วันนี้ได้โอกาสขึ้นประชุมมหาวิทยาลัยชั้น 15 บันทึกภาพรอบ ๆ ด้านของเมืองเชียงใหม่ที่มองเห็นจากที่สูง
ยามบ่ายโมงนิด ๆ ... ดอยสุเทพ-ปุยหายไปไหน ... มีแต่หมอกควันขาว ๆ เทา ๆ ปกคลุมไปหมด
ปีนี้เป็นปีที่ 3 เท่าที่จำได้ว่า เกิดปัญหามลพิษทางอากาศครั้งใหญ่ ณ แอ่งกระทะเชียงใหม่-ลำพูนแห่งนี้ ผู้คนที่อาศัยอยู่เริ่มเป็นโรคระบบทางเดินหายใจกันมากขึ้น เดือน ๆ หนึ่งรวมกันถึง 2,000 คน
ด้วยสัญฐานของเมืองเชียงใหม่ตั้งอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่เป็นแนวยาวรี "เชียงใหม่-ลำพูน" เหมือนแอ่งกระทะที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงทุกทิศทาง
เมื่อมีการจุดไฟ เผาไม้ เผาหญ้า ควันจะลอยขึ้นอยู่เบื้องต้น แต่ไปไหนไม่ได้ เพราะหาทิศทาง หรือ ช่องทางออกไม่ได้ ติดเขารอบ ๆ ทำไงดี ก็ต้องลอยอยู่ข้างบน สะสมไปเรื่อย ๆ จนเป็นอย่างที่เห็นดังภาพ
นวัตกรรมที่เร่งด่วนที่สามารถช่วยชีวิตเมืองเชียงใหม่ไว้ได้ คือ ฝนจากในหลวง หากพบความชื้นบ้าง กลั่นตัวออกเป็นน้ำ แล้วนำตะกอนโมเลกุลเล็กเป็นไมคอน หล่นมาที่พื้นพร้อม ๆ กัน ทำให้ท้องฟ้าใสขึ้น
ว่าก็ว่าเถอะครับ ... อยู่เชียงใหม่มาหลายสิบปี มาปีหลัง ๆ นี่แหละที่อากาศแย่เหลือเกิน
ผมเฝ้ามองพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนแถวนี้ และคนแถวอื่นที่มาช่วยเร่งปฎิกิริยาปัญหานี้ให้ก่อตัวเร็วและจู่โจมหนักขึ้น
เราจะเห็นว่า ปัจจัยการเร่งปฏิกิริยาปัญหา "หมอกควัน" ไม่ใช่ใคร ก็คนพื้นที่เองนี่แหละ อย่าเพิ่งไปโทษคนอื่น เราต้องหันมาดูตนเองก่อนว่า เราได้ทำอะไรเป็นพิษต่ออากาศบ้านตัวเองไว้บ้าง ไม่ใช่คิดว่า ก็ทำมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย จะทำอีกไม่เห็นเป็นไร
จริง ๆ มีการรณรงค์กันมากมายนะครับ เช่น ป้ายจาก อบต. อบจ. ขนาดใหญ่ที่เขียนว่า "เผาป่า เผาชีวิต" หรือ ผมเห็น นายก อบจ. ออกทีวีรณรงค์ให้คนในเมืองงดการเผา เป็นต้น
ผมคิดว่า คนแถวนี้เขาดูเฉื่อยแฉะไม่สนใจปัญหานี้เท่าไหร่ เพราะว่ามันยังไม่มีคนตายโดยฉับพลัน ไงครับ ... เมื่อไม่มีคนตายให้เห็นต่อหน้า แล้วไยเราจะต้องกระตือรือร้นล่ะครับ ใช่ไหม ... แต่ถ้าหากใครเป็นอะไรตายมาตอนนี้ เค้าก็จะบอกว่า เป็นโรคส่วนตัว ตายเอง ไม่เห็นเกี่ยวกับหมอกควันตรงไหน (ทั้ง ๆ ที่เป็นการสะสมจากฝีมือเขานั่นแหละ)
เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริง ... รณรงค์แค่ไหน แต่คนพื้นที่ไม่ใส่ใจ ... เพราะไม่ตายทันที ... ก็เผาต่อไป
เผา เผา เผา พวกเรามาเผากันเถอะ ... เพื่อสักวัน เชียงใหม่จะเป็นเมืองร้างอีกครั้ง (เชียงใหม่เคยร้างมา 200 ปี เมื่อเจอกวาดต้อนผู้คนไปอยุธยาบ้าง พม่าบ้าง)
ไม่ทราบ "การสร้างจิตสำนึกของผู้คน" จะสำเร็จก่อน "ความตายของคนในเมืองนี้" หรือไม่นะครับ
ต้องรอดูกันต่อไป :)
สงสารปอดค่ะต้องทำงานหนัก
เป็นห่วงค่ะ
ออกกำลังกายสู้กับมลพิษนะคะ
สวัสดีครับคุณWasawat Deemarn
เคยได้ยินเค้าพูดๆกัน ไม่นึกว่าจะเข้าขั้น ขนาดนี้ครับ น่าเป็นห่วงที่สุด
เดย์ไปเชียงใหม่เมื่อตุลาปีที่แล้วยังไม่ขนาดนี้นะครับ ยังเห็นดอยสุเทพฯชัดแจ๋ว ผมก็นึกว่าเป็นหมอก ที่งดงามและทำให้ชื่นช่ำ แสนจะเย็นสบายเมื่อยามเช้า
ที่แท้ก็เป็นควันไฟ ที่ถึงแม้จะบางเบา หากเข้าในตาเรา ก็คงจะทำให้เสียน้ำตา...(เอาเพลงเค้ามาทั้งท่อนซะงั้นเดย์เอ๊ย 555)
ขอบคุณนะครับสำหรับความรู้สึกรักบ้านเกิด และข้อเท็จจริงที่ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นั่นนิ่งดูดายอย่างที่อาจารย์บอก...เฮ้อ
รู้สึกไม่ดีเลยครับ
สวัสดีครับ คุณ krutoi :)
"คนขี่รถเครื่อง" จะอันตรายมากกว่า "คนขับรถยนต์" ครับ
เนื่องจากต้องขี่รถฝ่าอากาศเหล่านี้ทุก ๆ เช้า ทุก ๆ เย็น เต็ม ๆ ปอด
ต้องหาหน้ากาก หรือ ไอ้โม่ง แตะน้ำตรงจมูก เพื่อกรองฝุ่นเล็ก ๆ ครับ
ไม่อยากให้ เชียงใหม่ กลายเมืองร้างแห่งใหม่ของโลก
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ คุณ adayday :)
หาใช่ "หมอก" ที่เย็นฉ่ำใจครับ ... แต่คือ "ควัน" ที่เป็นพิษที่พร้อมเดินทางเข้าสู่ร่างกายของผู้มาเยือนได้เสมอ
สักสองสามปื้ดดด ครับ ... ฉ่ำปอดแล้ว
เดี๋ยวนี้เวลาขี่รถออกข้างนอก ก็ต้องหายใจไว้ครึ่งเดียว ไม่อยากตายเร็ว เพราะฝีมือคนอื่นที่ไม่ใส่ใจ
แต่ก็นะครับ ... ปัจจุบันไม่ว่าจะฤดูกาลไหน หน่วยราชการไทยก็ต้องมา "ประชุม" หรือ "สัมมนา" ที่เชียงใหม่นี่แหละ เชื่อไหมครับ
ซื้อของฝาก พร้อมแถมมลพิษฟรี !
ขอบคุณครับ :)
จริงด้วยครับ
ผมได้ยินบ่อยที่ว่าเชียงใหม่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆในการจัดนู้น จัดนี่อยู่เรื่อยๆ เลยอยากถามเจ้าบ้านเช่นกันครับว่ารู้สึกอย่างไรน๋อ...
หายป่วยเร็วๆนะครับเจียงเอ๋ยเจียงใหม่ของเรา...:)
น่าเป็นห่วง ผมเองถือว่าเป็นลูกครึ่งนะครับ ครึ่งเชียงใหม่ และเเม่ฮ่องสอน ทั้งสองเมืองก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน แต่ก็สุดแสนหวง...ห่วง
เดินทางมาหมดทั่วประเทศ ก็ยังรักเมืองเหนือเราเช่นเดิมและมากขึ้น
ส่วนปัญหาไฟป่า...แก้ทุกปี ไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้เมื่อไหร่..
เชียงใหม่น่าจะได้รับการ "เยียวยา" มาตั้งนานแล้วล่ะครับ คุณ adayday ... สิบปีที่ผ่านมานี้ ... เชียงใหม่กำลังเดินตามกรุงเทพฯ เมืองหลวงใหญ่ ... เชียงใหม่กำลังดีใจที่ได้เงินจากนักท่องเที่ยวเข้ากระเป๋านายทุนจากที่อื่น ... เชียงใหม่ไม่เคยหัวเราะมานานแล้วครับ
ประเทศไทย .. ทรัพยากรธรรมชาติมีไว้ถลุงและกอบโกยเท่านั้น ครับ
หากไม่มีมลพิษ ...
สถานที่ท่องเที่ยว วัดวาอาราม ธรรมชาติต่าง ๆ อยู่ใกล้แค่เอื้อมครับ
มันเป็นเสน่ห์ที่ไม่ต้องโปรโมท คนก็พร้อมจะมาสัมผัสครับ
แต่เดี๋ยวนี้ ... แม่ฮ่องสอน ทำหน้าที่แทนเรียบร้อยแล้วครับ
ห้วยน้ำดัง - ปาย - ปางอุ๋ง - ทุ่งบัวตอง
อุ้ย ขออภัยครับ ... กำลังจากสายครูไปเป็นสายสังคมศาสตร์ซะแล้ว :)
ขอบคุณครับ คุณ adayday :)
สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :)
"มนุษย์ คือ ผู้สร้าง และ มนุษย์ คือ ผู้แก้" ครับ
ชะตากรรมตกอยู่ในมือของผู้มีจิตสำนึกเท่านั้น
องค์กรท้องถิ่นไม่ได้ทำหน้าที่อย่างจริงจังครับ ...
การให้ความรู้เป็นเรื่องสำคัญ การตักเตือนหรือปรามด้วยกฎหมายก็สำคัญอีก
แต่ไม่มีใครสนใจอย่างแท้จริงครับ
ขอบคุณครับ :)
ใช่ท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ หรือเปล่าครับนั่น อิ อิ แฝงตัวมาเลยหรือครับ 555
เป็นโรคติดต่อนี่เองนะครับ ... ลามทั่วภาคเหนือพอดีเลย
จะไปโทษลานินญาอะไรนั่นก็ไม่ได้น่ะครับ
ทางการรณรงค์ แต่ประชาชนเอามือปิดหู ก็ไม่มีประโยชน์นะครับ
ผมถึงว่าไงครับ หากไม่มีคนตายต่อหน้าต่อตา คงไม่มีอยากเปลี่ยนแปลงชีวิตและความเชื่อหรอกนะครับ :)
แม่ฮ่องสอนสู้ ๆ ครับ
อิ อิ ผมจำสไตล์การให้สีสันของตัวอักษรของท่านอาจารย์ ศน.เอื้องแซะ ได้ครับ :) ... ไม่เหมือนใคร แล้วก็ไม่มีใครเหมือน
นี่ไม่ได้ไปเป็นปีแล้วค่ะ พ่อซื้อคอนโดไว้ที่นั่นตอนช่วงที่มีกิจการงานที่นั่นบ่อย (ชมดอยคอนโดเทลที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมอะไรสักอย่างนี่ล่ะค่ะ ใกล้ๆ มช.ด้วย) ตอนนี้ลูกๆ ก็ไม่ค่อยมีใครไป นานๆ ก็ไปกันบ้าง ยิ่งเห็นควันแบบนี้ยิ่งไม่ค่อยอยาก อยู่กทม.ก็ดมพอแล้วค่ะ
"ชมดอยคอนโดเทล" หรือครับ ... ชื่อคุ้น ๆ :)
เชียงใหม่คงต้องมาฤดูฝน กับ ฤดูหนาว ครับ คุณซูซาน Little Jazz :)
ฤดูร้อนที่เป็น "หมอกควัน" อย่างนี้ ไม่ควรมาครับ
เพราะไม่ได้มีความสุขมากนักครับ
คนที่มาเที่ยวเชียงใหม่ คงไม่มีใครอยากอยู่ในที่ร่มทั้งวันแน่นอน ต้องออกไปเที่ยวธรรมชาติข้างนอกบ้าง
ขอบคุณที่แวะมาพูดคุยด้วยครับ :)
มีข่าวในทีวี เรื่องหมอกควันทางภาคเหนือโดยเฉพาะที่เชียงใหม่แทบทุกวันค่ะ น่าเป็นห่วงเด็กๆนะคะ
ตอนนี้มีเด็ก ๆ ป่วยเป็นโรคคันตามร่างกาย และโรคทางระบบทางเดินหายใจกันมากขึ้นแล้วครับ คุณครู ทรายชล :)
เฮ้อ ... การเผา คือ ชีวิตของคนที่นี่ ครับ ... เรากำลังฆ่าตัวเราเองอยู่
สมน้ำน่า หวีวๆๆ เป็นโรคปอด
คุณ เด็ก เมืองชล ... เขียนคำว่า "สมน้ำหน้า" ผิดนะครับ
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมเยือน ;)