้กันด้วยหลังได้
ลปรร.กันแล้ว จึงมาเขียนเพื่อขยายการ
ลปรร.และทบทวนวัฒนธรรมองค์กรลักษณะเช่นนี้ครับ จริง ๆ แล้วที่
สนง.ที่ผมทำงานอยู่ไม่มีใครย้ายหรือเลื่อนตำแหน่งในขณะนี้ครับ...ที่เขียนก็เพื่อกระตุก
ๆ ดูบ้าง...นิ (ยิ้ม)
ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม เมื่อ ส. 29 เม.ย. 23:10:47 2006
เหนื่อยครับเหนื่อย
แต่อย่าท้อ...แท้
ไม่แปลกหรอกครับ หากโดนกลืน
จะแปลกเมื่อกลืนไม่เข้า หรือไม่เคยถูกกลืน (ยิ้ม)
ผมก็ยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีว่าหน่วยงานเดินทางไปราชการทีละ 50-60 คน แม้จะออกเงินเอง แล้วใครอยู่ทำงานบริการประชาชนครับ
คุณ "คนเก็บตะวัน"
จริง ๆ ชื่อนี้เป็นชื่อรุ่นที่ผมเรียน
รร.พัทลุง ตอน ม.ปลาย คือรุ่น "เก็บตะวัน"
เลยไม่ทราบว่าเกี่ยวกันไหมครับกับชื่อคุณ
เข้าเรื่องดีกว่าผมเห็นด้วยในประเด็นที่คุณนำเสนอว่าไม่อยเห็นด้วยนะครับ
เหตุผลเช่นเดียวกันด้วยครับ
อ่านแล้วประหลาดใจว่า มีการทำอย่างนี้ด้วยหรือในวงราชการ
นึกอยากถามว่าธรรมเนียมของการไปส่งนั้นเพื่อแสดงว่าการมีคนไปส่งมากๆ คือการแสดงพลังให้กับบ้านใหม่ว่าอย่ารังแกนะ เพราะคนไปรับตำแหน่งมี "พวก" และมี "คนรัก" จากที่เดิม...หรือเปล่า
เป็น win-win ของฝ่ายไปและฝ่ายใหม่
ฝ่ายไปรับตำแหน่งก็อนุมัติเพื่อการแสดงพลัง
ฝ่ายได้รับอนุมัติก็ได้รับประโยชน์โดยการไปเที่ยวที่มีคนจัดการให้เสร็จแถมได้เขียนในประวัติว่าได้ไป "ศึกษาดูงาน"
ส่วนแหล่งใหม่ ก็ได้เอาไปเขียนได้ว่ามีคนมาศึกษาดูงาน (ตั้งแยะ) แสดงว่า "ต้องมีดี" และยังได้แสดงน้ำใจต่อ "เจ้านายใหม่" ว่า แข็งขันในการรับแขกศึกษาดูงาน
แต่ว่า win-win นี้กลับไม่ใช่ win-win บนหลักการที่ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชน
ว่าไหม
ยิ้มๆ..จนอยากหัวเราะหึหึ...ไม่ถึงก๊าก..เมื่อมาเจอ คห. คุณไร้นาม โดนใจมาก "นึกอยากถามว่าธรรมเนียมของการไปส่งนั้นเพื่อแสดงว่าการมีคนไปส่งมากๆ คือ การแสดงพลังให้กับบ้านใหม่ว่าอย่ารังแกนะ เพราะคนไปรับตำแหน่งมี "พวก" และมี "คนรัก" จากที่เดิม...หรือเปล่า..."...
นั่น หมายถึง.."คน" กำลังไป กลัว...จึงให้คนสนิทตัวเองทำโครงการซิกแซก...ว่าไปศึกษาดูงาน..แล้วใครล่ะจะไม่อยากไป พักก็พักโรงแรมระดับ 4 สี่ดาวเป็นอย่างต่ำ...แถมได้หยุดงานอีก4-5 วัน เป็นอย่างต่ำ ได้เที่ยวฟรี-พักฟรี...ใครจะไม่อยากไป...ดิฉันล่ะคนหนึ่งไม่ไปแน่...ขี้เกียจนั่งรถ..เมื่อยคะ! ที่สำคัญเหนื่อยใจ...แค่เขียนโครงการหนึ่งขึ้นมาเสนอ..ก็ยากแสนยากกว่าผู้บริหารจะอนุมัติ..อ้างหลักการต่างๆ นานา..มาเพื่อให้เราลด cost แต่..พอเป็นโครงการศึกษาดูงาน(แฝง) กลับอนุมัติได้อย่างง่ายดาย..เศร้าใจคะ
คุณเก่ง
น่าเห็นใจครับ
ผมก็เคยโดนเรื่องการจัดหาเครื่องดื่มแก่เด็กนักเรียน
ดีที่ไหวตัวทันก่อนลงมือโดยการศึกษาจากระเบียบ เพราะนึกสงสัย (แบบมี
sense) และที่สำคัญเด็กต้องลงลายมือชื่อทุกคน
อันนี้ได้รับการบอกเล่าจากคนอื่นอีกทีว่าในงานวันเด็ก
ตามตัวไม่ได้แล้ว เลยจ่ายเองเหมือนกัน ที่เล่าให้ฟังเพราะจะได้มีแรงใจ
ไม่เบื่อราชการเสียก่อน อยากให้อยู่สู้ ๆ กันไป
ที่คุณเล่ามาใน
คห.ผมเข้าใจครับว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นการรู้สึกเปรียบเทียบกัน
ท้อได้ครับ สักระยะหนึ่งสั้น ๆ แต่อย่าถอย
พี่เม่ย
พี่เม่ยนะหลุดหรือเปล่า พอบอกว่าทำงานมายี่สิบกว่าปี ก็ทันทีทันใด จัดการบวกลบดู ไหงอายุไปเร็วกว่าหน้า...อย่ายิ้ม
เห็นด้วยครับว่าส่งกันเพียงที่ประตูรถ พร้อมของขวัญของฝากจากบ้าน ๆ ถิ่นเรา เพื่อให้คิดถึงกัน ก็เท่านั้น เท่านั้นพอ หากจะให้ทำอย่างอื่นเพิ่มมากไปกว่านี้ ก็ไม่ต้องคิดถึงกันก็ได้... ว่าไหม บาทเดียวก็เลยแพงไปจริง ๆ อย่างพี่ว่า อีกต่อบาทนั้นก็บาทของประชาชนไม่ใช่ของเรา
พี่เม่ย อีกครั้ง
ลัดคิวอีกทีครับ งั้นเป็นห่วงนะครับ อานามขนาดนี้ อย่าเพิ่งมีฉุนเฉียวง่ายล๊ะครับ ยังไง ๆ มีบริการที่ รพ.มอ.ใกล้ ๆ พี่นั่นแหละ ผมเคยเดินผ่าน (แต่ไม่ได้แวะ)
คุณไร้นาม
ผมไม่ขอกล่าวอะไรเลย นอกจากคำว่า "ขอบคุณมากครับ" ช่างเติมเต็มให้แก่หลาย ๆ ท่านที่เข้ามาอ่าน แล้วไม่เคยพบประสบเจอ ได้ทราบว่าในสังคมนี้ก็มีเรื่องนี้ และมีอีกหลาย ๆ ที่ ที่เขาเรียกว่า "บ้าพลัง-อำนาจ"
Dr.Ka-poom
หาข้อมูลก่อนนะว่าเกิดอะไรขึ้น ชักสงสัยแล้วซิครับ
เข้ามาอ่านอีกรอบ ยอมรับว่าชุมชนนี้เปลี่ยนแปลงสังคมได้แน่ หนาวแน่
คุณ"RC"
เราในนาม คุณ"ชายขอบ" และ Dr.Ka-PooM เชื่อมั่นและศรัทธาเช่นนั้นคะ..ยึดมั่นในความดี และความถูกต้อง...หากจะทำอะไรเราควรลงมือทำด้วยความจริงใจ...เพื่อยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก...แม้บางครั้งบางมุมของสังคมมองเราบิดเบือนไป..ว่า..มักคิดอะไรที่ต่อต้าน..แต่สิ่งที่เราๆ กำลังช่วยกันทำ...ต่างทำตามหน้าที่ของการเป็นคนไทย และ"มนุษย์" คนหนึ่งพึงทำเพื่อก่อเกิดความสร้างสรรค์..มากกว่าเพื่อเชื่อเสียงและเกียรติยศเชิงสังคม...จึงอยากวิงวอนเรา "คนไทย" ทุกคนช่วยกัน...พัฒนา..คน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ และอย่าได้มองว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง...เลย
ขอบคุณ Dr.Ka-poom
ขอบคุณนะครับที่ได้เข้ามาตอบคุณ RC ไว้ ขอยืนยันว่าเป็นเจตนารมณ์เดียวกันตามที่นำเสนอครับ ยืนยันตามนั้น...ด้วยใจจริง
คุณ naigod
เห็นด้วยมากครับกับข้อเสนอของคุณ ผมว่าเพียงแค่นั้นก็พอแล้ว หากแต่ที่ไม่พอเพราะต้องการแสดงพลังอย่างที่คุณ "ไร้นาม" เขียนถึงไว้เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2006 19:23:10
เป็นที่น่าสังเกตว่าบันทึกนี้ผู้ใหญ่ๆ ผู้บริหารๆ ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น อีกนานครับ เจ้าของบันทึกจะเดือดร้อนไหมนี่...
คุณคนโหมด
ไม่เป็นไรครับ เชื่อว่ามีที่ได้อ่านบ้างแล้ว และผมคงไม่เดือดร้อนอะไร เพราะเมื่อได้แสดงออกแล้วก็สบายใจ และยิ่งสบายใจเมื่อมีคนมีร่วมให้ คห.กันมากขนาดนี้ครับ เกิดปิติมากกว่าจริง ๆ
ตอนแรกที่ได้ยิน Dr.Ka-poom บอกว่า Blog 5,000 บาทแพงไปไหม? รอความเห็นอยู่... ก็ยิ้มนิดๆในใจเพราะนึกว่าถามถึงค่าตัว ( หัวใจ ) ของใครบางคน...แต่พออ่านจบก็จับใจความได้ถึงความรู้สึกระหว่างบรรทัดที่ทุกคนมีความเห็นต่อเรื่องนี้... ขอร่วม ลปรร.ด้วยคนแล้วกัน
โดยส่วนตัวไม่เคยเห็นด้วยกับการตามไปส่งถึงที่ ( ไม่รู้ว่าเพื่อจะให้แน่ใจว่าไปจริงๆหรือเปล่านะ ) และได้ลงมือกระทำด้วยการไม่เคยไปส่งสักครั้งเดียวเหมือนกัน.เพราะคิดว่า " อำลา - อาลัย " เป็นความรู้สึกในใจที่สามารถรับรู้ได้ระหว่างกันและกันผ่านความทรงจำที่เคยมีร่วมกันมา... และเชื่อว่าความรัก ความผูกพันไม่เคยจางหายด้วยวัน เวลาหรือระยะทาง ซึ่งความซาบซึ้ง อ่อนหวานแบบนี้ควรเป็นสิ่งที่หวนรำลึกเมื่อใดก็อบอุ่นในใจทุกครั้งมากกว่าเป็นเถิดเทิงเพื่อความบรรเทิงชั่วครู่ชั่วยาม
อ่านจบแล้วก็เศร้าใจ ยิ่งสูง - ยิ่งหนาวจริงๆ ความจริงใจหายากจัง... พวกผู้บริหารนี่เค้าโดดเดี่ยว อ้างว้างกว่าคนอย่างเราๆเยอะเลยเนอะ...เมื่อโดดเดี่ยวก็เลยต้องหาตัวช่วย เฮ้อ ! นึกถึง คห.ของคุณไร้นามที่เคยกล่าวว่า คนอายุเกิน 30 มีเพื่อนเท่านิ้วมือก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว ( ไม่แน่ใจว่านับทั้ง 2 มือหรือเปล่า หรือว่านับรวมมือคนอื่นด้วย ^^)ลองนับดูก็ดีใจเพราะมากกว่านิ้วมือของตัวเองแฮะ และยืนยัน( เอ๊ะ !ต้องนั่งยันสิเพราะกำลังนั่งอยู่ )ว่าถ้าถึงเวลาที่คนข้างนอกต้องย้าย ( ด้วยเหตุใดก็ตาม )...ไม่ต้องไปส่งเพราะไปเองได้และจะกลับมาหาเสมอ (ไม่ว่าจะอยากให้มาหรือไม่ก็ตาม... เพราะไม่มีใครห้ามได้เหมือนกัน ! ฟันธง )
มาถึงการตอบคำถามว่าหัวละ 5,000 บาท แพงไปไหม ? ขึ้นอยู่กับว่าเอาเงินจากไหนมาจ่าย ถ้าเงินส่วนตัวก็ถูกไปสำหรับการแสดงความร้ากกกกก...อย่างสุดขั้วฤดีอย่างนี้ แต่ถ้าเงินหลวงคุณไม่มีสิทธฺที่จะหยิบมาใช้ในกรณีเช่นนี้
คุณคนข้างนอก
ดีใจครับที่เข้ามา ลปรร. แล้วจะมาต่อยอดอีกครั้งนะครับ