เรียนสามก๊กฉบับนักบริหาร วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๒(ตอนที่ ๖-๗)


เล่าเรื่องที่เมืองเพชร

 

รียนสามก๊กฉบับนักบริหาร วันที่ ๒  มีนาคม  ๒๕๕๒(ตอนที่ ๖-๗)

วันจันทร์ที่ ๒  มีนาคม  ๒๕๕๒  ออกจากบ้านเมืองนนท์เวลา ๐๕.๓๐ น. เข้าถนนราชพฤกษ์ ไปออกถนนบรมราชชนนี ผ่านสะพานพระราม ๘ เข้าถนนพระราม ๖ เพราะมีธุระที่โรงพยาบาลรามาธิบดี  เลี้ยวซ้ายผ่านสวนจิตรดารโหฐานตรงไปออกยมราช ขึ้นทางด่วนที่ด่านนี้   ถึงวิทยาลัยเวลา ๐๘.๑๐ น. จึงไม่ไปทานอาหารเช้า รอคณะเข้าแถวเคารพธงชาติ   วันนี้ทั้งวันเรียนเรื่อง บทเรียนการปกครองและการบริหารมองผ่านวรรณกรรม  วิทยากรคือ ศาสตราจารย์ ดร. เจริญ  วรรธนะสิน ตัวละครที่หยิบยกมาอธิบายบุคลิกภาพเชิงบริหารจะนำมาจากนิยายจีนเรื่องสามก๊ก  สามก๊ก เป็นผลงานการประพันธ์อันยิ่งใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ชั้นเอก ที่เขียนถึงในช่วงราชวงศ์หมึง นิยายเรื่องนี้ประกอบไปด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงประมาณ 70 % และ คาดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเองอีก ประมาณ 20 % อย่างเช่น หนังสือบางฉบับกล่าวว่า อาวุธของกวนอู นั้นหนักราว ๆ 40 กิโลกรัม เรื่องราว เกี่ยวกับความสามารถของ ลิโป้ ม้าของ เล่าปี่ ที่มีอยู่จริงบนเนินหงส์ร่วง และนอกนั้นก็อาจเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นทั้งหมดอาจกล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ในยุคสมัยนั้นเป็นยุคทองของเหล่าทหารและนักรบ และแม้ว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นมานานกว่า 1700 ปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อของตัวละครต่าง ๆ เช่น เล่าปี่ โจโฉ กวนอู เตียวหุย และขงเบ้ง ก็ยังกลายมาเป็นชื่อที่ชาวจีนนิยมใช้ เพื่อตั้งเป็นชื่อของคนใจครอบครัว สามก๊ก ไม่ได้เพียงแต่กล่าวถึงเรื่องของการทำสงคราม การต่อสู้แย่งชิง และความขัดแย้ง อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี การทรยศหักหลัง ความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบ การทดแทนบุญคุณ และความเชื่อมั่นไว้วางใจกัน และกันของบุคคลต่าง ๆ ในเรื่อง

 

  สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 6 ขุนนางคิดฆ่าตั๋งโต๊ะด้วยน้ำตา 

พ.ศ.733เมื่อสิ้นปรปักษ์ฝ่ายค้านกล้าแสดงออกของขุนนางอย่างโลติดกับอ้วนเสี้ยวสามารถคุมเสียงในสภาขุนนางได้แล้ว ตั๋งโต๊ะทำการเหิมเกริมพลิกแผ่นดินด้วยการถอดหองจูเปียนโอรสแห่งสวรรค์ลงจากราชบัลลังก์ แล้วประกาศแต่งตั้งหองจูเหียบเป็นฮ่องเต้ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ ในขณะที่มีพระชันษาเพียง 9 พรรษาส่วนฮ่องเต้องค์เดิมหองจูเปียนที่ถูกถอดกับพระมารดานางโฮเฮาถูกนำตัวไปคุมขังไว้ ต่อมา ด้วยความอัดอั้นในพระทัย หงจูเปียนได้เขียนโคลงปิดไว้ที่ผนังตำหนักใจความว่า หากผู้ใดซื่อสัตย์ต่อพระราชบิดาเรา ขอให้ช่วยถอนแค้นในอกเราได้ คุณนั้นจะหาอุปมามิได้เลยครั้นตั๋งโต๊ะทราบเนื้อความก็โกรธ สั่งให้ลิยูคุมบู๋ซู Dead Squad สิบคนให้ไปฆ่า 2 แม่ลูกเสีย ลิยูยื่นจอกสุราที่ใส่ยาพิษให้หองจูเปียนเสวย หลอกทูลด้วยเล่ห์ว่าบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข ตั๋งโต๊ะจึงให้ข้าพเจ้าเอาสุรามาถวาย นางโฮเฮาจึงว่าที่ตั๋งโต๊ะเอาสุรามาให้เสวยนั้นชอบแล้ว แต่ตัวท่านผู้เอามาจงกินให้เราเห็นก่อน จึงจะให้บุตรเรากินลิยูได้ยินก็โกรธ จึงเอาโซ่ตรวนกับกระบี่ให้แม่ลูกเลือกเอาว่าจะตายแบบไหน ในที่สุด ลิยูกับพวกก็ฆ่านางโฮเฮากับพระสนมตาย ก่อนตายนางโฮเฮาได้ลำเลิกด่าพี่ชายโฮจิ๋นว่าไร้ความคิด พาโจรเข้าเมืองหลวงเขตพระราชฐาน จนทำอันตรายแก่นางและบุตรครั้งนี้ เมื่อสิ้นนางโฮเฮาแล้ว ลิยูจึงเอาสุราที่ใส่ยาพิษนั้นกรอกปากหองจูเปียนจนตายนับตั้งแต่นั้นมา ตั๋งโต๊ะแต่งตั้งตัวเองเป็นสมุหนายกถืออาญาสิทธิ์เผด็จการเบ็ดเสร็จ มีอำนาจเหนือฝ่ายทหารและพลเรือน นับวันก็ยิ่งทำความหยาบช้าปล้นยึดทรัพย์สินของประชาราษฏร์ เข้ายึดเมืองยงเซีย เก็บกวาดเอาทรัพย์สิ่งของเข่นฆ่าผู้ชายเป็นจำนวนมาก แล้วตัดศีรษะคนตายบรรทุกเกวียนต้อนผู้หญิงเอาไว้แล้วประกาศแก่ขุนนางและประชาราษฏร์ว่า ยกทัพไปจับโจรได้จึงตัดศีรษะเสีย ขุนนางกับประชาชนทั่วไปนับวันยิ่งเกลียดชังตั๋งโต๊ะมากขึ้น มีขุนนางหลายคน หนึ่งในจำนวนนั้นชื่อเงาฮู พกมีดพยายามจะฆ่าตั๋งโต๊ะ ลิโป้วิ่งเข้าสะกัดช่วยไว้ทัน ตั๋งโต๊ะจึงสั่งให้ทหารจับเงาฮูนำไปแล่เนื้อจนสิ้นชีวิต ผู้คนก็ยิ่งเกลียดกลัวตั๋งโต๊ะมากขึ้นทุกวันตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับโฮจิ๋น ผู้นำที่กำหนดวันตายของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ตั๋งโต๊ะจึงเป็นผู้นำอีกคนหนึ่งที่กำหนดวันสิ้นสุดอำนาจของตัวเองไว้ล่วงหน้าโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน หลงผิดคิดว่า อำนาจที่ตนยึดมาได้นั้น จะยั่งยืนจีรังไปตลอดกาล จอมทรราชย์เหิมเกริมจนชะล่าใจ หารู้ไม่ว่านอกจากผู้คนที่คอยสาปแช่งทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ยังมีขุนนางกับทหารที่รักชาติบ้านเมือง คอยทีหาโอกาสกำจัดทรราชย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการรักชาติบ้านบ้านเมืองจริง หรือแอบอ้างชาติบ้านเมืองเพื่อรวบอำนาจให้แก่ตัวเองที่มีปรากฏมาทุกยุคทุกสมัยรวมทั้งอ้วนเสี้ยวผู้ปะทะวาจากับตั๋งโต๊ะสบัดก้นออกจากที่ประชุม แต่ก็ยังถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองปุดไฮด้วยกุศโลบายประชานิยมของตั๋งโต๊ะ เพื่อสร้างภาพลักษณ์เสริมบารมีอวดปวงประชาว่า ภายใต้อำนาจตัวเอง ยังมีอ้วนเสี้ยวผู้มีปูมหลังมาจากตระกูลขุนนางถึง 4 ชั่วคนรับราชการอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยวได้ยินกิตติศัพท์ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าฆ่าพระนางโฮเฮากับหองจูเปียน อีกทั้งยังทำการข่มเหงราษฏรเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จึงแต่งหนังสือลับไปถึงอ้องอุ้นขุนนางในเมืองหลวง หาคนร่วมกันคิดล้างตั๋งโต๊ะ ตนเองแม้อยู่ที่เมืองปุดไฮ ก็หาได้นิ่งนอนใจเร่งฝึกฝนทหารกับส้องสุมกำลังอาวุธ หากอ้องอุ้นเห็นพร้อมด้วยก็จงเร่งคิดการในเมืองหลวง ได้เวลาดีจะยกกองทัพมากำจัดศัตรูแผ่นดินให้สิ้นซากอ้องอุ้นขุนนางผู้ใหญ่ส่งเทียบเชิญขุนนางกับพวกที่เกลียดชังตั๋งโต๊ะมาชุมนุมที่บ้านต่างร่วมปรับทุกข์ถึงความอัดอั้นที่ต้องทนดูตั๋งโต๊ะใช้อำนาจกระทำการหยาบช้าต่อแผ่นดิน เล็งมิเห็นผู้ใดที่จะช่วยคิดทำนุบำ รุงสุขให้แก่แผ่นดินได้ แล้วขุนนางทุกคนต่างก็นั่งร้องไห้ มีโจโฉคนเดียวที่ลุกยืนขึ้นและตบมือหัวเราะด้วยเสียงอันดัง อ้องอุ้นกับขุนนางโกรธนักจึงว่า ทุกคนกำลังกลัดกลุ้มที่คิดการล้างตั๋งโต๊ะไม่ได้ ไฉนตัวถึงได้มาตบมือหัวเราะดังนี้โจโฉจึงตอบว่า ข้าพเจ้าขันเพราะเห็นทุกท่านคิดจะฆ่าตั๋งโต๊ะด้วยน้ำตา ต่อให้พวกท่านร้องไห้ถึงเช้า น้ำตาท่วมพื้น น้ำตาจะฆ่าตั๋งโต๊ะได้เรอะ? ข้าพเจ้ามิได้หัวเราะเยาะ แต่สังเวชใจที่ไม่มีใครคิดสังหารตั๋งโต๊ะ แม้ข้าพเจ้าจะเป็นผู้น้อยด้อยฝีมือ แต่ขออาสาตัดหัวตั๋งโต๊ะเอามาแขวนประจานไว้ทดแทนคุณชาติ พร้อมกับย้ำว่าคนที่จะฆ่าตั๋งโต๊ะได้นั้น จะต้องเป็นคนที่ตั๋งโต๊ะไว้ใจและอยู่ใกล้ชิดที่สุด ทุกวันนี้ที่ตนเพียรทำดีให้ตั๋งโต๊ะใช้สอย ใช่จะเห็นแก่ลาภสักการะสิ่งใดหามิได้ แต่คิดจะฆ่าตั๋งโต๊ะเสียให้จงได้

    สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 7 ผู้ยอมทรยศโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศ 

จากตำแหน่งเล็ก ๆ ที่รับใช้โฮจิ๋น ทำให้โจโฉเริ่มสะสมประสบการณ์ความผกผันทางการเมือง เรียนรู้จนเคยชินกับความปลิ้นปล้อนเจ้าเล่ห์ของผู้คนรอบข้าง โจโฉได้พัฒนาบุคลิกภาพของตัวเองให้กลายเป็นคนรอบคอบ รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมผู้คน ในหลายกรณีข้อดีดังกล่าวได้ทำให้โจโฉกลายเป็นผู้นำที่ขี้ระแวงไปโดยมิรู้ตัวโจโฉควบม้าหนีออกจากเมืองหลวงลกเอี๋ยงในฐานะคนลี้ภัย Fugitive อย่างเต็มตัว จนมาถึงเมืองจงพวน ชาวด่านเห็นรูปโจโฉจึงจำได้ จับตัวโจโฉส่งไปให้ตันก๋งเจ้าเมืองจงพวน ตันก๋งสอบโจโฉด้วยตนเอง โจโฉโกหกว่าชื่อฮ่องอูเป็นพ่อค้าขายดอกไม้ ตันก๋งจึงว่าวันนี้ค่ำแล้วให้นำโจโฉใส่คุกไว้ก่อน รุ่งขึ้นถึงจะส่งตัวไปเมืองหลวงเพื่อรับการปูนบำเหน็จตามประกาศโจโฉถูกกักตัวไว้ในห้องพิเศษที่มิใช่ที่คุมขังผู้ต้องหาทั่วไป ตกดึกตันก๋งเข้าพบโจโฉ พลางรำพึงในใจว่า ถ้าจับตัวโจโฉไปให้ตั๋งโต๊ะ ตนก็จะถูกผู้คนประณามทั้งแผ่นดิน ตันก๋งจึงโยนหินถามทางว่า ท่านเซียงก๊กก็ดีต่อท่าน ท่านทำการสิ่งใดที่ทำให้ท่านมหาอุปราชขัดเคืองถึงได้หนีมาทั้งนี้ โจโฉจึงว่า ท่านอุปมาดังนกน้อย ไฉนถึงจะมาล่วงรู้ความคิดพญาปักษา ข้าเป็นข้าราชสำนักฮั่น หากไม่คิดช่วยชาติย่อมไม่ต่างจากเดรัจฉาน ที่ข้ายอมลดตัวลงไปรับใช้ตั๋งโต๊ะก็เพื่อหาโอกาสสังหารมัน ก็เมื่อทำงานพลาดให้มันรู้ตัว ข้าถือว่า เป็นลิขิตสวรรค์ที่จะทำร้ายข้า แล้วโจโฉก็กล่าวประชดว่า ท่านจับตัวเราได้ก็ให้เร่งส่งไปเมืองหลวงรับเอาความชอบเถิดตันก๋ง - คิดถึงส่วยหมื่นครัวเรือนกับเข้าด้วยโจโฉตังก๋งได้ยินดังนั้นก็รู้ใจ จึงถามโจโฉถึงแผนการใหญ่ จากนี้ไปจะคิดอ่านทำการสิ่งใด โจโฉจึงว่าจะกลับบ้านเกิดที่ตองกุ๋น ประกาศชักชวนขุนศึกทั้งแผ่นดินรวมพลยกไปปราบตั๋วโต๊ะ กอบกู้ราชวงศ์ฮั่น ยามนี้บ้านเมืองแตกแยก ขุนศึกแย่งกันเป็นใหญ่ อ้วนเสี้ยวเป็นเพื่อน คุมทัพใหญ่จะไปร่วมสมทบกับเขาโจโฉอ่านเกมการเมืองได้ขาด ยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ ผลัดแผ่นดิน สับเปลี่ยนผู้นำ ขั้วอำนาจมีการโยกย้าย ผู้มีอิทธิพลในสังคมต่างยึดคติพจน์ที่ว่า เมื่อลมเปลี่ยนทิศ ก็ต้องหาทางเบนหัวเรือ โจโฉก็ตกอยู่ในสภาพตกกะไดพลอยโจน ก็ต้องโจนไปให้ไกลที่สุดตันก๋งได้ยินแผนงานใหญ่ของโจโฉก็เกิดความเลื่อมใสเต็มที่ ตรงเข้าถอดเครื่องจำโจโฉออก เชิญโจโฉขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วว่า เจตนาของท่านมีแต่คนยินดีต้องทำการสำเร็จแน่ ราษฎรทั้งปวงจะอยู่เย็นเป็นสุขด้วยสติปัญญาของท่าน คืนนั้นตันก๋งจึงตัดสินใจสละตำแหน่งนายอำเภอ นอกจากไม่คิดที่จะจับโจโฉไปรับสินบนบำเหน็จ ยังขอร่วมทางร่วมอุดมการณ์กอบกู้ชาติไปกับโจโฉด้วย อีกทั้งไม่สนใจต่อสินบลทองพันชั่งกับส่วยอีกหนึ่งหมื่นครอบครัว นาน ๆ จะได้เห็นขุนนางนักการเมืองที่มีจิตใจรักชาติ รักบ้านเมือง รักฮ่องเต้อย่างแท้จริง โดยไม่มีวาระแอบแฝง มิเห็นแก่ได้อย่างตันก๋ง ตันก๋งกลับไปจัดหาทรัพย์สินที่บ้าน มอบกระบี่เนื้อดีให้โจโฉกับตัวเองคนละเล่ม แล้วทั้งสองจึงมุ่งขี่ม้าออกจากเมืองจงพวนแต่คืนนั้นแปะเฉียต้อนรับโจโฉก่อนถูกฆ่าล้างครัวเดินทางมาได้สามวัน โจโฉจึงบอกแก่ตันก๋งว่าหมู่บ้านข้างหน้านี้มีบ้านเพื่อนเก่าร่วมสาบานของบิดาชื่อ แปะเฉีย เราน่าจะไปอาศัยพักแรม รวมทั้งฟังข่าวคราวเหตุการณ์ทั้งปวงด้วย แปะเฉียดีใจเห็นโจโฉลูกเพื่อนเก่าจึงบอกว่า บัดนี้เมืองหลวงมีหนังสือให้จับตัวท่าน แลโจโก๋บิดาของท่านได้หนีออกไปอยู่เมืองตันลิวแล้ว โจโฉจึงเล่าเนื้อความแต่หนหลังให้แปะเฉียฟังจนสิ้น แปะเฉียหันมาคำนับขอบใจตันก๋งที่เห็นแก่แผ่นดิน ถ้ามิได้ตันก๋งโจโฉคงต้องตาย แปะเฉียจึงเชื้อเชิญให้โจโฉกับตันก๋งนอนพักที่บ้าน แต่จะขอตัวเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อเหล้าอย่างดีมาเลี้ยง ก่อนไปแปะเฉียสั่งพ่อครัวกับเมียจัดเตรียมอาหารรับรองแขกผู้มาเยือนขณะที่โจโฉเคลิ้มหลับไป พลันได้ยินเสียงคนในเรือนกำลังลับมีด พร้อมกับบอกว่า จะมัดมันก่อนหรือจะฆ่ามันทีเดียว โจโฉจึงกระซิบบอกตันก๋งว่า ชะรอยแปะเฉียเข้าไปในเมืองเพื่อเรียกคนมาจับเอาสินบน เอามันไว้ไม่ได้แล้ว ตันก๋งจึงว่า เรายังไม่แน่ในน้ำใจแปะเฉีย จะประมาณการอย่างนั้นไม่ได้ แต่โจโฉขี้ระแวงชักกระบี่ออกฟันผู้คนกับบุตรภรรยาของแปะเฉียตายถึง 8 คนทั้งบ้าน ตันก๋งเหลือบไปเห็นสุกรที่เขามัดไว้กับหม้อน้ำต้มไฟเดือดจึงรู้ว่าโจโฉเข้าใจผิดฆ่าคนบริสุทธิ์ ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ โจโฉก็ตกใจกลัวไม่น้อย เมื่อรู้ตัวว่าทำผิดมหันต์ พอได้สติก็บอกตันก๋งว่า เมื่อทำไปแล้ว เสียใจมันก็เท่านั้น รีบไปจากที่นี่กันเถอะ ว่าแล้วทั้งโจโฉกับตันก๋งรีบขึ้นม้าควบออกจากบ้านแปะเฉียไป โจโฉฆ่าครอบครัวแปะเฉียด้วยความขี้ระแวงโจโฉกับตันก๋งควบม้าไปประมาณยี่สิบเส้นก็พบแปะเฉียแบกเหล้านารีแดงมาด้วย แปะเฉียร้องถามว่า ไม่อยู่กินข้าวจะรีบไปไหน โจโฉตอบว่าข้าพเจ้าเป็นคนผิดที่ทางการต้องการ จะรีบไปให้พ้นภัย แปะเฉียยืนงงอยู่ โจโฉขับม้าไปสักครู่ คิดได้ดึงบังเหียนม้าหันกลับมาเรียกแปะเฉียว่าจะสั่งความเอาไว้ แปะเฉียหยุด โจโฉมาถึงเอากระบี่ฟันแปะเฉียตาย เหล้านารีแดงที่เพิ่งซื้อมาสำหรับเลี้ยงโจโฉกับตันก๋งกลิ้งแตกไหลรินลงพื้น ตันก๋งร้องออกมาด้วยเสียงอันดังอย่างคนตกใจสุดขีด จึงชี้หน้าบอกโจโฉว่า เมื่อกี้นี้ท่านฆ่าบุตรภรรยาผู้คนของแปะเฉียตายทั้งบ้านถือว่าเข้าใจผิด บัดนี้ยังจงใจฆ่าแปะเฉียซ้ำอีก โจโฉตอบว่า เมื่อกี้นี้เราคิดผิดอยู่แล้ว ครั้นจะละแปะเฉียไว้ก็จะต้องโกรธไปบอกนายบ้าน นายบ้านก็จะคุมกำลังมาตามจับเราส่งเมืองหลวง เราจึงซ้ำฆ่าแปะเฉียเสียหวังจะให้เนื้อความสูญไป ตันก๋งจึงว่า ท่านฆ่าคนในบ้านแปะเฉียด้วยความเข้าใจผิด แต่นี่ฆ่าแปะเฉียโดยรู้ว่าเขาไม่ผิด ท่านเป็นคนอกตัญญูหาดีไม่ โจโฉจ้องหน้าตันก๋งบอกว่า เรายอมฆ่าคนทั้งโลก แต่ไม่ยอมให้โลกทรยศ ตันก๋งมองหน้าโจโฉอย่างไม่เชื่อในคำพูด บุคคลที่ตัวเองเคยคิดเลื่อมใสจนเข้าขั้นบูชาเมื่อไม่กี่วันก่อน ได้สำแดงธาตุแท้ของความโฉดและโหดในตัวออกมาให้เห็นกันอย่างชัดแจ้ง คน ๆ นี้สามารถฆ่าใครก็ได้ที่เขาระแวง คน ๆ นี้สามารถฆ่าเพื่อนสนิทก็ได้ถ้าขัดผลประโยชน์ ตันก๋งจึงกล่าวอำลาว่า ไม่สามารถร่วมทางกับผู้นำที่โหดร้ายทารุณเห็นแก่ตนอย่างท่านได้ ขอให้ท่านทำการใหญ่ตามวิถีทางของท่านเองเถิด ว่าแล้วตันก๋งก็ขับม้าหลีกแยกทางกับโจโฉตั้งแต่คืนวันนั้นเหตุการณ์โจโฉสังหารครอบครัวแปะเฉียเพื่อนร่วมสาบานของพ่อ ด้วยความระแวง ด้วยความเข้าใจผิด และด้วยความโฉด ได้กลายเป็นรอยแผลเป็นตลอดชีวิตของโจโฉ ไม่ว่าเขาจะพัฒนาตัวเองจนเป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดินแค่ไหน กรณีสังหารครอบครัวแปะเฉีย ได้ตามติดหลอนตำนานชีวิตของโจโฉให้เป็นรอยด่างพร้อยไปตลอดกาล

กำจัด  คงหนู

ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต ๒

ตอนที่ ๑ - ๓     ตอนที่ ๔-๕    ตอนที่ ๘

 

                                              อยากให้เธอเข้าใจ  :  ไมค์  ภิรมย์พร

หมายเลขบันทึก: 246303เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2009 18:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท