พลังแห่งความสำเร็จ (Power of Success: POS) Part 7


“เจ้าลืมอะไรหรือเปล่า?”

 

เราเคยใช้เวลาในการดูแลชีวิตตัวเองมากน้อยแค่ไหน? หรือว่าไม่เคยคิดเลย!!!

ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ เพราะทุกวันนี้ เวลาเป็นเงินเป็นทอง

ใครจะมีเวลามาปวดหัวคิดวิเคราะห์ตัวเอง

แค่วิเคราะห์งานก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่แล้ว

แล้วยังจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งคิด นอนคิดเรื่องของตัวเอง

 

ก็เพราะแบบนี้ล่ะครับ ที่เราส่วนใหญ่ ไม่ยอมเสียเวลาเพียงนิดหน่อย

เพื่อให้เกิดการพิจารณาหรือไตร่ตรองดูให้เรียบร้อยเสียก่อน

 

ชายตัดไม้จอมขยัน

ชายตัดไม้จอมขยัน จะตื่นแต่เช้า เพื่อไปตัดไม้

วงจรชีวิตของเขาเป็นเช่นนี้ทุกวัน

วันหนึ่งเศรษฐีใจดี จากหมู่บ้านข้างเคียง ได้ยินกิตติศัพท์ความขยันของเขา

และอยากจะช่วยเหลือเป็นเงินทอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับ

เศรษฐีจึงคิดหาวิธีให้เงินแก่ชายหนุ่ม

จึงว่าจ้างให้เขาตัดไม้เพื่อจะเอาไปทำเป็นเฟอร์นิเฟอร์

โดยมีข้อแม้ว่า 

สิบวันต่อจากนี้ชายตัดไม้ต้องตัดไม้ให้ได้อย่างต่ำวันละ 20 ต้น

จึงจะได้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเงินจำนวนนี้ จะทำให้เขาสามารถสร้างตัวได้อย่างสบาย

ชายหนุ่มตกลงที่จะรับเพื่อแลกกับเงินจำนวนนั้น

เพราะเห็นว่าเป็นการแลกกับการทำงาน

เมื่อทำงานได้เงินก็ไม่ถือว่าเป็นหนี้บุญคุณใดๆ

 

เมื่อทราบกฎกติการเป็นที่เรียบร้อย วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มรีบเข้าป่า

ตัดไม้อย่างรวดเร็ว สิ้นสุดเย็นวันแรก ชายหนุ่มสามารถตัดไม้ได้ถึง 22 ต้น

สร้างความปลาบปลื้มแก่เศรษฐีเป็นอย่างมาก

 

วันที่ 2 ชายหนุ่มก็ตื่นแต่เช้าออกตัดไม้อีกครั้ง คราวนี้ตัดได้ 21 ต้น

 

วันที่ 3 ชายหนุ่มจึงตื่นให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะตัดไม้ให้เท่ากับสถิติเดิมที่ตนทำไว้ในวันแรก

ตกเย็นกลับตัดได้เพียง 20 ต้น เท่านั้น

ชายหนุ่มเริ่มหัวเสียกับตัวเอง ไม่เข้าใจว่า ทำไมตัดได้น้อยลง

เศรษฐีได้แต่ยืนยิ้ม ไม่พูดอะไร

 

วันที่ 4 ชายหนุ่มตื่นเช้ากว่าเดิมอีก หวังจะให้ได้ไม้อย่างน้อยๆ 20 ต้น ก็ยังดี

ตกเย็นชายหนุ่มกลับตัดได้แค่ 19 ต้น วันนี้เศรษฐีเริ่มมองเขาอย่างเวทนา ก่อนเอ่ยถาม

เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?

ข้าก็ตื่นแต่เช้าทุกวันล่ะ แต่ทำไมเหมือนข้ายิ่งรีบร้อน ข้ายิ่งตัดมันช้าลงทุกวัน

เศรษฐีได้แต่ยิ้มไม่ตอบอะไร

 

วันที่ 5 ชายหนุ่มตัดได้ 18 ต้น

ข้าพยายามเต็มที่แล้วท่านเศรษฐี แต่ข้าทำได้แค่นี้

เศรษฐียังคงถามคำเดิม

เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?

แล้วก็ปล่อยให้ชายหนุ่มเกิดคำถามต่อไป

ชายหนุ่มคิดพิจารณาว่า เขาลืมอะไรได้หรือเปล่า

ก็ไม่มีอะไรที่ต้องลืม เพราะเขาก็ทำเหมือนที่ผ่านมาทุกวัน

 

วันที่ 6 ชายหนุ่มสามารถตัดได้เพียง 17 ต้น

อะไรกันนี่ท่าน ทำไมยิ่งนานวัน ข้ายิ่งตัดไม้ได้น้อยลงเรื่อยๆ ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ

เศรษฐียังคงถามคำถามเดิม แฝงด้วยรอยยิ้ม

เจ้าลืมอะไรหรือเปล่า?

ท่านเศรษฐี ข้าพยายามคิดทุกอย่างแล้วนะ แต่ก็ไม่มีอะไรที่ข้าต้องลืมนี่

ข้าก็ตัดไม้เหมือนทุกวัน เมื่อท่านรู้ว่ามันคืออะไร ท่านช่วยบอกให้ข้ารู้ด้วยเถอะ

เศรษฐียิ้มอย่างใจดี

เจ้าเป็นคนขยันขันแข็งหนักเอา เบาสู้ แต่ที่ข้าถามเจ้าทุกวันด้วยประโยคเดิมๆ ว่า

เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า? เจ้าฉุกคิดอะไรได้บ้างไหม?

 

ชายหนุ่มเงียบ ไม่ตอบอะไร แต่มองหน้าเศรษฐีด้วยความสงสัย

ท่านโปรดบอกข้าเถอะว่าข้าลืมอะไรไป จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังนึกไม่ออก

ข้าขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว…”

เศรษฐีเงียบก่อนถามช้าๆ

เจ้าเคยใช้เวลาลับคมให้กับขวานของเจ้าบ้างไหม?

ชายหนุ่มนึกย้อนในใจ

ตั้งแต่ข้าซื้อขวานด้ามนี้มา ข้ายังไม่เคยลับคมให้มันเลย

มันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญมิใช่หรือท่าน ในเมื่อมันยังสามารถตัดไม้ได้อยู่

สำคัญสิ ที่ข้าถามเจ้า เพราะอยากให้เจ้ารู้ว่า

การที่เจ้าลงมือทำงานตามที่บอกอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ไม่ยอมคิดพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัวว่าจะสามารถช่วยเจ้าได้อย่างไร

ก็เท่ากับว่า เจ้าล้มเหลวไปครึ่งหนึ่งแล้ว

การที่ข้าสามารถร่ำรวยเป็นเศรษฐีแบบนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความขยันเพียงอย่างเดียว

แต่ข้าให้ความสำคัญกับสิ่งที่ข้าทำ

ข้าจะเสียเวลาค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุ

ที่ทำให้ข้าไม่สามารถประสบความสำเร็จในงานที่ข้าทำ

ก็เหมือนกับเจ้า ที่ยิ่งขยันทำงาน กลับยิ่งเหนื่อยมากขึ้น

เพราะเจ้าไม่เคยหยุดเพื่อที่จะลับคมขวานให้คมอยู่เสมอ

เจ้าไม่ได้หยุดสำรวจสิ่งรอบๆ ตัวเจ้า โดยเฉพาะอุปกรณ์ในการหากิน

เจ้าไม่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น หรือย้อนดูตัวเอง ยิ่งเจ้าคิดอยากจะได้

อยากจะรวย เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ดูแลตัวเอง ไม่มีทางที่เจ้าจะสำเร็จได้

 

แล้วการที่ข้าหยุดคิด มันจะไม่เสียเวลาทำงานหรือท่าน?

การที่เจ้าหยุดคิด เสียเวลาเพียงเล็กน้อยพิจารณาว่าอะไรคือข้อบกพร่อง

กับการที่เจ้าต้องพลาดโอกาสงามๆ เกือบทั้งชีวิต

กับการลงมือทำโดยมิยอมสละเวลาสำเร็จตัวเอง

เจ้าคิดว่ามันคุ้มแล้วหรือ เช่นในการตัดไม้ครั้งนี้

เจ้าไม่สามารถทำได้ตาม ดังนั้น เงินที่เจ้าสมควรจะได้จึงถือว่าเป็นโมฆะ...

คนเราจะขยันเพียงอย่างเดียวคงร่ำรวยไม่ได้

เจ้าต้องมีหัวคิด ต้องมีไหวพริบ เฉลียวฉลาด รู้จักคิดให้มากๆ

ต้องวางแผนชีวิตว่าเจ้าจะทำอย่างไรกับตัวของเจ้าเอง...

เพาะฉะนั้นวันนี้ เจ้าจงกลับไปใช้เวลาในการลับคมขวานและคุณภาพของมันให้มากขึ้น

เพื่อการตัดไม้ในครั้งหน้า จะได้สำเร็จตามเป้าหมาย

 

นั่นคือ อานุภาพของการวิเคราะห์ตัวเองไงครับ...

เราเคยใช้เวลาช่วงใด ช่วงหนึ่งของชีวิตในการพิจาณาตัวเองบ้างไหม?

พิจารณาให้ละเอียดรอบรอบ ว่าเราเป็นคนอย่างไรบ้าง

เพื่อที่จะได้ไม่สูญเสียโอกาสของชีวิต

 

คงมีคนถามนะครับว่า แล้วทำไมเศรษฐีไม่ยอมบอกหนุ่มตัดไม้ล่ะว่า

ต้องลับขวานให้คม

แล้วถ้าผมถามพวกเราบ้างล่ะครับว่า

ชีวิตของเรา เราจะให้คนอื่นมาวางแผนชีวิตให้กับเราหรือครับ?

 

ก็เปรียบเทียบเช่นเดียวกัน เศรษฐีเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวไงล่ะครับ

เขาเพียงแต่แนะนำได้เท่านั้น ให้โอกาสในการตัดสินใจด้วยตัวเอง

 

มนุษย์เราทุกคน ไม่ชอบให้คนมากำหนดวิถีชีวิต

ขืนเศรษฐีใจดี ไปแนะนำ แล้วชายหนุ่มเกิดไม่พอใจขึ้นมา

ก็เป็นเรื่องขุ่นข้องใจกันเสียเปล่าๆ เพราะทุกคนต่างก็หยิ่งทรนงในศักดิ์ศรี

ไม่ต้องการให้มีใครมาสั่งสอนหรอกครับ

ตัวของเรา เราก็ควรที่จะพิจารณาด้วยตัวเอง

ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาวางแผนชีวิตให้...

เพราะเราเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตของเราเอง

หมายเลขบันทึก: 255852เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2009 02:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:17 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

ตรงกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่องอิทธิบาท 4 ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ชายผู้นี้มีความพอใจในการทำงาน เรียกว่าเกิดฉันทะ มีความขยันหมั่นเพียร วิริยะอุสาหะ มีจิตฝักใฝ่ เอาใจใส่การงาน แต่ลืมคิดตริตรองหรือประเมินผลงานตนเอง จึงไม่เกิดปัญญาในการทำงาน

นำไปปรับใช้กับชีวิตได้ดีจังนะคะ ขอบคุณที่ให้ข้อคิดค่ะ

แป๋มเชื่อมาตลอดค่ะ คุณมรกตสินธุ์ ว่า...

"เพราะเราเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตของเราเอง" ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท