26 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันพระราชทานกำเนิดโรงพยาบาลหลวงแห่งแรกของประเทศไทย
เมื่อ พ.ศ. 2424 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดอหิวาตกโรคระบาดชุกชุม ในครั้งนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลชั่วคราวในที่ชุมชนรวม 48 ตำบล แต่ปิดทำการเมื่อโรคร้ายสงบลง แต่ในพระราชหฤทัยทรงตระหนักว่า การมีโรงพยาบาลนั้นจักยังประโยชน์บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกร
ดังนั้น เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2429 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้น เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาลถาวรแห่งแรก ณ บริเวณวังของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข (วังหลัง) ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นทุนแรกเริ่มในการดำเนินการ ... ในระหว่างที่เตรียมการก่อสร้างโรงพยาบาลนั้น สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระราชโอรสในพระองค์ อันประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ได้ประชวรด้วยโรคบิด สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2430 ยังความอาลัยเศร้าโศกแก่พระองค์ยิ่งนัก ถึงกับทรงมีพระราชปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะให้มีโรงพยาบาลขึ้น ครั้นเสร็จงานพระเมรุแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อโรงเรือนและเครื่องใช้ต่างๆ ในงานพระเมรุ นำไปสร้างโรงพยาบาล ณ บริเวณวังหลัง นอกจากนี้ยังพระราชทานทรัพย์ส่วนของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ แก่โรงพยาบาลอีกด้วย
26 เมษายน พ.ศ. 2431 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด และพระราชทานนามว่า “โรงศิริราชพยาบาล” หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “โรงพยาบาลวังหลัง” โดยทำการบำบัดรักษาผู้ป่วยไข้ทั้งแผนปัจจุบันและแผนโบราณของไทย และทุกๆวันที่ 26 เมษายนของทุกปี จึงถือเป็นวันคล้ายวันพระราชทานกำเนิดโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลหลวงแห่งแรกของประเทศไทยที่มีอายุยาวนานที่สุด
ต่อมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ทรงสนพระทัยในวิชาการแพทย์ ได้เสด็จไปศึกษาต่อต่างประเทศ และสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วเสด็จกลับมาทรงงานที่โรงพยาบาลศิริราช ก่อให้เกิดคุณูปการอย่างมากต่อศิริราชและวงการแพทย์ไทย ได้ทรงติดต่อประสานงานกับต่างประเทศ เช่น มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ นำความช่วยเหลือต่างๆ เข้ามาพัฒนาศิริราชให้เจริญรุดหน้ามากขึ้น ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการเป็นโรงเรียนแพทย์ ตลอดระยะเวลายาวนานที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องพบวิกฤตการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ช่วงโรคระบาดรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง และสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในประเทศ หาก “ศิริราช” ก็ยังคงเป็นเสาหลักในการให้การรักษาพยาบาลแก่ชาวไทยตลอดมา
ขอบคุณhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=250360
ขอ..คุณหมอและนางฟ้าสีขาวทุกท่าน มีความสุขในการทำงานค่ะ
สวัสดีค่ะ น้องสาว
ขอบคุณพี่ครูอ้อยค่ะที่แวะมาทักทาย
มีสิ่งดีๆเสมอๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ
มีสิ่งดีๆเสมอๆนะคะ