เรื่องของยางรถยนต์


เรื่องของยางรถยนต์


อดเขียนถึงเรื่องยางรถไม่ได้จริง ๆ ครับ เช้าวันหนึ่งผมขับรถขึ้นโทลล์เวย์ไปทำงาน ในขณะที่กำลังใช้ความเร็วพอสมควร รถคันหน้าเกิดเบรกกระทันหัน ผมจึงต้องเบรกตาม จนตัวโก่ง พร้อมกับลุ้นให้รถที่ขับตามมาอีกหลาย ๆ คันสามารถเบรกได้ โดยที่รถทุกคัน ที่ขับอยู่ข้างหน้าปลอดภัย รวมถึงรถของผมด้วยนะครับ ปรากฏว่ารถคันต้นเหตุมีอุบัติเหตุ ยางรถด้านขวาแตก ดูจากสภาพการแล้วยางรถคันดังกล่าวคงจะเสื่อมสภาพครับ


เห็นไหมครับว่ายางรถยนต์มีความสำคัญมาก ทั้งนี้เพราะยางเป็นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่ รองรับ น้ำหนักของรถและถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนจากรถยนต์ลงสู่พื้นถนนพร้อมทั้งช่วยลด แรงสะเทือนของผิวถนนที่กลับคืนสู่ตัวรถอีกด้วย การดูแลรักษายางอย่างถูกวิธีมีส่วนช่วย ยืดอายุการใช้งานของยางและรถยนต์ให้ยาวนานขึ้นและช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้ขับขี่ ให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ดังเช่นกรณีที่ผมได้กล่าวนำเป็นต้น


ยางแต่ละเส้นมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน เนื่องจากสภาพการใช้งานของยางที่แตกต่างกัน การขับรถบนเส้นทางที่ขรุขระเป็นประจำหรือบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราจะทำให้ ยางทำงานหนักมากเกินไป และเกิดการสึกหรอเร็วกว่าที่ควร การหมั่นตรวจเช็กลมยาง โดยสูบลมยางให้ถูกต้องตามอัตรามาตรฐานที่กำหนดจะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยสูงสุด และรถยนต์สามารถทรงตัวและยึดเกาะถนนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


อัตรามาตรฐานสำหรับการสูบลมยางหรือที่เรียกว่า "ค่าแรงดันลมยาง" จะเป็นค่าที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เป็นผู้กำหนด เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพของรถยนต์แต่ละรุ่น ซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมระหว่างวัตถุประสงค์ในการใช้งานและขนาดของยาง ทั้งนี้คุณควรระมัดระวังเรื่องแรงดันลมยางในรถของคุณไม่ให้น้อยกว่าหรือมากกว่า อัตราที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุรถเสียหลักหรือเสียการทรงตัว อันเกิดจากปัญหาด้านการยึดเกาะของยางที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ


ผมขอแนะนำข้อควรปฏิบัติในการดูแลรักษายางรถยนต์ของรถคู่ใจของคุณดังนี้ครับ

1.ตรวจเช็กและสูบลมยางให้ถูกต้องตามอัตราที่กำหนดในขณะที่อุณหภูมิของยางยังต่ำ อยู่
2.ควรเพิ่มหรือลดลมยางให้มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักที่บรรทุก
3.อย่าปล่อยลมยางในขณะที่อุณหภูมิของแรงดันลมยางสูง
4.ตรวจเช็กลมยางรวมทั้งยางอะไหล่เป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
5.อย่าลดลมยางในขณะฝนตกหรือถนนเปียกเพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการจับถนนและการรีดน้ำลดลง
6.ทุกครั้งที่ตรวจเช็กลมยาง ควรตรวจสภาพยางว่าดอกยางมีอาการปูดบวมหรือบริเวณ แก้มยางมีรอยฉีกแตกหรือไม่ ถ้ามีควรเปลี่ยนยางใหม่ โดยปกติตามสภาพ การใช้งานทั่วไป ควรเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ประมาณทุก ๆ 50,000 กิโลเมตร
7.ในกรณีที่เพิ่งเปลี่ยนยางเส้นใหม่ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็กลมยางให้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วง 3,000 กิโลเมตรแรก เนื่องจากโครงสร้างยางในช่วงแรกจะมีการขยายตัวทำให้ความดันลมยางลดลง

 

Thai Hosting

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #รถ#เกี่ยวกับรถ
หมายเลขบันทึก: 256331เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2009 23:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท