23. ควายจากภูเขา.....คืนสู่ผืนนา


พอได้ยินเสียงก็จะแยกออกทันทีว่า เป็นเสียงเกราะที่คล้องคอควายตัวใด

       ผมแบกปืนแก๊ปด้วยบ่าซ้ายมือซ้ายจับพานท้าย ส่วนมือขวาหิ้วเนื้อเก้งที่ใช้เถาวัลย์ร้อยเป็นพวงจากส่วนแบ่งการโห่ ถึงบ้านพักมองเห็นเหรียญอยู่ใต้ถุนบ้าน กำลังดึงอะไรบางอย่างที่สอดไว้บนคานพื้นบ้าน

       "ทำอะไรน่ะ" ผมถาม

       "เอากะลอควาย  นี่ไง" เหรียญบอก พร้อมทั้งดึงเกราะออกมา "พรุ่งนี้จะไปต้อนควายจากเขากลับมาบ้าน ไปด้วยกันไหม" เหรียญพูดต่อ ผมไม่ได้ตอบเพราะเมื่อเหรียญพูดจบ ผมก็ขึ้นบันไดไปบนบ้านแล้ว

        เหรียญตามขึ้นมาสองมือหิ้วเกราะข้างละอัน ผมไม่ได้สนใจเพราะเหนื่อยมาก หลังจากที่เอาเนื้อเก้งไปแขวนไว้ในครัว ก็เก็บปืนแก๊ป แล้วคว้าผ้าเช็ดตัว ลงไปอาบน้ำที่ตุ่มหลังบ้าน พอขึ้นมาบนบ้านอีกที ก็เห็นเหรียญนั่งสูบบุหรี่พ่นควันออกช้าๆ ส่วนเกราะทั้งสองอันถูกเช็ดและแขวนไว้ที่เสาข้างบันได

        "ว่าไง พรุ่งนี้วันอาทิตย์ไปด้วยกันไหม" เหรียญขอคำตอบ ผมปฎิเสธเพราะวันนี้เหนื่อยมากขอพักผ่อนเพื่อสู้กับเด็กในวันจันทร์

         ผมถามเหรียญว่า ทำไมควายถึงไปอยู่บนเขา ตอนนี้ควายจะยอมลงมาเหรอ และที่สำคัญควายคล้ายกันมาก จะรู้ได้อย่างไรว่า ควายตัวไหนเป็นของใคร

        เหรียญเล่าให้ฟังว่า หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ย่างเข้าฤดูหนาว บ้านคำบากหนาวมาก ที่สำคัญต้นหญ้าจะแห้งตาย ชาวบ้านจะปล่อยควายให้ไปหากินหญ้าที่บริเวณเชิงเขาหรือบนเขาที่เป็นแหล่งน้ำซับ อากาศยังคงชุ่มชื้น มีหญ้าอยู่บ้าง พอฤดูฝน พื้นดินได้น้ำหญ้าก็เกิดขึ้น ชาวบ้านก็จะขึ้นไปต้อนควายกลับลงมา ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าควายตัวไหนเป็นของใครนั้น ไม่มีปัญหา เพราะชาวบ้านอยู่ใกล้ชิดกับควาย มองแว็บเดียวก็รู้ว่าเป็นควายของตน และจะรู้ว่า ควายที่เห็นใครเป็นเจ้าของ

        เช้าวันใหม่เป็นวันอาทิตย์ ผมตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างดีตามปกตินิสัย แต่ก็ไม่ทันเหรียญกับพ่อเหรียญที่ไปต้อนควายกลับคอก ชินน้องเหรียญบอกผมว่าสองคนนั้นออกเดินจากบ้านตอนไก่ขันค่อนแจ้ง

        บ่ายคล้อยขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่ระเบียงบ้าน ก็ได้ยินเสียงชินที่เล่นอยู่กับเด็กหน้าบ้านร้องขึ้นด้วยความดีใจว่า

        "ควายเฮามาแล้ว" ผมมองไปตามถนน ไม่เห็นควายกำลังจะตะโกนถาม ก็ได้ยินเสียงเกราะดัง "โกร่ง กร่างๆ" เป็นจังหวะ แล้วทันใดก็เห็นควายตัวใหญ่เขาโง้ง สองตัว และควายตัวไม่ใหญ่นักเขาเพิ่งขึ้นหนึ่งตัวเดินตามกันมา ถัดไปเห็นพ่อเหรียญและเหรียญเดินอยู่ท้ายอย่างสบายๆ ไม่มีลักษณะต้อนควายแต่อย่างใด

       "ชิน รู้ได้อย่างไรว่าควายมาแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นตัว" ผมตะโกนถามด้วยความสงสัย

       "เสียงกะลอครู ฟังเสียงกะลอก็รู้ว่าเป็นควายเรา" ชินบอก

        เออ..จริงสินะ ผมคิด คนอื่นอาจได้ยินเสียงเกราะดัง เพียงรู้ว่าเป็นเสียงเกราะควาย แต่สำหรับเด็กที่เกิดและโตมากับควาย พอได้ยินเสียงจะแยกออกทันทีว่า เป็นเสียงเกราะที่คล้องคอควายตัวใด 

         พอควายใกล้จะถึงบ้าน ชินรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเข้าไปในห้อง พักเดียวก็ออกมาในมือมีเชือกขดใหญ่ ชินส่งเชือกให้พ่อเหรียญ แกเลือกได้เชือกเส้นหนึ่งไม่ยาวนัก เดินถือเชือกเข้าไปหาควายตัวใหญ่ ผมมองแกไม่วางตา แกเข้าด้านข้างซ้ายของควายลูบหลังและสีข้าง แล้วลูบคอ ควายยืนนิ่ง แกเอาปลายเชือกสอดเข้าไปในรูจมูกควายตัวนั้น ผ่านสองแก้มซ้ายขวา พันรอบลำคอหลวมๆ แล้วผูกที่ท้ายทอยด้านหลังหูอย่างรวดเร็ว ถึงตอนนี้ผมก็นึกออกว่า พ่อเหรียญสนตะพายควายนั่นเอง

         พ่อเหรียญสนตะพายควายตัวใหญ่อีกหนึ่งตัว แล้วให้ชินใช้เชือกที่เหลือผูกกับเชือกสนตะพายแล้วจูงไปผูกต้นเสาใต้ถุนบ้าน ทั้งสองตัวเดินตามชินอย่างว่าง่าย ส่วนควายหนุ่มไม่ได้สนตะพาย แต่ก็เดินตามด้วยดี

         "อีกตัวไม่สนตะพายเหรอครับ" ผมถาม

         "มันยังไม่ได้เจาะจมูกนี่ สนไม่ได้หรอก" เหรียญเป็นคนตอบ ส่วนพ่อเหรียญได้แต่หัวเราะในความไม่รู้ของผม

         "พรุ่งนี้ก่อน คงต้องเจาะจมูก สนเคามัน เพราะมันโตแล้ว เดี๋ยวจะเอาไม่อยู่" พ่อเหรียญบอกหลังหยุดหัวเราะ คำว่า "สนเคา" ก็หมายถึง สนตะพาย นั่นเอง

         ควายดื้อจะต้องโดนสนตะพาย เหมือนคนที่ต้องมีกฎหมายไว้คอยบังคับ "ควายกับคน" ก็ไม่แตกต่างกัน

อ่านต่อ ตอน 24. วิ่งตามช้าง....ในด่านช้าง

หมายเลขบันทึก: 248613เขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2009 17:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2018 20:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (35)

สวัสดีค่ะ

มาเรียนรู้วิถีชีวิต การ ควายจากภูเขา.....คืนสู่ผืนนา

กฎเกณฑ์ทุกอย่างมีข้อยกเว้นนะเจ้าคะ

สวัสดีครับ "MSU-KM"

ขอบคุณที่แวะมาครับ เดี๋ยวผมก็จะไปเยี่ยมเรียนรู้จิตวิทยาเช่นกันครับ

ถูกต้อง เพราะออกกฎเกณฑ์ได้ ก็ยกเว้นได้ ฮิฮิ

หรือ เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน หุหุ

ขอบคุณที่แวะมา

อ่านแล้วทำให้นึกถึงวัวควายที่บ้านค่ะ พ่อจะสนเคาเหมือนกันค่ะ เคยยืนดูเวลาพ่อสนค่ะ เค้าจะใช้เหล็กแทงทะลุตรงรูจมูก เลือดออกเลยค่ะ วัวควายน่าสงสารแต่ต้องทำค่ะเพราะถ้ามันโตแล้วไม่สนเคามัน จะไม่สามารถทำให้มันอยู่กะที่ได้ จะเข้าไปกินสวนคนอื่นค่ะ 

แต่ว่าหมู่บ้านนี้เค้าเลี้ยงควายสบายจัง  ต้อนไปอยู่บนภูเขา  ไม่ต้องเฝ้าควาย    อยากเลี้ยงบ้างจังสมัยนี้มีไหมคะอาจารย์

เออ...น่าจะไม่มีแล้ว จะเหลือควายรึเปล่ายังสงสัยอยู่ เพราะควายเหล็กอาละวาดหนัก

การสนเคา เขาจะใช้ไม้ไผ่ตรงโคนเหลาให้แหลมแล้วเผาไฟให้เหนียว (ฆ่าเชื้อด้วย) แทงให้จมูกทะลุุหากัน แล้วปล่อยให้แผลมันหายดี จึงใช้เชือกสนเคาครับ ที่คุณดุจดาวว่าใช้เหล็กแทง เสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก

การสนเคามีประโยชน์มากจริงๆ อย่าลืมแวะไปบล็อก เขียนไปเรื่อยเฉื่อยนะครับ

อาจารย์คะ ลองไปบล็อกของดิฉันบ้างมีอะไรจะให้อ่านค่ะ ไม่ซึ้งกินใจเท่าบะหมี่หนึ่งซามก็อย่าว่ากันนะคะ

ไปมาแล้วครับ ดีๆ ทั้งนั้น (เขียนดีขึ้นเยอะ)

สู้ต่อไปครับ

แวะเข้ามาดูบล็อกค่ะแล้วจะติดตามต่อไปนะคะ

ขอบคุณที่แวะมาครับ ตอนนี้เมืองเลยคงหายหนาวแล้วนะครับ

และขอบคุณที่จะติดตามต่อไปครับ

  • แวะมาส่งกำลังใจค่ะ
  • นำเมนูอาหารรสเลิศมาฝากค่ะ

 

              (¯`°.•°•.★* ตลาดนัดอาหาร *★ .•°•.°´¯)

สวัสดีค่ะ ครูเปลว

แวะมาเยี่ยมค่ะ

สบายดีไหมค่ะ

 

สวัสดีค่ะ ได้ยินอ.ขจิตพูดถึงแต่หาตัวไม่เจอ วันนี้โชคดี ได้อ่านเรื่องของควาย (ผู้น่าสงสาร)

เคยขี่ควายเมื่อครั้งไปเที่ยวสุพรรณบุรี โอ้โฮ..ตื่นเต้นไม่หาย  เขาน่ารักมาก

สวัสดี ปลายฟ้า

น่ากินจังเลย กำลังหิวมาพอดี ขอกินก่อนละ อย่างนี้ต้องมีข้าวเหนียวด้วย

ขอบคุณครับ

สวัสดี berger

สบายดีจ้า แต่ตอนนี้ยังเหนื่อยจากการเดินทางกลับจากเมืองกรุงนะครับ

เดี๋ยวจะไปเยี่ยม berger นะ

  • "ควายดื้อจะต้องโดนสนตะพาย เหมือนคนที่ต้องมีกฎหมายไว้คอยบังคับ "ควายกับคน" ก็ไม่แตกต่างกัน"
  • วิถึชาวบ้านสะท้อนธรรมชาติความเป็นจริงได้ดีเสมอนะคะ
  • ขอบพระคุณค่ะ

สวัสดีครับ krutoi

โอ้โฮ.....เก่งจังเลยครับ ผมเองตอนหนุ่มๆ ยังกล้าๆ กลัวๆ เลย

ที่ว่า เขาน่ารักมาก เขาที่ว่า หมายถึง เขาควาย หรือว่า คนที่นั่งข้างๆ ครับ ฮ่า ฮ่า

สวัสดีครับ Sila Phu-Chaya

เห็นด้วยครับ ธรรมชาติสอนเราทุกเรื่อง เราจึงควรรักธรรมชาติ และอยู่กับธรรมชาติครับ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ

  • สวัสดีครับ
  • ระลึกถึง คิดถึง และเป็นห่วงเสมอ

เช่นกันครับ สบายดีนะครับ เบดูอิน

ตอบแล้วสอนว่า......

มนุษย์นี้ที่รักอยู่สองสถาน

บิดามารดารักมักเป็นผล

ที่่พึ่งหนึ่งพึ่งได้แต่กายตน

เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจา

ขอบคุณค่ะ

 

แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ

ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา

รู้สิ่งใดไม่สู้รู้วิชา

รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี

มีผู้คิดลึกซึ้ง อภิปรายว่า....."รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" เป็นการเห็นแก่ตัว ก็มองต่างมุมอย่างว่าแหละนะ

ปิดเทอมแล้ว คงหายใจโล่งบ้างนะครับ

ขอบคุณที่มาเยือน

แวะมาอ่านค่ะอาจารย์ ช่วงนี้ร้อนมากๆค่ะ ทำงานก็เยอะค่ะ สงสัยอาจารย์ก็งานเยอะเหมือนกันใช่ไหมคะ

หน้าร้อนไม่ค่อยอยากเขียนอะไร

ช่วงนี้สงสัยอารมณ์ศิลป์มีน้อยค่ะ อิอิอิ

เขาคือสิ่งที่สอนพี่ครูต้อยว่าควายมิได้มีไว้ไถนาเพียงอย่างเดียวค่ะ

เขาคือสิ่งที่ทำให้บรรพบุรุษไทยไม่ต้องเหนื่อยยากแสนเข็ญ และดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์จนมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง

เขาคือสารหล่อเลี้ยงให้มนุษย์เติบโตได้และ(บางคน)กลับมาทำร้ายเขา

และเขาคือ...ไม่รู้จบสำหรับพี่ครูต้อยค่ะ

และนี่คือเขาที่พี่เอ่ยถึง และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้สัมผัสเขา

ขอบคุณค่ะ

กำลังคิดว่า คุณดุจดาวทำไมไม่เขียน (แวะเวียนไปหลายครั้งก็ยังเหมือนเดิม)

เป็นเพราะร้อนมากๆ นี่เอง

ส่วนงานเสาร์-อาทิตย์นี้ ไม่ได้พักเลยครับ ต้องอบรมเด็กกลุ่มเสี่ยง ๒ รุ่น ๆ ละ ๑๐๐ คน

อารมณ์ศิลป์ก็มีส่วนมากๆ มัวแต่ยุ่งงาน เลยไม่มีเวลาคิดสรรหาคำมาเขียน (และนี่..ก็คือ คำแก้ตัว ฮิฮิ..)

ร้อนๆ หนาวๆ ดูแลสุขภาพให้ดีด้วยครับ

ขอบคุณครับ พี่ครูต้อย ลึกซึ้งมากครับ ผมต้องอ่านสองเที่ยว (พร้อมทั้งดูรูปภาพประกอบด้วย)

เขาคือสารหล่อเลี้ยงให้มนุษย์เติบโตได้และ(บางคน)กลับมาทำร้ายเขา

ผมเคยเห็นควายถูกต้อนผ่านถนน จนต้องจอดรถ เขาผอมมาก ลูกสาวผม(เขาทำงานเกี่ยวกับปศุสัตว์) บอกว่า เป็นควายจากพม่า น่าสงสารมาก ผมอยากเลี้ยงเขาสัก ๓-๔ ตัว หวังว่าคงจะมีโอกาส

ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

หากเขานำไปเลี้ยงก็จะอนุโมทนา สาธุด้วยนะครับ

มาชม

เห็นภาพ ข้างบนแล้วคิดถึง ท้องทุ่งนามีควายอยู่อาศัยครับ

ที่บ้านเมื่อก่อนสมัยเด็กๆควายจะมีทุกบ้าน

สมัยนี้ก็มีทุกบ้านค่ะแต่เป็นควายเหล็ก

ไม่ต้องพาไปทุ่งนา จอดไว้ใต้ถุ่นบ้าน ไม่เหนื่อยกายแต่ต้องเลี้ยงด้วยน้ำมันค่ะทำให้กระเป๋าเบาค่ะอาจารย์

 

ควายเหล็กทำให้พ่อค้ารถไถร่ำรวยไปตามๆ กัน แต่..ชาวนายังคงจน และจนลงกว่าเดิม

".....ไปเถอะไป พวกเราไปเถอะไป เราจูงควายแบกไถ ไปทำนา....." เพลงนี้หมดมนต์ขลังแล้ว เหลือเพียงตำนาน

คิดถึงคะ แกล้งไม่ราวีแค่นั้น ก็เงียบหายไปด้วย ไม่รักกันจริงนี่หว่า น้อยใจแล้วนะ  เข้าไปแวะ เขียนสั้นๆก็ได้ มันยากมากนักหรือ ลืมแล้วหรือว่ามีคนรอ

หรือว่าเรื่องของคนแก่ไม่น่าอ่านเหมือนคนสาว เนี่ยทำให้คิดอยากจะทำบล็อคสวยๆ มีศิลป  ลีลาเยอะๆ  เพื่อจะให้คนมาอ่านเยอะๆก็หมดกำลังใจแล้ว

ทำไปแล้วก็ไม่มีคนมาชม ส่วนตนเองก็ไปเที่ยวชมอ่านของคนนั้นคนนี้เม้นท์ของเขาเป็นตุเป็นตะ  ไม่มาดูแลบล็อคนตนเอง  ก็ช่างทำเองชมเองก็ได้นี่หว่า  ไม่ยักกะตาย

บางคนวิ่งผ่านบล็อคเราเฉยเรา เฉยก็เฉยวะ

เอเสียงใครรำพึงรำพัน  ทำไม เสียงดังจัง ถ้าเสียงดังเขาว่าบ่นนะ ไม่รู้ไม่ชี้ แง  แง  แง  ว่าเขาทำไม

 

<h1><span style="color: #ff0000;">ควายกับคน มันต่างกันอยู่แล้ว เรื่องอะไร จะยอมมาให้สนตะพายได้</span></h1>

<h1><span style="color: #ff0000;">ตามมาสรุปเรื่องราว สนตะพายมิน่า&nbsp; เขาถึงว่าควายโง่ เพราะมีคนมาสนตะพายมันได้ </span></h1>

<h1><span style="color: #ff0000;">น่าสงสารชีวิตควายนะคะ</span></h1>

โอ๋..... ก็ไปแวะนี่ครับ

เพียง...ไม่ได้ไปสองวันเอง ก็มีวันก่อนเครืองมีปัญหา วานนี้ไม่ว่างครับ

น่า....ไม่ได้เข้าไป ก็คิดถึงอยู่ครับ  (เหมือนเพลงไง...)

ได้ข่าวว่า.. ไปหัดย่อภาพ สำเร็จไหมครับ รึว่าต้องไปดูเอง

จริงสิ.. แหม...ผมนี่เซ่อจัง

ไปดู... ไปเขียนแล้วครับบบบบบบบบบบบ  ฮ่า ฮ่า

คนกับคน ทำนาประสาคน

คนกับควาย ทำนาประสาควาย

คนกับควายความหมายมันลึกล้ำ ลึกล้ำทำนามาเนิ่นนาน

แข็งขันการงานมาเนิ่นนาน สำราญเรื่อยมาพอสุขใจ

ไปเถอะไป พวกเราไปเถอะไป เราแบกควายจูงไถไปทำนา

โอ๊ะ..... เราจูงควายแบกไถไปทำนา ฮิฮิ 

ตอนนี้ ควายไม่ต้องไถนาแล้วครับ... เด็กรุ่นใหม่แทบไม่เห็นตัวจริงแล้ว เห็นเพียงในรูปเท่านั้น....

 

ไปเถอะไป พวกเราไปเถอะไป เราแบกควายจูงไถไปทำนา

โอ๊ะ..... เราจูงควายแบกไถไปทำนา ฮิฮิ 

ตอนนี้ ควายไม่ต้องไถนาแล้วครับ... เด็กรุ่นใหม่แทบไม่เห็นตัวจริงแล้ว เห็นเพียงในรูปเท่านั้น....

ตอบกวน แล้วก็ตลกดี อยากรู้เป็นคนเช่นไรนะ

เป็นคนตอบกวน และตลกดีไงครับ ฮ่า ฮ่า

ล้อเล่น ผมเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง นิยมเสียงเพลง รักธรรมชาติ ชอบทานผลไม้ง่ายๆ เช่น กล้วย น้อยหน่า ลำใย ส้ม

จบดีกว่า เดี๋ยวคุณสุ หมั่นไส้ ฮ่า ฮ่า 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท