ภัยการให้ข่าวสารไม่ครบ


เมื่อราวๆ ๒ ทุ่มคืนวานซืนนี้ (๒๕ เม.ย. ๔๙) ดูเหมือนว่าคนไทยทั้งประเทศจะลืมกระทั่งหายใจ เพราะทุกดวงจิต-ดวงใจ เพ่งสมาธิ ตั้งสติรับฟัง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" มีพระราชดำรัสกับคณะตุลาการที่เข้าเฝ้าฯ ๒ คณะ คือ คณะตุลาการศาลปกครอง และคณะตุลาการศาลฎีกา ที่วังไกลกังวล หัวหิน ผ่านทางจอโทรทัศน์
เปลวสีเงิน
คนปลายซอย


27 เมษายน 2549 กองบรรณาธิการ

ภัยการให้ข่าวสารไม่ครบ


เมื่อราวๆ ๒ ทุ่มคืนวานซืนนี้ (๒๕ เม.ย. ๔๙) ดูเหมือนว่าคนไทยทั้งประเทศจะลืมกระทั่งหายใจ เพราะทุกดวงจิต-ดวงใจ เพ่งสมาธิ ตั้งสติรับฟัง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" มีพระราชดำรัสกับคณะตุลาการที่เข้าเฝ้าฯ ๒ คณะ คือ คณะตุลาการศาลปกครอง และคณะตุลาการศาลฎีกา ที่วังไกลกังวล หัวหิน ผ่านทางจอโทรทัศน์

ความทั้งหลายทั้งปวง ทุกท่านซาบซึ้งกันดีแล้วนะครับ เพราะหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ "แกะเทป" นำกระแสพระราชดำรัสนั้นมาตีพิมพ์ไว้ครบถ้วนในวันรุ่งขึ้น

จะมีบ้างที่ไม่ครบถ้วน นั่นก็มิใช่เพราะฝ่ายบรรณาธิการฉบับไหนไปตัดทอน แต่เป็นเพราะเทปที่อัดจากหน้าจอโทรทัศน์ เมื่อแกะเทปแล้ว อาจรับฟังกระแสพระราชดำรัสบางตอนไม่ชัด

ฉะนั้น จำต้องเว้นเฉพาะตอนนั้นไว้ ซึ่งดีกว่าจะแกะเทปผิดๆ ถูกๆ แล้วตีพิมพ์ลงไป

แต่ที่ทุกฉบับนำมาตีพิมพ์วานนี้ ก็ถือว่าได้ใจความครบถ้วนขั้นสมบูรณ์ และเหตุที่ผมต้องนำประเด็นตรงนี้มาพูดกับท่าน เพราะพระราชดำรัสเมื่อค่ำวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙ นี้

เป็นประวัติศาสตร์ "ทรงดับไฟแผ่นดิน" อีกครั้งหนึ่ง

คืนความสงบ และร่มเย็นให้พสกนิกรผู้ร้อนรุ่มด้วยความจงรักต่อชาติ พระศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเสมอเหมือนกัน

แต่ถึงคราวมีทัศนคติ และมุมมองที่ขัดแย้งกัน ผ่านการบริหารบ้านเมืองของ "รัฐบาลทักษิณ" โดยเฉพาะจากพฤติกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี

และผ่านการจัดให้มีการเลือกตั้งของ กกต.ที่ ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า "ขาดความบริสุทธิ์ยุติธรรม"

นี่คือต้นเหตุของความร้อนรุ่ม ที่สุมให้บ้านเมืองร้าว!

สำหรับผมนั้น ขอสารภาพว่า ไม่มีโอกาสได้รับฟังกระแสพระราชดำรัสตอนภาคข่าว ๒ ทุ่ม แต่ทราบได้ทันทีว่า กระแสพระราชดำรัสครั้งนี้นำมาซึ่งความรู้สึก ปลื้มปีติ ยินดี ตื่นเต้น หลายๆ อย่างรวมกันให้เกิดกับประชาชนสุดที่ผมจะบรรยายได้

เพราะนั่งกันอยู่ ๔-๕ คน ต่างมีโทรศัพท์จากเพื่อนฝูงบ้าง จากคนรู้จักกันบ้าง จากที่บ้านบ้าง สรุปประเด็นละล่ำละลักว่า

"ในหลวงออกโทรทัศน์..ในหลวงออกโทรทัศน์"

ทั้งคนโทร.และทั้งคนรับต่างตื่นเต้น-ดีใจ ยิ้มแย้ม ซักไซ้ ไต่ถามกันยกใหญ่ แต่พอถามถึงเนื้อใหญ่-ใจความกลับบอกว่า

"เค้าอธิบายไม่ถูก ให้รีบกลับไปฟังเอง โทรทัศน์เอามาออกเรื่อยๆ ทุกช่อง"

ถึงตรงนี้ในฐานะลูกค้า AIS ขอประณามหน่อยเถอะว่า เวลากระหน่ำโทร.ในเรื่องสำคัญๆ แต่สัญญาณมือถือ AIS ห่วยแตกจริงๆ!

กดจนนิ้วแทบกุด ต่อสายเข้าโรงพิมพ์ไม่ได้เลย ต้องขอยืม D-TAC ของพรรคพวกเขากดถึงติด

สงสัยจะต้องเขียนจดหมายบริภาษเป็นภาษาสิงคโปร์ไปถึงเทมาเส็กซะแล้วกระมัง?! นั่งก็ไม่เป็นสุข เพราะใจหยุกหยิก ก็เลยรีบโกยกลับโรงพิมพ์ มาขอข่าวจากบรรณาธิการข่าวประจำวันเขาอ่าน แต่ก็จริงด้วยแหละ โทรทัศน์ช่องต่างๆ นำเทปกระแสพระราชดำรัสหมุนเวียนเผยแพร่ให้ฟังเป็นระยะๆ

เป็นอันว่า ผมเฝ้าดู และเฝ้าฟัง ไล่จากช่อง ๓ ช่อง ๕ ช่อง ๗ ช่อง ๙ ช่ ช่อง ๑๑ ช่อง ITV รวมถึง ช่อง UBC

จากที่ได้อ่านต้นฉบับข่าว และจากที่ได้ฟังทางโทรทัศน์ ความรู้สึกหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผม คือ

วิตก!

เพราะเทปที่โทรทัศน์นำมาเผยแพร่ทุกช่อง จะนำเฉพาะช่วงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดำรัสถึงเรื่องมาตรา ๗ เป็นประเด็นหลักเท่านั้น

ส่วนเนื้อความจากกระแสพระราชดำรัสอื่นๆ ทางโทรทัศน์เว้นเสียในการนำมาเผยแพร่

กระทั่งข่าวภาคเที่ยงวันรุ่งขึ้น ทางช่อง ๑๑ กรมประชาสัมพันธ์ ยังอุตส่าห์จงใจจับเฉพาะประเด็นมาตรา ๗ เพียงอย่างเดียวมาทำเป็น "ข่าวตัววิ่ง" หน้าจอไว้อีก

ครับ..ที่ผมเป็นทุกข์ ด้วยวิตกก็อย่างนี้แหละ ต้องเข้าใจให้บริสุทธิ์ตรงกันว่า กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันมีผลกับเหตุการณ์ปัจจุบันนี้

ทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ล้วนมีค่า ล้วนมีความหมาย ล้วนมีความสำคัญต่ออนาคตชาติบ้านเมืองขณะนี้ทั้งสิ้น จะตัดทอน เลือกนำมาเผยแพร่เฉพาะ "ส่วนใด-ส่วนหนึ่ง" ไม่ได้เลย

ควรอย่างยิ่ง ควรที่ต้องนำกระแสพระราชดำรัสทั้งหมด อย่างที่เรียกภาษาชาวบ้านว่า "ฉบับเต็ม" เผยแพร่ให้ประชาชนได้ใช้เป็น "เข็มทิศ" นำทาง ยามมืดมิด และหลงทางเช่นนี้!

ประชาชนคนไหน ถ้าไม่ได้อ่าน "กระแสพระราชดำรัส" ทั้งหมดโดยละเอียดจากหน้าหนังสือพิมพ์ ดูเท่าที่โทรทัศน์ตัดทอนนำมาให้ดู ก็ต้องเข้าใจว่า

"ในหลวง" มีกระแสพระราชดำรัสด้วยกับเรื่อง "นายกฯ พระราชทาน" เรื่อง "กู้ชาติ" เพียงเท่านั้น!

และที่ผมวิตกก็เป็นจริงเสียด้วย เพราะขณะนี้ "กรมประชาสัมพันธ์" ท่านวางเฉย ปล่อยให้จัดรายการวิทยุ แบ่งค่าย ตั้งแก๊ง ปลุกระดม โทรศัพท์เข้ามาพูดจาด่าทอ วิพากษ์วิจารณ์กันชนิดไม่มีหูรูดทั้งวัน-ทั้งคืน

เรียกว่าตลอด ๒๔ ชั่วโมง กระทั่ง "วิทยุรัฐสภา" ก็พลอยเป็นไป!

เวลานี้ อาการที่เรียกว่า "ตีความเข้าข้างฝ่ายตน" ระบาดไปทั่ว และถูกขยายความ เออออห่อหมกชนิดมีคนให้ท้าย หนุนหลังชักใย ในหมู่ประชาชนจนถึงระดับผู้มีส่วนได้-ส่วนเสีย แบ่งเป็นฝัก-เป็นฝ่าย ยุยงให้เกลียดชังกันเป็นวงกว้างจนน่ากลัว

น่ากลัวถึงขั้น..ต้องแยกภาคกันอยู่!

คนเหนือ-อีสาน จะไปจุ้นจ้านแถวใต้ไม่ได้

คนใต้ ก็อย่าแหยมไปเหยียบเหนือ-อีสาน!

พูดง่ายๆ ประชาชนตอนนี้แบ่งเป็น ๒ ซีก คือ

ซีก รักทักษิณ

ซีก ชังทักษิณ!?

ผมอยากให้พี่น้องทุกคนได้หา "กระแสพระราชดำรัส ๒๕ เมษา." ฉบับเต็มมาอ่านเพื่อใคร่ครวญ และเพื่อตั้งสติรับแนวทางการแก้ไขสิ่งที่บิดเบี้ยวอยู่ขณะนี้ให้กลับมาตรงทาง เพื่อบ้านเมืองจะได้เดินด้วยดีต่อไป

ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมอบหมายให้ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ปรึกษาหารือกันด้วยความเที่ยงตรงตามแนวทางกฎหมายในแต่ละอำนาจขององค์กร

ใจความใหญ่ในกระแสพระราชดำรัสนั้น "ทุกเรื่อง-ทุกประเด็น" ชัดเจน ไม่ต้องตีความใดๆ อะไรกันอีก อ่านแล้วก็ต้องเข้าใจแจ่มแจ้งทุกคน

มีทั้งเรื่องการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ภายใน ๓๐ วันถูกต้องหรือไม่ จะเป็นโมฆะ หรือไม่โมฆะ มีทั้งเรื่องเลือกตั้งพรรคเดียว เบอร์เดียวใช่ประชาธิปไตยหรือไม่ มีทั้งเรื่องการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องศาล เรื่องสภา ที่มีหลายแบบ

ประเด็นสำคัญเหล่านี้ ไม่ปรากฏว่าโทรทัศน์ได้นำมาเผยแพร่ต่อๆ ให้ประชาชนได้รับฟัง-รับทราบ ตัดทอนนำมาเผยแพร่เฉพาะช่วงของกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับมาตรา ๗ ประเด็น "นายกฯ พระราชทาน" เป็นต้นไปเท่านั้น

ผมขอให้ท่านย้อนอ่านให้ครบ "ทุกประเด็น" เอาเองนะครับ ดูเหมือนว่าวันนี้ "ไทยโพสต์" ก็นำมาลงพิมพ์อีกครั้งอยู่แล้ว ผมจะไม่ยกมากล่าวในเนื้อที่อันจำกัดตรงนี้อีก

ตอนนี้ ที่ "เปิดสาย" สุมไฟเผาบ้านวิพากษ์-วิจารณ์กันตามวิทยุ ก็จับกันเฉพาะประเด็นตรงใจตนไปโจมอีกฝ่าย แล้วก็ตะโกนปลุกระดมกันว่า..

พวกเราชนะแล้ว..พวกเรามาถูกทางแล้ว..นายกฯ ทักษิณของเราไม่ต้องเว้นวรรคแล้ว ไอ้คนนั้น-คนนี้ บังอาจบ้าง กระด้างกระเดื่องบ้าง อัปรีย์บ้าง ต้องตัดหัวมันไป อะไรต่างๆ นานาในลักษณะนี้บ้าง

ขืนปล่อยไปแบบนี้ วันศุกร์ที่ ๒๘ เมษา. ประธานทั้ง ๓ ศาลท่านจะประชุมปรึกษาหารือถึงเรื่องต่างๆ ดังที่พระองค์ท่านทรงปรารภถึง ถ้าวินิจฉัยกรณีใดมีผลอกมา และ "ไม่ตรงใจดังที่เข้าใจกันแต่แรก"

ด้วยความเข้าใจผิดก็ดี ด้วยการตีความเข้าข้างฝ่ายตนก็ดี เพราะได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน-ไม่ครบด้านก็ดี

บ้านเมืองที่จะสงบ ไฟในเถ้าอาจปะทุขึ้นได้อีก!

ผมว่าความขัดแย้งอันนำมาซึ่งความยุ่งเหยิงสู่บ้านเมืองขณะนี้ นอกจากปัญหาอันมาจากพฤติกรรมสั่งสมของ พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สร้างพฤติกรรมถึงขั้น "สังคมทนรับไม่ไหว" คือ

คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทั้ง ๔ คนขณะนี้!

ไม่ว่าคณะตุลาการจะมีวินิจฉัยเที่ยงธรรมด้วยข้อกฎหมายใดๆ ออกมา ขณะนี้ ประชาชนพร้อมรับฟัง รับปฏิบัติตามทั้งสิ้นอยู่แล้ว

แต่..จะเป็นการรับฟัง และปฏิบัติตาม "ด้วยใจขมขื่น" และยากฝืนยอมรับกับ ๔ กกต.ชุดนี้ การเลือกตั้งจะเข้าที่-เข้าทางได้ ประชาชนและคนการเมืองจะพอใจ ถ้า ชิ้ว..ชิ้ว.กกต.ชุดนี้ไปก่อน


คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 25878เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2006 03:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน 2012 21:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท