>>>ผมมีโอกาสได้ท่องเที่ยวบ่อยครั้งตามที่ต่างๆเท่าที่สามารถไปได้ด้านกำลังทรัพย์และโอกาสอำนวย สิ่งแรกๆที่ผมมีความสนใจเป็นพิเศษนอกจากวิถีชวิตที่เจ้าของพื้นถิ่นดำรงอยู่ สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ผมมักจะขอซื้อหรือถ่ายรูปมาส่วนในกรณีที่ไม่มีวางขายหรือมูนมังตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และที่ผมชื่นชมชื่นชอบมากเป็นพิเศษเหนืออื่นใด จนกระทั่งอยากได้ป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ถ้าผมมีเงินเท่าคุณทักษิณผมจะกว้านซื้อไว้ให้หมดและเก็บรักษาให้คนรุ่นหลังมีโอกาสได้ศึกษาและซึมซับความงดงามของชีวิตที่แทรกซึมอยู่ทุกซอกทุกมุมของพื้นที่ มันมีเรื่องราวบอกเล่า มันมีประวัติศาสตร์ของการดำรงอยู่ เมื่อใดมันเกิดบุบสลาย ผุผัง เรื่องราวเหล่านั้นก็จะอันตรธานหายไปเช่น ใมนสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ไก้อาจจะดีกว่าด้วยซำแต่คุณค่าทางจิตใจและความรู้สึกละมันคงไม่คงอยู่แล้ว
>>>เมื่อไม่นานผมมีโอกาสได้นั่งปลดปล่อยความคิด อารมณ์และความรู้สึกริมโขงเมืองนครพนมและมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้คนแถวนั้น ผมรู้สึกคล้ายๆกับโกรธๆและเสียใจในที ว่าอีกไม่นานตึกเก่า บ้านเก่า อาคารเก่า ริมโขงจะถูกทุบ รื้อ ทิ้ง เพื่อที่จะสร้างเป็นพื้นคอนกรีตอย่างดี ให้คนมาวิ่งเล่นพักผ่อนและจะได้มีหน้า มีตาทัดเทียมทีอื่น ฟังแล้วสลดใจ ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งหายไป มีบ้างมั้ยที่จะมีการจัดการที่ดีกว่านนี้ ในขณะที่คนอื่นๆมาท่องเที่ยวประเทศไทยเพื่อมาดูสิ่งสวยงามทางด้านประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและอาคารบ้านเรือนที่ของเขาไม่มีให้ชมอีกแล้ว แต่คนไทยกับคิดว่าสิ่งเหล่านี้ช่างไร้ค่าเสียนี่กระไรท่านคิดเห็นอย่างไรช่วยตอบที................................
คุณอุดมฯคิดจะซื้อหมดเลยหรือ แล้วชาวบ้านเขาจะไปอยู่ไหนกันแหมคิดเป็นนิยายไป เอางี้ซิลองหาชุมชนหรือบล็อคของคนที่อยู่นครพนมดูเผื่อบันทึกไปสะกิดใจเขาบ้าง ไม่แน่นะเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้หรือพัฒนาแบบควบคู่กันไปทั้งสถานที่ออกกำลังกายและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ แบบว่าจะได้มีคนมาเยี่ยมชุมชนเราเยอะๆๆงัย
คุณอุดม แต่ก็ลงมือได้ด้วยการไปลิงค์กับคนนครพนมเด้อ
เผื่อมีคนเห็นคุณค่าสักหลังสองหลังแล้วให้เราไปศึกษาบ้านเขางัยไม่แน่นะ ลิงค์ๆๆๆๆๆๆเร็ว
เขาทุบอนุเสาวรีย์ชนะญวน(ใช่ชื่อนี้หรือเปล่านะ) ที่ใกล้ฝั่งโขงด้วยไหม
แล้วส่วนที่รื้อคือพวกห้องแถวไม้หรือว่าตึก
เมื่อก่อนแถวฝั่งโขงนครพนมตรงใกล้ๆวงเวียนอนุเสาวรีย์เวลาหน้าแล้ง คนจะเดินข้ามไปเที่ยวฝั่งลาวได้ และที่ดินงอกริมฝั่งก็จะปลูกผักกาดหว่านไว้กินกัน พอน้ำมาก็พอดีเก็บผักกินได้ ห้องแถวไม้พวกนั้นดูเก่า แต่ข้างในจะเย็นเพราะครึ่งหลังของบ้านก่ออิฐหนาฉาบปูนขาวหนาปึก
ถ้าชี้ให้คนแถวนั้นเห็นว่าการอนุรักษ์แต่พัฒนาจะเป็นประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต เขาอาจจะไม่ค่อยอยาก แต่ถ้าบอกเขาว่าเก็บไว้นะ ฝรั่งจะมาเที่ยวเยอะ เดี๋ยวจะไปทำแผนโฆษณาให้ เขาอาจจะสนใจอยู่ก็ได้
ความคิดดีๆอย่างนี้น่าจะลองสมัคร สส.หรือ สว.นะคะ จะเชียร์เต็มที่เลยค่ะ ในความคิดเห็นของตัวเองก็เห็นด้วยกับคุณคล่องนะคะแต่ว่าก็เข้าใจนะว่าแต่ละคนก็มองกันคนละมุมทำให้มีเหตุผลกันคนละอย่าง สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คงจะเป็นทำใจมังคะ (เฮ้อ)
ชาวบ้านเขาก็คงอยากอยู่บ้านตึก ติดแอร์เย็นสบายอย่างเราๆ บ้างก็ละมั้ง ถามว่านักศิลปวัฒนธรรม นักวิชาการ ผู้เข้าไปหาอัตตาทั้งหลาย ตอนนี้อยู่บ้านตึก คอนโดกลางกรุงกันรึเปล่า ไม่ใช่จะอยากหยุดสตาฟคนเหล่านี้ไว้ เพื่อให้เป็นดาราหน้ากล่องของคุณๆทั้งหลาย รากศัพท์ ของคำว่าวัฒนะ คือการพัฒนา ดั่งนั้น วัฒนธรรมก็ต้องเป็นสิ่งที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
วัฒนธรรมไม่ใช่แค่ของคนที่อยู่มานาน หรือเครื่องใช้ไม้สอยเก่าแกที่นักสะสมทั้งหลาย หามาสะสม เท่านั้น
contemporary ต่างหาก ที่เราน่าจะมาพูดถึงกัน อย่าไปสรุป ตีตรา สร้างอัตตาลักษณ์ (แทนชาวบ้าน) ให้มันเป็นกรอบทำร้ายเราเองเลย
ยึดมั่นคราใด มีทุกข์ครานั้น เพราะคุณไม่ยิ่งใหญ่พอ ที่จะหยุดความเปลี่ยนแปลงได้หรอกครับ
ขอบคุณครับสำหรับข้อคิดเห็นต่างๆที่เขียนเข้ามา มีมุมมองหลากหลายดีนะครับ ต้องขอโทษนะครับที่อาจจะต้องบอกกล่าวข้อเท็จจริงบางประการพื่อที่จะเป็นข้อมูลในการวิพากษ์
1.เท่าที่ผมทราบมาพื้นที่ที่กล่าวถึงเป็นการเวนคืนจากหน่วยงานราชการในพื้นที่เพียงเท่านั้นเองนะครับ
ส่วนอารมณ์ความรู้สึกในการพูดถึงนั้นเป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึกล้วนที่บังเกิดเมื่อได้ยินเท่านั้นของผมเอง
contemporary คืออะไรครับใครทราบช่วยอธิบายเป็นวิทยาทาน................
แหมคุณอาทก็มองนักวัฒนธรรมร้ายไปมั้งครับ ดูจากข้อมูลที่คุณอุดมรัตน์เล่ามาผมก็ว่ายังมีชาวบ้านหลายหลังนะครับที่อยากอยู่บ้านเก่าอันเป็นที่บรรพบุรุษเขาเคยอยู่มาแต่เจออำนาจรัฐแบบเวนคืนอย่างนี้คงพูดไม่ออกหรือไม่ได้พูด
ผมเข้าใจคนรักในรสแห่งวัฒนธรรมอย่างเราเราที่อยู่คอนโดเนี่ยไม่ใช่อยากจะอยู่หรอกนะครับ แต่เพราะ Contemporary และการไม่มีทางเลือกในสังคมร่วมสมัยจำใจต้องอยู่และชาวบ้าริมโขงเหล่านั้นก็คงไม่อยากอยู่หรอกห้องเล็ก ๆ
การพัฒนาผมว่าต้องควบคู่ไปกับการมองถึงโคตรเหง้าของตนเองนะครับ ต้องรู้จักตนเองให้ดีก่อนแล้งงานพัฒนาจะประสบความสำเร็จ
เรื่องท่องเที่ยวผมก็เที่ยวมาเยาะแต่ว่ายังไม่เคยไปที่นครพนมเลย
ถ้าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าเป็นการเวียนคืนของหน่วยงานราชการผมว่าไม่น่าจะทำลายส่วนที่เป็นทรัพยากรของจังหวัดครับ จะมีซักกี่จังหวัดที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่และจะมีซักกี่ประเทศที่มีวัฒนธรรมเหล่านี้อยู่ การบริหารจัดการจำเป็นต้องก้าวตามโลกแต่ว่าไม่จำเป็นต้องทำลายสิ่งที่คนทั่วโลกเข้าแสวงหาก็ได้
ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการครับ มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ไม่ล้าสมัย มันเกิดขึ้นได้ครับหลายๆเมืองในต่างประเทศเขายังทำได้ ยิ่งเป็นหน่วยงานของรัฐยิ่งต้องคิดให้มากครับ