สรุปบทเรียน การทดลองปฏิบัติราชการ ณ สำนักงานเกษตรจังหวัดกำแพงเพชรตอน 1(ต่อ)
แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากเกษตรกร(มืออาชีพ)
การถอดองค์ความรู้เรื่องประสิทธิภาพการผลิตมันสำปะหลัง ประวัติเกษตรกร คุณประเสริฐ เสิศจรัสสกุลถาวร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.9 ต.ทรงธรรม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เป็นเกษตรกร และยังเป็นนายก อบต. ตำบลทรงธรรม ทำไร่อ้อย 200 ไร่ มันสำปะหลัง 100 ไร่ ทำไร่อ้อยและไร่มันสำปะหลังมาแล้วเป็นเวลา 15 ปี สำหรับมันสำปะหลังนั้นเดิมได้ปลูกพันธุ์พื้นเมือง ได้ผลผลิตเฉลี่ย 2.5 ตัน/ไร่ และมีการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีมาตลอด แต่ต่อมาได้ใช้พันธุ์ที่ทางราชการส่งเสริมให้นำมาปลูกในพื้นที่ มีพันธุ์ระยอง 1,ระยอง 3 ได้ผลผลิตเฉลี่ย 4 ตัน/ไร่ในปีแรก แต่ให้ % แป้งต่ำ ไม่เป็นที่ต้องการของลานมันจึงได้เปลี่ยนมาปลูก พันธุ์ระยอง 9 ได้ผลผลิต 5-6 ตัน/ไร่ (2 ปี) แต่การเก็บรักษาท่อนพันธุ์มีข้อจำกัดของพันธุ์ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน และได้เห็นเพื่อนบ้านปลูกพันธุ์ระยอง 5 ซึ่งได้ผลผลิตดี %แป้งสูง ท่อนพันธุ์สามารถเก็บไว้ได้นานจึงปรับเปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ระยอง 5 มาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อปี 50 ได้มีการระบาดของโรค-แมลง-เป็นโรคไหม้และเพลี้ยแป้ง เมื่อนำพันธุ์ไปปลูกในพื้นที่ก็ยังเป็นโรค จึงได้มีแนวคิดหาพันธุ์ใหม่มาทดแทนในพื้นที่ โดยการแนะนำของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและการศึกษาดูงานตามจังหวัดต่างๆ (หลักสูตรการใช้จุลินทรีย์ในการเพิ่มผลผลิตมัน) มีพันธุ์ห้วยบง 60 เกษตรศาสตร์ 50 ระยอง 9 โดยนำมาปลูกเมื่อปี 51 และมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนจากการใช้สารเคมีและปุ๋ยเคมีมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ลักษณะพื้นที่ปลูก เป็นดินทราย ดินล่างเป็นลูกรังและชั้นที่ 2 เป็นดินดาน การระบายน้ำดี มีการปลูกพืชหมุนเวียนในพื้นที่ 2 ปี/ครั้ง (2 ปีปลูกข้าวโพด 1 ครั้ง รากตื้น)โดยปลูกข้าวโพดสลับในไร่มันทุก 2 ปี จากประสบการณ์ในการปลูกมันอย่างต่อเนื่อง จะทำให้การเจริญเติบโตของต้นมันไม่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกข้าวโพดสลับที่ทำให้มันเจริญเติบโตได้ดีกว่า ซึ่งการปลูกข้าวโพดสลับจะเป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุจากการไถกลบตอซังข้าวโพดทำให้ผลผลิตของมันเพิ่มขึ้น ไม่เคยทำการวิเคราะห์ดิน เนื่องจากไม่ทราบสถานที่ตรวจวิเคราะห์ การเตรียมดิน คุณประเสริฐได้มีการเตรียมดิน 5 ครั้ง ครั้งที่ 1 ไถผาน 3 ลึก 80 ซม. โดยก่อนไถจะหว่านวัสดุดังนี้ แกลบดิบ 3 ตัน/ไร่ มูลวัว 400กก./ไร่ กากอ้อย 5 ตัน/ไร่ โดยปรับเกลี่ยให้ทั่วแปลง จากนั้นสูบน้ำราดทิ้งไว้จนดินหมาด ตากทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ เพื่อให้โครงสร้างของดินมีการแตกตัวได้ง่ายขึ้น ครั้งที่ 2 ไถหลังจากตากดินทิ้งไว้ 7 วันแล้ว ด้วยผาน 3 ซึ่งจะทำให้การไถหน้าดินลึกมากกว่าเดิมประมาณ 10 ซม.(เป็นการทำลายชั้นดาน)ปล่อยทิ้งไว้ 3 วัน เพื่อให้ดินแตกตัวได้ดียิ่งขึ้น ครั้งที่ 3-4 ทำการไถด้วยผาน 7 จำนวน 2 รอบ(การไถครั้งที่ 2 จะเป็นการไถตัดขวางรอบที่1 )เพื่อเป็นการปรับดินให้ดินแตกละเอียดเหมาะสำหรับการปลูกมัน จะทำให้มีการงอกและการเจริญเติบโตได้ดี ครั้งที่ 5 ทำการไถยกร่องปลูกด้วยรถแทรกเตอร์ใหญ่ ขนาดร่องกว้าง 10 เมตร การเตรียมพันธุ์ แหล่งที่มาจากพื้นที่ของตนเอง โดยคัดเลือกต้นพันธุ์ที่มีอายุ 7-10 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงอายุพันธุ์ที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตที่ดี พันธุ์ที่ปลูกมีพันธุ์ห้วยบง 60,เกษตรศาสตร์ 50 ,ระยอง9 การเก็บท่อนพันธุ์ตัดสูงจากโคนต้นและปลายยอดประมาณ 50 ซม. แล้วจึงนำมากองไว้โดยให้ส่วนโคนชิดสัมผัสกับพื้นดินทิ้งไว้ 7 วันใต้ร่มไม้ แล้วจึงทำการตัดต้นพันธุ์ด้วยเลื่อยวงเดือน ตัดยาว 50 ซม.ตัดในลักษณะตรง แล้วจึงนำไปจุ่มน้ำก่อนปลูกเพื่อเป็นการกระตุ้นท่อนพันธุ์ให้มีความชื้น (ตื่นตัว) วิธีการปลูก โดยการจ้างแรงงานปลูกในช่วงเดือน ก.พ. ใช้ระยะปลูกระหว่างแถวx ต้น 1.10x1 ม. โดยวิธีการปักตรงลึก 25 ซม.ไม่ได้ปลูกตรงสันแปลง แต่ปลูกในร่องระหว่างแปลง เนื่องจากคุณประเสริฐใช้ปุ๋ยหมักโรยระหว่างร่อง แล้วทำการกลบดินด้วยแรงงานคน จากนั้นจึงทำการปักท่อนมัน ระบบน้ำ ใช้น้ำคลองสาธารณะโดยวิธีสูบราดในพื้นที่ ในช่วง 3 เดือนแรกทุก 15 วัน จำนวน 45 ครั้ง ถ้าฝนตกจึงหยุดให้น้ำ ในฤดูกาลนี้คุณประเสริฐให้น้ำจำนวน 4 ครั้งเนื่องจากไม่มีฝนตก การกำจัดวัชพืช โดยใช้แรงงานคนไม่มีการใช้สารเคมี เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ตายและทำให้โครงสร้างของดินเสีย ทำการกำจัดวัชพืชจำนวน 3 ครั้ง ในช่วงมันมีอายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน เพราะให้ต้นมันโตพ้นหญ้า การกำจัดศัตรูพืช ไม่พบศัตรูพืช โรค แมลง ซึ่งคุณประเสริฐคิดว่าการใช้จุลินทรีย์กับมันจะทำให้มันสำปะหลังแข็งแรงมีความต้านทานโรค ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยหมักที่ผลิตเองโดยได้สูตรจากการฝึกอบรมของธกส. มีส่วนผสมดังนี้ ขี้ไก่แกลบ 500 กก.(ขี้ไก่เนื้อ) ขี้ไก่ไข่ 750 กก. โดโลไมท์ 1 ตัน แร่เฟอร์ไรท 1 ตัน จุลินทรีย์ (12 สายพันธุ์) 60 ลิตร กากน้ำตาล 60 ลิตร รำละเอียด 500 กก.(ทุกส่วนผสม อัตราต่อพื้นที่ 2 ไร่) มูลโค 300 กก./ไร่ น้ำ 150 บาท/ไร่ ขั้นตอนวิธีทำ 1. นำจุลินทรีย์,กากน้ำตาล มาผสมน้ำ 800 ลิตร 2. นำส่วนผสมที่เหลือมาผสมจนเข้ากัน แล้วนำจุลินทรีย์ที่ผสมไว้ นำมาราดทั่วทั้งกอง 3. หมักทิ้งไว้ 15 วัน โดยมีการกลับกองทุกวัน เพื่อระบายความร้อนและให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้กองปุ๋ยหมักย่อยสลายได้เร็วขึ้น 4. ทำการบรรจุกระสอบและนำไปใช้ คุณประเสริฐได้มีวิธการใช้ปุ๋ยดังนี้ 1.ใช้รองพื้นในระหว่างร่องก่อนทำการปักท่อนพันธุ์โดยโรยเป็นแถวยาว อัตรา 1 ตัน/ไร่ 2.เมื่อมันอายุได้ 1 เดือน จึงทำการใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ โดยใส่ระหว่างต้นมัน ก่อนอื่นจะใช้จอบขุดระหว่างต้น แล้วใส่ปุ๋ยประมาณ 0.5 กก./ต้น รวมเป็น 1 ตัน/ไร่ การเก็บเกี่ยว เก็บเกี่ยวเมื่ออายุมันได้ 12 เดือน โดยจ้างเหมาในอัตราตันละ 300 บาท พร้อมขนส่งจนถึงลานมัน ผลผลิตที่ได้ในแปลงเฉลี่ย 16 ตัน/ไร่(พันธุ์ห้วยบง 60,พันธุ์ระยอง 5,พันธุ์ระยอง 9 ,เกษตรศาสตร์ ) ต้นทุนการผลิต 1.ขั้นตอนการเตรียมดิน ค่าใช้จ่าย 780 บาท/ไร่ แยกเป็นค่าไถผาน 3 ครั้งที่ 1 250 บาท/ไร่ ค่าไถผาน 3 ครั้งที่ 2 200 บาท/ไร่ ค่าไถผาน 7 (2 ครั้ง) 180 บาท/ไร่ ค่ายกร่อง 150 บาท/ไร่ 2.ขั้นตอนการเตรียมพันธุ์ ค่าท่อนพันธุ์ 500 บาท 3.ขั้นตอนการกำจัดวัชพืช 585 บาท/ไร่ 4.ขั้นตอนการใส่ปุ๋ย ค่าปุ๋ย 390 บาท/ไร่ ค่าแรงกระจายปุ๋ยปรับสภาพดิน 200 บาท/ไร่ ค่าวัสดุปรับสภาพดิน 3,000 บาท/ไร่ ค่าวัสดุทำปุ๋ยชีวภาพ(รวมค่าน้ำด้วย)เท่ากับ 5,010 บาท(พื้นที่ 2 ไร่) 5.ขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ค่าจ้างเหมาขุดมัน ตันละ 300 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 4,800 บาท/ไร่ รวมต้นทุนการผลิตทั้งหมด 15,865 บาท/ไร่ การตลาด ขายให้สหกรณ์นิคมนครชุม ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ขายในโครงการ 1,700x16=27,200 บาท/ไร่ ได้กำไร 27,000-15,865 =11,335 บาท/ไร่ ขายนอกโครงการ 1,200 x16 =19,200 บาท/ไร่ ได้กำไร 19,200-15,865=3,335 บาท/ไร่ ปัจจัยแห่งความสำเร็จและความคาดหวัง ที่คุณประเสริฐทำมันได้ผลผลิตสูงเนื่องจาก 1. คุณประเสริฐ เป็นบุคคลที่มีการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆในการผลิตมันสำปะหลังให้มีผลผลิตสูงและมีการนำมาทดลองในไร่ตนเอง 2.ให้ความสำคัญในการปรับสภาพดินโดยใช้อินทรียวัตถุเป็นอันดับแรก และมีการใช้พันธุ์ดีที่เหมาะสมในพื้นที่ พร้อมมีการใส่ปุ๋ยชีวภาพและการให้น้ำในช่วงที่เหมาะสมกับมันสำปะหลังที่มีความต้องการน้ำและแร่ธาตุ 3.จุดเด่นคือของเกษตรกร เป็นผู้นำที่ดี โดยการนำความรู้ที่ได้มาทดลองปฏิบัติด้วยตนเองก่อนที่จะนำไปขยายผลให้ชาวบ้านนำไปใช้ต่อไป โดยคุณประเสริฐบอกว่า เพื่อให้เกิดแรงจูงใจ และเกิดข้อแตกต่าง ข้อมูลโดยคุณประเสริฐ เลิศจรัสสกุลถาวร