ผมเป็นศิษย์เก่าหลายโรงเรียนเหลือเกิน ความผูกพัน ความประทับใจในแต่ละโรงเรียน ไม่เหมือนกัน ความหลังที่ฝังใจให้นั้นก็ต่างกัน สงกรานต์ปีนี้ ผมมีเวลาไม่พอที่จะโทรศัพท์ตามหาเพื่อนๆร่วมรุ่นว่าพวกเราจะไปรวมตัวกันที่ไหนเพราะมัวแต่จัดการเรื่องส่วนตัว เอาตัวให้รอดตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องเห็นแก่ตัวไว้ก่อน พอขับรถผ่านหน้าโรงเรียนเก่าสมัยที่เรียนมัธยมปลาย ก็รู้สึกใจหาย เมื่อเห็นใบไม้แห้งโรยร่วงพรูลงสู่พื้นดิน ขณะที่ผืนธงแห่งสถาบันบนยอดตึกตระหง่านสะบัดพลิ้วตามกระแสลมร้อนพัดแรงๆ ดอกลมแล้งสีเหลืองอร่ามบานสะพรั่ง ย้ำเตือนว่า มาถึงวันเวลาที่จะต้องก้าวย่างย้อนไปหวนหาเพื่อสัมมาคารวะครูบาอาจารย์ผู้สร้างผมจากดินขึ้นเป็นดาว ภาพชีวิตเก่าๆวันที่ 31 มีนาคม ของปีนั้น ผลุดลอยมาในความทรงจำ ซึ่งเป็นวันที่ผมหมดเวลาเป็นนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ พอก้าวสุดท้ายเดินพ้นประตู โลกนอกรั้วโรงเรียนมันกว้างใหญ่ไพศาลทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงกลายเป็นเศษธุลี เพื่อนสนิทคนหนึ่งถามผมว่า “เหรียญสลึง กลม หรือว่า แบน”ผมใช้เวลาคิดนานทีเดียว เขาก็ชูเหรียญสลึงเหลืองเล็กๆให้ผมดูและแย่งตอบเอง “ไม่ว่าจะตอบ กลม หรือ แบน ก็ถูกทั้งนั้นแหล่ะที่ว่า กลม เพราะมันเป็นวงกลม ทั้งหมดมี 360 องศา เธอลองเอาวาดวงกลมรอบๆตัวเอง ทุกๆองศาที่เธอหันหน้าไปนั้น เป็นทางที่เธอเลือกเดินไปได้ทั้งนั้น”เขาหยุดพูดเพื่อถอนใจและสูดอากาศให้เต็มปอดเหมือนหยั่งว่าผมเข้าใจบ้างไหม “ส่วนที่ว่า แบน นั้น ก็มันมีแค่สองด้าน เธอจะเลือกด้านหัวหรือก้อย ล่ะ”ไม่มีคำตอบจากผมอีกเช่นเคยเพราะรู้สึกเคว้งคว้างเหลือเกิน แล้วเขาก็เป็นคนตอบเองอีกว่า “ก่อนที่เธอจะเลือกด้านไหน ขอให้เธอโยนเหรียญสลึงให้ตกถึงพื้น เธอต้องเลือกด้านที่อยู่ข้างบน นะ นะ”แววตาจริงจัง ย้ำคล้ายบังคับให้ผมคล้อยตามสิ่งที่เขาคิด “ฉันไม่มีอะไรให้เธอนะ มีเหรียญสลึงให้แค่นี้แหล่ะนะ” เหรียญสลึงที่เขาให้ผม ยังอยู่ในกระเป๋าเงินจนถึงทุกวันนี้ แล้วหาเพิ่มอีกสี่เหรียญและเคยใช้ซื้อรถจักรยานราคาหนึ่งสลึงมาแล้วด้วยเพราะมีคนท้าทาย “รถจักรยานคันนี้ ราคา 1200 บาท แต่ผมไม่ขาย ผมจะขายแค่ 1 สลึง ใครมีเหรียญสลึงมาแลก เอาไปเลย”ผมจึงรู้ว่าบางครั้งเหรียญสลึงก็มีค่ามากมายเกินกว่าที่คิด และรู้แล้วว่าเขาให้เหรียญสลึงเป็นของที่ระลึกแก่ผมเพราะอะไร
สวัสดีค่ะ
แวะมาขอบคุณคุณเสือภูเขาค่ะที่ไปให้กำลังใจเราชาวพยาบาล
ขอบคุณจากใจจริง
ยินดีต้อนรับเช่นกันค่ะ