วิถีแห่งการภาวนา(3).. ทำไมจึงเดินไปไม่ถึงไหน...


สวัสดีครับ

เดินในที่นี้  หมายถึงการเดินทางด้านใน  นักเดินทางเพื่อการหลุดพ้นจากสภาวะแห่งการครอบงำของอวิชชา....

 

เพราะไม่เคยรู้  ไม่เคยได้ยินได้ฟัง  ได้ศึกษาพระธรรม...

    หลายคนอยู่ในมุมอื่นๆ  จึงไม่มีโอกาส  แต่หลายคนก็เปิดใจ  มารู้  มาเอา  มารับ....

   ..เชื่อว่าเราคนไทยทุกคน  น่าจะได้รู้....แต่จะรู้แบบไหน...

 

 

รู้ไม่ถูกต้อง  รู้ไม่ถูกทาง  รู้ไม่จริง  ทั้งนี้เพราะสติปัญญาน้อย  ขาดผู้ชี้แนะ  ขาดครูบาอาจารย์...

    ...หลายคนอาจจะอยู่กับพระธรรม  ไกล้คำสอน  แต่หาได้รับรู้และนำมาใช้ในการเดินทางไม่..

   ... บางครั้งเราเองเหมือนว่า..เราก็รูเเล้ว...

 

 เพราะกรรมเก่า    หรือเปล่านะ?...

     อาจจะเพราะทำมาน้อย... บำเพ็ญเพียร สร้างปัญญาไว้น้อย  ครานี้เลยไปไม่ถึงไหน  อาจจะต้องเพียร  อดทนทำใหม่อยู่  ยังไม่เห็นผล

 

เพราะกิเลส  อวิชชา  ความไม่รู้ ครอบงำ

  ...น่าจะเป็นบทสรุป..  

    เมื่อเราปฏิบัติได้ตรง  ถูกทาง  และเดินตามแนวทางที่พ่อแม่ครูอาจารย์แนะนำ...  พร้อมทั้งมีเพื่อนนักเดินทางคอยชี้แนะ  กำกับเมื่อเราหลงทาง 

 

 

  ....แต่ปัญหาของเรา   ณ  ตอนนี้คือ.......

  ....ครูอาจารย์ของเรานั้นอยู่ที่ไหน  เป็นใคร  เราพบท่านแล้วหรือยัง

 

  ....หนทาง  วิธีปฏิบัติ  ทางที่ตรง  ลัด สั้นนั้น  เป็นอย่างไร  แล้วรู้และแน่ใจได้อย่างไร  เราเข้าใจถูกต้อง     จริงแล้วหรือไม่...

 

....แม้จะเห็นหนทาง  แต่ก็ใช่ว่าจะเข้าถึงได้ง่ายๆ

....แม้จะเห็นหนทาง   แต่ระหว่างทางก็อาจจะหลงทางจนต้องถอยหลังไป  หรือกลับมาที่เดิม

....แม้จะเห็นหนทาง... แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย  หากเรายังไม่สามารถละความหลงว่าตัวตน  ว่าเรานั้นไม่มีจริง

...แม้จะเห็นหนทาง...  แต่ในวิถีแห่งโลกปัจจุบัน...  ท้าทายต่อการจัดการ  และการปฏิบัติของเราอย่างยิ่ง...

 

  อุบายที่จะใช้เพื่อให้เราไปถึงฝั่งอีกทาง  ( ไม่รู้ฝั่งไหน) ...

  เป็นเรื่องที่เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลจริงๆ

  เพราะจิตนั้นไม่เหมือนกัน.....

 

  จะลองตั้งใจเดินไปเรื่อยๆครับ

  ขอครูบาอาจารย์ในนี้เมตตาและชี้เเนะต่อไปครับ....

 

คำสำคัญ (Tags): #ภาวนาคือชีวิต
หมายเลขบันทึก: 251396เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2009 23:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

ทำไมจึงเดิน............

ไป.......................

ไม่ถึง...................

ไหน....................

เพราะกิเลส อวิชชา ความไม่รู้ ครอบงำ ...น่าจะเป็นบทสรุป.. ....แต่ปัญหาของเรา ณ ตอนนี้คือ....... ....ครูอาจารย์ของเรานั้นอยู่ที่ไหน เป็นใคร เราพบท่านแล้วหรือยัง ....หนทาง วิธีปฏิบัติ ทางที่ตรง ลัด สั้นนั้น เป็นอย่างไร แล้วรู้และแน่ใจได้อย่างไร เราเข้าใจถูกต้อง จริงแล้วหรือไม่........

สงสัยก็แค่รู้ว่าสงสัยครับ www.wimutti.net

จะลองตั้งใจเดินไปเรื่อยๆครับ............

ลองแบบไม่ตั้งใจดูบ้างครับ

ขอครูบาอาจารย์ในนี้เมตตาและชี้เเนะต่อไปครับ....

ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ใคร เป็นแค่เพื่อนร่วมทางครับ

สวัสดีครับ P นาย สามารถ เอื้อมเก็บ

ขอบคุฯครับ...

สงสัยก็แค่รู้ว่าสงสัยครับ

ลองแบบไม่ตั้งใจดูบ้างครับ

ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ใคร เป็นแค่เพื่อนร่วมทางครับ...

ขอบคุณครับ...

ระหว่างการเดินทาง

รู้กับไม่รู้ 

ทันกับไม่ทัน

 

หรือการจำได้ว่าต้องแบบนั้นแบบนี้ทุกขณะจิต  ที่ถี่  ที่ต่อเนื่อง  มันยากเหมือนครับ

 

การตั้งคำถาม  บางครั้งก็เสมือนจิตสอนจิต  เพื่อให้ได้ตระหนักมากขึ้นในการเดินทางครับ....

 

กาย กับ ใจ เป็นครูบาอาจารย์ของเราครับ

สอนให้เราเห็นความกระเพื่อม เคลื่อนไหว มีขึ้น มีลง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์

ธรรมะก็มีสอนกันหลายที่ หนังสือตำราก็มีมากมาย แต่แก่นของธรรมะ อยู่ที่ใจครับ 84000 พระธรรมขันธ์จบลงที่ใจครับ

เหมือนคุณสามารถครับ ครูบาอาจารย์ที่ผมศึกษาธรรมอยู่ คือ หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรีครับ

แวะมาเยี่ยมคุณหมอครับ

จำได้ไหมครับ

อิอิ

หนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ที่คุณ kmsabai เคยอ่านนั้นดีมากๆครับ ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านสักเดือน สองเดือนที่ผ่านมา

หลวงพ่อปราโมทย์ท่านก็นับถือหลวงปู่ดูลย์เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ครับ แล้วหลวงพ่อท่านยังสอนพวกเราอยู่อาทิตย์ละหลายๆวัยครับ ตามแนวทางดูกาย ดูจิต ในแนวทางสติปัฏฐานตรับ หนังสือ และ CD ก็มีแจกเป็นธรรมทานมากมายครับ รวมทั้ง download ใน www.wimutti.net หรือ www.fungdham.com ครับ

ขอให้เจริญก้าวหน้าในทางธรรมครับ...

หนทางอีกยาวไกล เพียงคิดจะไป ก็ใกล้ถึงแล้วค่ะ

อนุโมทนาในอธิษฐานจิตด้วยค่ะ

สวัสดีครับ  อาจารย์ P  Phornphon

ขอบคุณครับ

ยินดีที่ได้พบเพื่อนร่วมทางครับ

ผมยังไม่ได้เป็นศิษย์ท่าน  แต่ก็ได้อาศัยคำสอนแนวทางของท่าน มาได้ 1 ปีแล้วครับ

นับว่าเป็นบุญที่ได้เรียนรู้ธรรมของท่านหลวงพ่อครับ...

สวัสดีครับ คุณครู

P ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee

ขอบคุณมากๆครับ

งานนี้ไม่มีรูป...เลย

ครูแอนขอตามพี่หมอละกันคะ..มิอาจชี้แนะ ...อนุโมทนากับจิตอุตสาหะเพื่อพ้นซึ่งกิเลสคะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์ เอาใจช่วยอยู่นะคะ

พอลล่าก็เดินไม่ไปไหนเลยค่ะ พยายามค่ะ

สวัสดีครับ คุณครู

P ครูโย่ง หัวหน้า~ natadee

ขอบคุณมากๆครับ

งานนี้ไม่มีรูป...เลย

สวัสดีครับอาจารย์..P  ♥.paula ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

ค่อยเดินครับ

ของเพียงตั้งใจ...ครูอาจารย์ท่านว่า...

ถ้าเราตั้งใจก็เหมือนกับตั้งจะสติครับ

 

แต่ก็ให้พยามแยกจากความอยากที่มากเกินไป...

เป็นกำลังใจครับ

ผู้ที่เห็นทุกข์  คือผู้ที่เห็นประตูแห่งธรรมและความพ้นทุกข์ครับ

สงสัยความตั้งใจ เป็นความอยากอย่างนึงค่ะ

ความอยากทำให้เกิดความไม่ว่าง

ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า

สวัสดีครับ

ผมก็กำลังหัด "เดินเตาะแตะ" อยู่เหมือนกันนะครับ

หวังว่าคงได้มีโอกาสเป็น "กัลยาณมิตร" แลกเปลี่ยนกัน ประคับประคองกันนะครับ

เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล

ถ้าเดินไปคนเดียวมันคงจะเหงาน่าดู

.....

ที่คุณหมอบอกว่า

"เพราะจิตนั้นไม่เหมือนกัน....."

ผมขออนุญาติแสดงความเห็นต่างนิดนึงนะครับ

ผมคิดว่า

จิตทุกคนน่าจะเหมือนกันนะครับ

แต่ความชอบ (จริต) อาจแตกต่างกันได้

สวัสดีครับ...P

ขอบคุณมากๆครับ...
ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้น
และระมัดระวังในภาษาครับ
(อาจจะเป็นเพราะความยังไม่รู้จริงๆ  และรู้ไม่สุด..ครับ..)

สวัสดีอีกรอบครับคุณหมอ

ตอนแรกที่อ่าน ผมเข้าใจนะครับว่า คุณหมอกำลังสื่อถึงตัว "จริต"  ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือส่วนนึงของจิตนั่นเอง 

....

สำหรับเรื่อง "จิต" นั้น ผมคิดว่า เราทุกคนเรียนตำราเดียวกันทุกคนครับ มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่มองไม่เห็น  พระพุทธองค์ท่านเป็นคนแรกที่นำเรื่องนี้มาตีแผ่อย่างลึกซึ้ง ชัดเจน และเรียบง่ายที่สุด 

......

แต่ด้วยความที่ "จริต" ต่างกันนั้น เราจึงต้องการวิธีการ "เดิน" ที่แตกต่างกัน และยังรวมไปถึงต้องการ "ครูบาอาจารย์"  ที่แตกต่างกันด้วย

สำหรับ "จริต" ผมตอนนี้ ผมชอบแนวดูจิตในชีวิตประจำวัน ของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโชครับ

ยังไม่ถึงไหนหรอกนะครับ  วันๆ นึง หลงไปซะมาก  ที่รู้สึกกาย รู้สึกใจจริงๆ น่ะวันนึงนับครั้งได้ (ไม่ถึง 10 ครั้ง)

เห็นพระอาจารย์เล่าว่า สิ่งนี้เป็น KPI ของการปฏิบัติธรรมอย่างนึงเลย  ท่านว่า นักปฏิบัติที่เก่งๆ นั้น จะรู้สึกตัวทุกๆ 2-3 วินาที  ส่วนผมนั้น 2-3 ชั่วโมงจึงจะรู้สึกสักครั้ง ห่างกันลิบลับ

แต่ก็ไม่กังวลหรอกครับ  ในใจเชื่อมั่นว่า อยู่บนทางที่ถูกต้องแล้ว อยู่ที่ว่าจะตั้งใจ "เดิน" แค่ไหนเท่านั้นเอง

....

อยากให้ลองอ่านบันทึกนี้ดูนะครับ

มีความเห็นอย่างไรก็ยินดีแลกเปลี่ยนครับ

http://gotoknow.org/blog/dialog/250653

 

ขออนุญาติเพิ่มเติมนะครับ

ถ้าเราได้น้อมนำคำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาปฏิบัติ ก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของท่านแล้วนะครับ

ผมก็เป็นมือใหม่มากๆครับ เพิ่งเริ่มภาวนามา 2 เดือนเห็นจะได้ แต่ก่อนภาวนาไม่เป็นครับ พอเรียนกับหลวงพ่อแล้วก็เริ่มภาวนาเป็น ถ้าอยู่ไกล ฟัง CD ก็เหมือนมาเรียนเองครับ

หลวงพ่อท่านเมตตาแนะนำ ให้การบ้านผมว่า "พอจะเริ่มมาถูกทางแล้ว แต่อย่าขี้เกียจ"

หลวงพ่อยังเมตตาญาติโยมอีกว่า "อย่าขี้เกียจ แต่ไม่ขอให้ขยัน ดูไปเล่นๆ" คำว่าดูเล่นๆ คิดว่าหลวงพ่อหมายถึง อย่าจงใจปฏิบัติ เดี๋ยวจะไปเพ่งเอา

ก็พยายามดูจิตในชีวิตประจำวันครับ ดูได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ฝึกไปเรื่อยๆครับ

ขอให้ก้าวหน้าในทางธรรมครับ ธรรมรักษาครับ...

แวะมาเยี่ยมคุณหมอยามเช้าครับ พร้อมกระทู้ที่อาจจะเป็นประโยชน์แก่นักเดินทางไม่มากก็น้อยครับhttp://www.managerroom.com/forums/forum_posts.asp?TID=6841&PN=1

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท