เครื่องปั้นดินเผากับมนุษย์เกี่ยวข้องกันอย่างไร ชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ฯ ชุมพร


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร ขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษ เรื่อง "เครื่องปั้นดินเผา" ณ ห้องจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม

           หลังจากที่เราได้นำเสนอความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาไปในครั้งที่แล้ว  เพื่อนๆ คงได้เห็น  ประเภท  และลักษณะการใช้งานของเครื่องปั้นดินเผากันพอสมควรแล้วนะคะ  วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเครื่องปั้นดินเผากันต่อในเชิงลึกอีกหน่อยค่ะ 
           ในประเทศไทยของเราได้พบหลักฐานทางโบราณคดีประเภทเครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่เดียวค่ะ  นานไม่ใช่เล่นเลยใช่ไหมค่ะ  แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยไหมค่ะว่าเครื่องปั้นดินเผาที่พบแต่ละสมัยมีรูปทรงอย่างไร   มีลักษณะการใช้งานอย่างไร  และความนิยมในแต่ละสมัยแตกต่างกันอย่างไร ถ้าพร้อมแล้ว..เรามาดูพร้อมๆกันเลยค่ะ
                                         

            เครื่องปั้นดินเผา

                                                    

 เครื่องปั้นดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์                                                                             

          เครื่องปั้นดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยได้ปรากฏร่องรอยของมนุษย์ย้อนหลังไปประมาณห้าแสนปีมาแล้ว ครั้งนั้นมนุษย์ยังอยู่ในสังคมล่าสัตว์ อาศัยตามถ้ำหรือเพิงผา หากินโดยการล่าสัตว์และเก็บพืชผักผลไม้ หลักฐาน ของมนุษย์สมัยนั้นมีเพียงเครื่องมือหินรุ่นแรกๆ ต่อมาประมาณสี่หมื่นปี ก่อนปัจจุบัน มนุษย์จึงพัฒนาเข้าสู่ลักษณะชีวิตที่ซับซ้อนขึ้น แต่หลักฐานการเริ่มใช้เครื่องปั้นดินเผายังไม่ชัดเจนนัก
         ประมาณหกพันปีต่อมา มนุษย์ก้าวเข้าสู่สังคมกษตรกรรม  ภาชนะดินเผาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตและพิธีกรรม  ดังได้พบภาชนะดินเผาต่างๆในหลุมศพสมัยก่อนประวัติศาสตร์  ลักษณะของเครื่องปั้นดินเผาเรมมีความประณีต  เนื้อภาชนะบางขึ้น  และบางครั้งมีการขัดผิวให้มันและมีลายเขียนสี
          ภาชนะดินเผาที่ปรากฏในสมัยก่อนประวัติศาสตร์  พบในทุกภาคของประเทศไทย  ในภาคกลาง  เช่น ที่แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ที่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง  จังหวัดอุดรธานี  เป็นต้น

เครื่องปั้นดินเผาสมัยประวัติศาสตร์

สมัยทวารวดี

           เมื่อสังคมมนุษย์พัฒนาการเข้าสู่ยุคที่เป็นบ้านเมือง มีแคว้นหรือรัฐเกิดขึ้น เครื่องปั้นดินเผาก็มีพัฒนาการมากขึ้นทั้งในด้านเทคโนโลยีและด้านการผลิต มีการทำสิ่งของเนื่องในงานสถาปัตยกรรม เช่น อิฐ และกระเบื้องมุงหลังคา เป็นต้น มีการเผาด้วยเตาที่ควบคุมอุณหภูมิ รวมทั้งมีการรับอิทธิพลรูปแบบและลวดลายการตกแต่งผิวเครื่องปั้นดินเผาจากประเทศอินเดีย การเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากภายนอกนั้นเริ่มมีพัฒนาการเด่นชัดในอาณาจักรทวารวดี ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ลงมา ดังได้พบภาชนะมีพวย เช่น กาน้ำ (กุณฑี) คนโท ตะเกียง หม้อน้ำ ซึ่งมีรูปแบบและลวดลายแตกต่างไปจากของที่เคยทำมาทั้งสิ้น

สมัยศรีวิชัย

           ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๕ บ้านเมืองต่างๆ มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากขึ้น เช่น การค้าขายทางทะเล ทำให้รัฐต่างๆ ที่อยู่ใกล้ทะเลรับความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาแบบเนื้อแกร่งและแบบเคลือบจากประเทศจีน เครื่องปั้นดินเผาจึงกลายเป็นสิ่งของมีค่าที่แสดงฐานะความมั่งคั่งของบุคคลในสังคม ทำให้เกิดความนิยมเครื่องปั้นดินเผาแบบเนื้อแกร่งและแบบเคลือบจากบ้านเมืองใกล้ทะเล เข้าสู่ดินแดนภายใน โดยเหตุนี้จึงปรากฏเศษภาชนะเคลือบของจีนสมัยราชวงศ์ซ้องในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย

สมัยลพบุรี

          ประมาณพุทธศควรรษที่  17 - 18  เครื่องปั้นดินเผาจากประเทศกัมพูชาได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในอาณาจักรลพบุรี  จึงพบหลักฐานที่เป็นเตาเผาแบบเนื้อแกร่งและแบบเคลือบเป็นจำนวนมากในแถบเชิงเขาพนมดงรักในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์  โดยเฉพาะที่อำเภอบ้านกรวด  จังหวัดบุรีรัมย์
          นอกจากผลิตสิ่งของที่เป็นภาชนะแล้ว  แหล่งผลิตที่บ้านกรวดยังทำสิ่งของที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอีกด้วย  เช่น  กระเบื้องมุงหลังคา  ปั้นลม  และบราลี  เป็นต้น  อาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นของอุตสาหรรมเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องเคลือบ  เป็นแห่งแรกในดินแดนประเทศไทย

สมัยสุโขทัย

          นับแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นไป คนไทยได้รวมตัวกันก่อตั้งบ้านเมืองเป็นอาณาจักรขึ้นเป็นครั้งแรกในชื่อ อาณาจักรสุโขทัย ซึ่งมีความรุ่งเรืองมากทั้งในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีสืบเนื่องมาจากการค้าขายกับต่างประเทศ และมีชาวจีนที่เป็นพวกพ่อค้าและช่างเข้ามาตั้งหลักแหล่ง มีการกระจายความเจริญเข้าสู่บ้านเมืองภายใน จึงเกิดแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาทั้งแบบเนื้อแกร่งและแบบเคลือบขึ้นทุกภูมิภาค หลักฐานเด่นชัดได้แก่     แหล่งผลิตที่เมืองสุโขทัย   และเมืองศรีสัชนาลัย
          - เครื่องถ้วยสังคโลก
          พุทธศตวรรษที่  20  อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาของสุโขทัยและศรีสัชนาลัย (เครื่องถ้วยสังคโลก)  แห่งเมืองสวรรคโลกรุ่งเรืองมาก  การส่งออกไปขายทางทะเลตามหมู่เกาะต่างๆ ในประเทศอินโดนีเซีย  และฟิลิปปินส์
          -เครื่องถ้วยล้านนา
          ในแคว้นล้านนาก็มีการส่งผลิตภัณฑ์ให้กับชาวป่าชาวเขาทางตะวันตก  และบ้านเมืองหลายๆ แห่งในลุ่มนำสาละวินในเขตมอญ - พม่า  ดังปรากฏแหล่งโบราณคดีที่มีเครื่องปั้นดินเผาจากเตาสันกำแพง  เตาเวียงกาหลง  และเตาเมืองพาน เป็นจำนวนมากในที่ต่างๆ บนเทือกเขาที่กั้นเขตแดนระหว่างไทยและพม่า  รู้จักกันในนามเครื่องถ้วยล้านนา
          หลังพุทธศตวรรษที่  21  อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่สุโขทัย  สวรรคโลก  และล้านนาได้สิ้นสุดลงเนื่องจากการศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่า  ในขณะเดียวกันสินค้าเคลือบลายครามของจีนก็เข้ามาเป็นที่นิยมแพร่หลายในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์

สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์

          แม้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะปกติ และเกิดความรุ่งเรืองดังเดิม ในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ลงมาไม่มีการฟื้นฟูอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบขึ้นอีก เพราะนิยมซื้อหรือสั่งทำเครื่องปั้นดินเผาเคลือบจากเมืองจีน ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป คือ เครื่องถ้วยเบญจรงค์และลายน้ำทอง ซึ่งเป็นเครื่องถ้วยที่ช่างไทยเป็นผู้กำหนดลวดลาย และสี จึงมีเอกลักษณ์ความงามที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
อุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา คงมีแต่แหล่งเครื่องปั้นดินเผาแบบเนื้อแกร่ง และแบบเนื้อธรรมดาที่มีความจำเป็นต่อการใช้สอยในชีวิตประจำวันของบุคคลทั่วไปเท่านั้น และมีการพัฒนาการสืบเนื่องจนเกิดเป็นแหล่งชุมชนหรือย่านอุตสาหกรรมที่ผลิตภาชนะ และสิ่งของเครื่องใช้ไปยังท้องถิ่นต่างๆ ที่เป็นรากฐานของอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผาสมัยหลังๆ จนถึงปัจจุบัน

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ  สำหรับข้อมูลเรื่องเครื่องปั้นดินเผาในประเทศไทยที่เรานำมาผากเพื่อนๆ  และถ้าเพื่อนๆ ท่านไหนต้องการรู้จักเครื่องปั้นดินเผาให้มากขึ้น  สามารถมาชมนิทรรศการพิเศษ  เรื่อง  เครื่องปั้นดินเผา  ได้ที่ห้องนิทรรศการชั่วคราว  พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  ชุมพร  ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2549 เวลา  09.00 - 16.00น.  ชมฟรี โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมค่ะ   แล้วพบกันนะคะ

หมายเลขบันทึก: 24946เขียนเมื่อ 23 เมษายน 2006 14:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เป็นข้อมูลที่ดี

 

เป็นข้อมูลที่ดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท