ด้านหลังมหาวิทยาลัยนาลันทามีพระพุทธรูปสีดำ กล่าวกันว่า มีมาแต่ครั้งโบราณ ชาวบ้านเชื่อกันว่า ท่านชอบน้ำมัน จึงนิยมการถวายประทีปน้ำมันบูชา
การเดินทางในอินเดียทำให้เราได้เห็นความเป็นไป และเข้าใจชีวิตมากขึ้น หลายๆ คนที่ไปอินเดียมาแล้วกล่าวว่า รักเมืองไทยมากขึ้น
อาจารย์ ดร.ลำดวน จาดใจดี อดีตนักศึกษาปริญญาตรี โท และเอกจากมหาวิทยาลัยในอินเดียกล่าวว่า ถ้าอยู่อินเดียได้ก็อยู่ได้ทุกที่ในโลก แสดงถึงชีวิตในอินเดียที่ต้องต่อสู้หลายรูปแบบ
สีสันของอินเดียอย่างหนึ่งคือ เป็นดินแดนที่มีความแตกต่างอย่างกว้างขวาง (land of contrast) ทั้งในด้านวรรณะ ฐานะ ศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี
ตรงนี้เป็นจุดขายสำหรับการท่องเที่ยวที่ดี เพราะนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างก็อยากสัมผัสบรรยากาศที่แปลก ใหม่ ไม่จำเจ แม้แต่ที่ตโปทารามก็มีเกสต์เฮาส์ให้นักท่องเที่ยวเช่า
คนอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ไม่นิยมฆ่าสัตว์ และนิยมกินอาหารแบบมังสวิรัติ โดยเฉพาะอาหารทอดกับขนมหวานดูจะชอบมากเป็นพิเศษ
นาลันทามีชื่อเสียงเรื่องขนม ”ขชา” มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ทุกวันนี้คนอินเดียก็ยังทอดขนมชนิดนี้อยู่ นับว่าเขาเก็บรักษาภูมิปัญญานับแต่ครั้งโบราณไว้ได้เป็นอย่างดี
คนอินเดียชอบกินนม นำนมมาต้ม ผสมกับชา ใส่น้ำตาลจนหวาน เรียกว่า “ไจ” พระภิกษุรูปหนึ่งเล่าว่า เป็นนมควายมากกว่านมวัว
ไจอินเดียนิยมขายในถ้วยดินเผา ดื่มแล้วเหยียบให้แตก เพื่อป้องกันคนต่างวรรณะนำไปใช้ซ้ำ
คนอินเดียค้าขายเก่ง มีหัวทางการค้า และมีแนวโน้มว่า น่าจะรวย(ถ้ามีโอกาส) เนื่องจากแขกส่วนใหญ่ค่อนไปขยัน และประหยัด ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของเศรษฐีทั่วโลก
พระอาจารย์ ดร.วิชัยท่านเล่า คนอินเดียมีภาษาพูดมากมาย แต่เมื่อจะพูดกันข้ามเผ่าพันธุ์จะนิยมพูดภาษาอังกฤษ เพราะถ้าไปพูดภาษาของอีกฝ่ายหนึ่งออกจะเป็นการเสียหน้า ลักษณะเช่นนี้มีส่วนทำให้คนอินเดียเก่งภาษาอังกฤษไปในตัว
คนอินเดียนอกจากจะเก่งภาษาอังกฤษแล้ว ยังเป็นนักอ่าน นักเขียน นักเรียน และเป็นนักอภิปราย นักศึกษาในอินเดียกล้าที่จะแสดงออก ทำให้บัณฑิตที่จบอินเดียมีคุณภาพค่อนข้างสูง
เรื่องนี้คงไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะอินเดียเป็นประเทศส่งออกวิศวกร โดยเฉพาะสายวิศวกรรมซอฟแวร์(โปรแกรมคอมพิวเตอร์)
ปีนี้ (2549) เศรษฐีใหญ่ชาวอินเดีย เจ้าของโรงงานเหล็กขนาดยักษ์หลายแห่งติดต่อเข้าซื้อกิจการโรงงานเหล็กในฝรั่งเศส เดือดร้อนรัฐบาลฝรั่งเศสต้องเข้ามาปรามไว้ เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมสำคัญตกอยู่ในมือคนต่างชาติมากเกิน
ถ้าถามผู้เขียนว่า อินเดียกับจีนเก่งต่างกันอย่างไร ขอตอบว่า อินเดียและจีนเก่งทางการค้า มีสถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรม มีเครือข่ายคนร่วมชาตินอกประเทศอย่างกว้างขวาง และมีเงินตราต่างประเทศมากทั้งคู่
ทว่า... จีนเก่งไปทางการผลิตสินค้าที่เป็นรูปธรรม (hardware) ดังที่กล่าวกันว่า จีนเป็นโรงงานของโลก ส่วนอินเดียเก่งไปทางสินค้านามธรรม หรือซอฟต์แวร์ (software) เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
แหล่งข้อมูล:
- ขอขอบคุณ > ท่านพระอาจารย์เทพพนม วัดท่ามะโอ ลำปาง, คุณนงนุช, คุณอัจฉริยา เกตุทัต (ปุ๊ย), พี่จี๊ด (ทพญ.รัตนาวดี บุปผาเจริญสุข), พี่จ๋อง(ภก.บุญญาพร ยิ่งเสรี).
- อาจารย์ ดร.ลำดวน จาดใจดี. ทำไมไปเรียนที่ดินเดีย. ใน: เรียนที่อินเดีย: Studying in India. ธนพลวิทยาการ. กรุงเทพฯ. 2545:26-27.
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๒๗ เมษายน ๒๕๔๙.
- เชิญอ่านบ้านสุขภาพ > http://gotoknow.org/blog/health2you