กลุ่มการดำเนินงานในอนาคต
วิทยากรกระบวนการ : อ.ดวงเนตร ธรรมกุล
ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มที่ 3 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
มุมมองในเรื่องสุขภาวะของบุคคลากรในองค์กร เกิดจาก
1. แรงขับเคลื่อนจากภายใน คือ การมีสุขภาวะที่ดีภายในตัวของ โดยบุคลากรต้องมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย ครอบครัว สังคมและจิตใจ รวมถึงมีความคิดในเชิงบวก (Positive Thinking)
2. แรงขับเคลื่อนจากภายนอก คือ การมีสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ที่เอื้ออำนวย โดยผู้บริหารองค์กรให้การสนับสนุน
การสร้างสุขภาวะให้เกิดขึ้นภายในองค์กรนั้น สมาชิกในกลุ่มมีมุมมองและความเห็นดังนี้
1. ต้องมีความเข้าใจและคำนึงถึงปัจจัยและกระบวนการที่นำมาใช้ ภายใต้บริบทต่าง ๆ ประกอบด้วย เช่นการสร้างสุขภาวะที่ดี ควรหมายรวมถึงการทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในองค์กร (Stake Holder) มีความสุข มีความเพิ่งพอใจต่อองค์กรด้วย
2. ต้องมีกระบวนการในการสื่อสารและการถ่ายทอดข่าวสารที่มีประสิทธิภาพในองค์กร เช่น การสื่อสารที่ไม่มีช่องว่าง จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำความเข้าใจและสื่อสารกับบุคลากรในองค์กร
3. ผู้บริหารและพนักงานต้องทำความเข้าใจในความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ทั้งในเรื่องความต้องการด้านปัจจัย 4 และความต้องการทางด้ายกายภาพและจิตใจตามทฤษฎีความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ (Maslow’s Hierarchy of Needs) อันเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่ค่านิยมร่วม (Shared value) ระหว่างบุคลากรในองค์กร
4. การกำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดดัชนีความสุขของพนักงาน เช่น รอยยิ้มของพนักงานในแต่ละวัน จะสะท้อนและวัดระดับสุข ของคนในขององค์กรได้
5. การจะสร้างสุขภาวะยั่งยืนถาวรให้บุคคลากรในองค์กร ได้นั้น ต้องประกอบขึ้นจาก การได้ทำงานที่เหมาะสมกับตนเอง ได้ทำงานตามความถนัด ความสนใจ เป็นธรรมชาติของตนเองอย่างแท้จริง และต้องมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติเป็นพื้นฐานหลัก ทั้งนี้ องค์กรจะมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนาสิ่งที่ดีอยู่แล้ว และแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหาให้บุคคลากร เพื่อให้บุคคลากรทำงานด้วยหัวใจ ได้อย่างมีคุณภาพ (Put the right Man into the right Heart)
6. องค์กรต้องมีความชัดเจนในด้านจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจด้วย
7. การบริหารและจัดการความต้องการของบุคคลากร จะต้องทำให้บุคคลากรเชื่อและศรัทธาในองค์กร รวมถึงเห็นความสำคัญของตนเอง และเป็นที่ยอมรับของบุคคลากรอื่นในองค์กร
ปัจจัย หรือ นโยบาย ที่ส่งผลต่อสุขภาวะขององค์กรในอนาคต
1. ระบบการสร้างและการบริหารความเชื่อความศรัทธาของบุคคลากรในองค์กร คือ การมองเห็นเป้าหมายร่วมกัน การมีความรู้ความเข้าใจและศรัทธาในวิชาชีพของตนเอง
2. การมีความคิดและทัศนคติในเชิงบวก แนวคิดเรื่องความพอเพียง การเปิดใจ และการพัฒนาจิตใจ
3. ภาวะผู้นำของผู้บริหาร (Leadership) ในองค์กร และมุมมองในเรื่องความสุขของผู้บริหาร มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางในการสร้างสุขภาวะขององค์กร
4. แนวความคิด และการให้ความสำคัญของบุคคลากร เช่น มีหลักการในการดูแลพนักงานบนพื้นฐานที่ว่า ทรัพยากรมนุษย์เป็นส่วนประกอบสำคัญขององค์กร เปรียบเหมือนร่างกายที่ขาดน้ำไม่ได้
5. การแสวงหาจุดร่วมของความสุข (ต่อมสุขใจ) ของคนในองค์กรเพื่อปรับ (Alignment) แนวคิดเรื่องความสุขระหว่างลูกจ้างและนายจ้างเป็นสิ่งสำคัญ โดยหลักการสร้างความสุขนั้น ถ้าสามารถทำให้บุคคลากรทำงานได้อย่างมีคุณภาพ (มี Skill) และทำงานนั้นด้วยหัวใจ (Heart) องค์กรก็จะประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ คุณกฤษณ์ รุยาพร ได้ นำเสนอกระบวนการถอดรหัสความสุข ไว้ คือ
รอยยิ้ม S-M-I-L-E
S - Self Awareness คือ การรู้จักและชื่นชมตัวเอง
M – Manage Emotion คือ การบริหารอารมณ์
I – Innovate Inspiration คือ การสร้างสรรค์วิถีแห่งความสุข
L – Listen with Head & Heart คือ การฟังด้วยสมองและหัวใจ
E - Enhance social happiness คือ การต่อยอดความสุขสู่สังคม
ดังนั้น ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจของความสุขเสมอไป แต่การรู้จักชื่นชมและบริหารต่อมสุขใจที่อยู่ภายใน เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างสรรค์วิถีแห่งความสุข
ปัญหาและอุปสรรค์ ที่ส่งผลต่อสุขภาวะขององค์กรในอนาคต
1. เงื่อนไขด้านเวลาในการดำเนินการ และเงินทุนขององค์กร
2. ตัวชี้วัดความสุขที่เป็นรูปธรรม และกระบวนการพัฒนาสูตร และเครื่องมือการสร้างความสุขในองค์กร
3. ความเชื่อและความศรัทธา ความกล้าในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของผู้นำ รวมถึงการวางกรอบกลยุทธ์ทางธุรกิจของผู้นำองค์กรที่มีผลต่อสุขภาวะของบุคคลากร
4. การกำหนดนโยบาย และวิธีการในการการจัดการกับความกลัว รวมถึงการจัดการกับ ความรู้, เหตุผล, แรงจูงใจ, แรงบีบคั้น, ปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบ ที่ทำให้เกิด การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (Paradigm shift) ในอนาคต
โดยสรุปการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งสามกลุ่มสามารถเชื่อมประสานทั้งบทเรียนจากอดีต มุมมองในปัจจุบัน และวางแผนการดำเนินงานในอนาคต ถือเป็นการจุดประกายของกระบวนการจัดการความรู้ การเกิดเครือข่ายบูรณาการ อันจะนำไปสู่การจัดการการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนบทบาทของ HR มาเป็นคู่หูมากกว่าเป็นแค่หน่วยงาน functional ตลอดจนการสร้าง community of practice แลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน สะท้อนความคิดซึ่งกันและกันอย่างที่ได้ร่วมกันในเวทีครั้งนี้ แล้วนำไปขยายผลให้เกิดขึ้นภายในองค์กร ภายนอกองค์กร ระหว่างองค์กรกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ต่อไป
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไม่มีความเห็น