วันนี้เพื่อนบอกว่าช่วยเขียนเรื่องการจัดการความรู้อย่างตัวเองคิดสักหน่อยว่าเป็นอย่างไร เอาไอ้แบบที่พออ่านแล้วรู้สึกบ้างว่าคนเขียน (อย่างเธอ) มีกึ๋นกะเขาด้วย ??
ไอ้เราก็แบบคิด (เอาเอง) ว่าตัวเองมีกึ๋นอยู่บ้าง อิอิ เข้าข้างตัวเองสักหน่อย เพราะเหตุว่าอ่านโน่นนี่มา แล้วมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไร แต่ด้วยเหตุที่เป็นคนเข้าใจยาก คือไม่ค่อยเข้าใจ (อาจหมายถึงโง่) เวลาคนอื่นพูด ซึ่งมีบางคนสรุปให้ว่า “เธอไม่ตั้งใจฟัง บางครั้งเธอถามคำถามเดียวกันซ้ำถึงหลายครั้งๆ ทั้งๆที่คนตอบเขาตอบไปแล้วมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอไม่ตั้งใจฟัง”
แล้วทีนี้จะให้คนแบบนี้มาเขียนเรื่องจัดการความรู้ในแบบที่คิด อืม หวังว่าจะให้คิดได้แบบไหนหรือ
“องค์กรแห่งการเรียนรู้”
“กลุ่มเรียนรู้”
จำได้ตอนอบรมข้าราชการบรรจุใหม่เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว เรากับพวกอีกสี่ห้าคน ตั้งกลุ่มเสวนาหลังอบรม ทุกวัน จนเป็น “กลุ่มข้างสระ” หลังเลิกอบรมจะติดป้ายบอกว่าวันนี้กลุ่มจะคุยเรื่องอะไร เชิญเพื่อนผู้สนใจเข้าร่วมเสวนา“นี่คือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือเปล่า”
การเรียนรู้ใคร “ต้อง” กำหนดไหมว่าเราจะต้องเรียนรู้เรื่องอะไร
วิธี 1. กำหนดเป้าหมาย หัวข้อ ประเด็น แล้วหาคนสนใจเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
วิธี 2. ดูเป้าหมาย/ภารกิจองค์กร กำหนดเป้าหมาย หัวข้อ ประเด็น แล้วหาคนมาคุยกัน
วิธี 3. เก็บเกี่ยวเบี้ยไบ้รายทาง ไปเรื่อยๆ
นี่คือแล้วแต่ว่าจะมองแง่ไหน
มีคนบอกว่าอย่าเอากรอบมาใส่ เพราะมันจะไม่ใช่การจัดการความรู้
คนขี้สงสัยอย่างเราก็จะถามต่อว่า “ถ้าไม่มีลู่ให้วิ่ง นักวิ่งก็วิ่งกันสะเปะสะปะ เมื่อไหร่จะเข้าเส้นชัย” ...บางทีเจอราวตากผ้าก็อาจคิดว่าเส้นชัยก็ได้ ใช่ไหม ...เพราะได้วิ่งออกนอกเส้นทางไปเสียแล้ว
เรา..คนนอกคอก... ไม่ได้อยากเอากรอบมาใส่ให้ใคร เพียงแต่อยากกำหนดลู่วิ่งให้ชัดเจนเพื่อการเข้าเส้นชัยที่ถูกต้อง
คำถามที่ต้องการคำตอบ คือ
1.ถ้าไม่ปักธง จะรู้ไหมว่าจุดหมายคือตรงไหน เช่น กีฬากอล์ฟ ถ้าไม่ปักธง จะรู้ว่าหลุมอยู่ที่ไหนไหม
2. ถ้าไม่มีเวทีและกติกา นักมวยจะชกกันแบบไหน ...เหมือนชกกันข้างวัด...แบบสมัยเด็ก (เด็กเรียนโรงเรียนวัดต้องแอบชกกันข้างวัด)
3.ถ้าไม่มีเส้นชัยที่กำหนดไว้ นักวิ่งมืออาชีพ (มาราธร) จะรู้ไหมว่าเส้นชัยอยู่ไหน
วันนี้จึงยังไม่มีข้อคิดเห็นถึงแนวทางที่จะจัดการความรู้ในองค์กรเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ แต่ยังมีความหวังว่าสักวัน ...อิอิ กำลังสั่งสมอมความรู้
เข้าใจยกตัวอย่าง
ขอบคุณมาก
ขอบคุณคับพี่ยาว
คุณKM อย่างพี่ยาวมืออาชีพแล้วอย่าลืมน้องนะ
ผ่านทางอย่าลืมแวะเยี่ยมล่ะ แหะ เรายังคิดถึงปลาต้มในกระบอกไม้ไผ่อยู่เสมอๆ
ว่างๆแวะไปปะกันที่พัทลุงนะ ตอนนี้กะเปิดชุมนุมคนรักการท่องเที่ยวธรรมชาติๆๆๆๆ
ลองซ้อมเที่ยวไปหลายรอบแล้ว
เที่ยวหน้ากะเอาจริงแล้ว
ว่าแต่จัดการความรู้กันไปถึงไหนแล้วล่ะ
ขอเข้ามาเรียนรู้ด้วยค่ะ
อยากเห็นนักส่งเสริมทั้งแผ่นดินเป็นนักจัดการความรู้ค่ะ
กึ่มแบบไม่มีกึ๋น ถ้ากึ่ม หมายถึง (KM อ่านว่า กึ่ม) ละก็เราก็น่าพอจะมีกึ่นกับเขาอยู่บ้าง (ชอบกินไก่) การจัดการ KM ขององค์กรหากเริ่มตามกระบวนการ ต้องนับหนึ่งจากวิสัยทัศน์ด้านการจัดการความรู้ แล้วเดินทางต่อไปยังเป้าประสงค์ ที่เป็นเป้าหมายขององค์กร กึ่มจึงเป็นพาหนะในการเดินทาง เป้าหมายที่ว่า คือ เป้าหมายของงานเป็นเป้าหมายหลัก เป้าหมายการพัฒนาคนรองลงมา จากนั้นเป้าหมายพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และสุดท้ายมุ่งสู่ความเป็นหมู่คณะ ความเอื้ออาทรต่อกันในที่ทำงาน
ตาม พรฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ม.11 ได้กำหนดเป็นหลักการว่าส่วนราชการต้องมีหน้าที่ในการพัฒนาความรู้เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างสมำเสมอ พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมในหมู่ราชการให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน หาก การจัดการความรู้คือการค้นหาความรู้ด้วยการ เก็บเกี่ยวเบี้ยไบ้รายทาง ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ จะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
ตามหลักการของ ม.11 คิดว่า ต้องการแก้ปัญหาความรู้ที่มีอยู่ในตัวคนสูญหายไปจากสาเหตุต่าง ๆ จำเป็นต้องหาทางเก็บกักความรู้นั้นไว้โดยการแลกเปลี่ยเรียนรู้และการเก็บความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ และพัฒนาความรู้ให้ทันกับยุคสมัยและสิ่งแวดล้อม ให้บรรลุเป้าหมายหลักของงาน
เคยพูดว่าความรู้หมดอายุได้ แต่มีคนแย้งว่าความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ไม่มีวันหมดอายุ เรายืนยันว่าความรู้นั้นหมดอายุได้ ขึ้นกับนิยามที่ว่าความรู้นั้นไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น เมื่อเริ่มเรียนวิทย์ ฟูราดานป้องกันและกำจัดหนอนกอในนาข้าว ความรู้นี้ยังเป็นจริงในปัจจุบัน แต่หมดอายุการใช้งานเพราะประกาศห้ามใช้ฟูราดาน
การจัดการความรู้คือการค้นหาความรู้ด้วยการ เก็บเกี่ยวเบี้ยไบ้รายทาง ไปเรื่อยๆ แล้วนำมาบันทึกสะสมไว้ โดยไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่มีการ plan action chect Do แล้วความรู้นั้นจะเหมาะสมจริงหรือ
การจัดการความรู้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรและชุมขน จึงควรตั้งเป้าหมายเพื่อพิทักษ์ความรู้เก่าที่มีอยู่ สร้างความรู้ใหม่ให้ทันกับสถานการณ์ ที่สำคัญต้องสามารถตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของชุมชนได้ด้วย
วิธีการที่คิด(เอง) ว่าใช่ คือต้องตั้งเป้าหมายการจัดการความรู้ตาม เป้าหมาย/ภารกิจองค์กร แล้วหารูปแบบการจัดการ เพื่อบรรลุตาม เป้าที่วางไว้ และผ่าน ADLI
หวัดดีค่ะอ้อย
พยายามออกกำลังกาย
กินข้าวก็คิดถึง อิอ
สบายดีนะ
ดร. ทิพวัลย์ สีจันทร์
ขอบคุณค่ะ
หวังไว้ว่าจะเป็นเช่นนั้น
การจัดการความรู้ อาจไม่ต้องมีกรอบ มีลู่วิ่ง แต่ควรมีเป้าหมายที่เป็นอิสระร่วมกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ดีดีที่นอกกรอบทีอาจไม่เคยค้นพบมาก่อนค่ะ
jrbest
เมื่อจะทำงาน เรามักถามหาความชัดเจน เพื่อให้เดินได้แบบไม่ล้มลุกคลุกคลาน แต่เมื่อถึงเวลาทำงานจริงๆ มันก็บาดเจ็บ เพราะหนามเกี่ยวเอาบ้าง เดินสะดุดตอบ้าง ก็แล้วแต่ว่าจะเจออะไร ซึ่งต้องอาศัยความอดทน และยืดหยัดในเป้าหมาย
ถามว่า ก่อนทำงานต้องสร้างความชัดเจนให้กับทีมงานหรือไม่ ??
ถามว่า ทีมงานควรจะเข้าใจและชัดเจนในสิ่งที่จะทำหรือไม่ ??
ไม่รู้นะ บางทีก็คิดว่าเรื่องบางเรื่องมันเป็นเกมที่ใครบางคนกำลังเล่น เพื่อ "แน่" ในขณะที่คนบางคนกำลังทำงาน เพราะงานคือความสุขที่ได้ทำ
หลายๆ ที่ หลายๆคน ที่แม้จะมีความชัดเจน ก็อาจไม่เกิดประโยชน์อันใด อิอิ ... เพื่อนไปถึงไหนแล้ว รอด้วยดิ อิอิ...
คุณน้อยหน่า ขอบคุณค่ะ เป็นเช่นนั้นแหละค่ะ "แต่ควรมีเป้าหมายที่เป็นอิสระร่วมกัน"
ใช่เลย