พลิกวิกฤติ (ขี้เกียจ) ให้เป็นโอกาส (ผลงาน)


โมเดล KM ฉบับขี้เกียจ

ผมมีอาชีพเป็นนักไอที ภาระหน้าที่ประจำของผมคือดูแล จัดการ พัฒนา ด้านไอที
ได้ไปชวนเพื่อนๆ มาตั้งชมรมโอเพนซอร์สเพื่อช่วยเหลือกัน
โดยที่สมาชิกก่อตั้งไม่เคยรู้จักกับ KM มาก่อน
จนกระทั่งถึงวันหนึ่ง ก็มีผู้รู้มาบอกผมว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นั้นคือ KM
ในรูปแบบของชุมชนนักปฏิบัติ COP

ผมก็เลยกลับมาทบทวนและวิเคราะห์ตัวเองว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไรกัน
ทั้งๆที่ผมไม่รู้จัก KM และยังแถมขี้เกียจอีกต่างหาก แต่ก็ทำ KM ได้
ทำให้ได้คำตอบโมเดล KM ฉบับขี้เกียจ นี้ขึ้นมา

Knowledge Vision
ผมคิดง่ายๆ แค่ว่าทำแล้ว ผมต้องสบายขึ้น ในตอนแรกอาจลำบาก แต่ตอนปลายต้องสบาย
ทำนองเดียวกันการออกกำลังกาย ที่เหนื่อยตอนต้น เมื่อทำเป็นนิสัยแล้ว ร่างกายจะแข็งแรง
ถ้ายิ่งทำแล้วยิ่งเหนื่อย ผมก็ไม่รู้จะทำไปทำไม

Knowledge Sharing
ผมคิดง่ายๆ ว่าถ้าผมรู้อยู่คนเดียวก็ทำกันเหนื่อยตายนะซิ
จึงต้องชวนเชิญหรือหักคอคนอื่นมาเรียนรู้ จะได้แบ่งภาระงานผมไปทำบ้าง
ถึงคุณจะไม่อยากรู้ ผมก็จะยัดเยียดความรู้ให้ อะไรทำนองนั้น

Knowledge Asset
ด้วยความที่ผมขึ้เกียจตอบคำถามในการแก้ไขปัญหาซ้ำซาก
ก็เลยกัดฟันเขียนเอกสารเก็บไว้เป็นคลังความรู้
ผมจะได้ไม่ต้องตอบปัญหาเดิมบ่อยๆ ไล่ให้ชาวบ้านไปอ่านบน web site เอง

ผมคิดง่ายๆอย่างที่เล่ามา แบบว่าตนเองมุ่งมั่นเป็นสาวกต่อความขึ้เกียจ
แต่ด้วยความเฮงหรือดวงดี กลับทำให้ผมสร้างผลงานถูกใจเจ้านายในองค์กร
กลายเป็นว่าพลิกวิกฤติ "ขี้เกียจ" กลับมาเป็นการสร้าง "ผลงาน" จนได้
ตัวอย่างเวบไซต์ของผม http://rd.cc.psu.c.th และ http://opensource.psu.ac.th

ถึงตอนนี้ผมก็ยังงงๆอยู่ว่าผมทำตัวอยู่ในสถานะอะไรกันแน่
ถ้าอ้างอิงจากโมเดล KM ของ ส.ค.ส.
ผมก็เข้าข่ายคุณ "กิจ" เพราะเป็นผู้ใช้ความรู้โดยตรง
เป็นทั้งคุณ "อำนวย" เพราะคอยช่วยประสานงาน
แถมน่าจะเป็นคุณ "เอื้อ" ด้วย เพราะไปเชียร์ชาวบ้านเขาอีกต่างหาก
ถ้าขืนผมมั่วๆหยั่งงี้ น่าจะเป็นคุณ "จุ้น" เพราะดันไปยุ่งซะทุกเรื่องครับ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 246เขียนเมื่อ 16 มิถุนายน 2005 06:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 13:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ผมนึกถึงศัพท์เฉพาะได้คำนึง คือเป็น Champion ครับ

Champion คือคนที่เป็นหัวเรือ ผลักดันให้เกิดให้ได้
ถ้าจำเป็นต้องเป็นคุณกิจ ก็เป็นคุณกิจ  หรือถ้าต้องทำตัว
เป็นคุณอำนวย หรือคุณเอื้อก็ยอมทำ  ขอให้สำเร็จก็พอ

มันเป็นเหมือนหลักการทำธุรกิจ   คือ หากลวิธีที่ง่าย ต้นทุนต่ำสุด  ให้ได้ผลกำไรมากที่สุดค่ะ 

มันเป็นเหมือนหลักการทำธุรกิจ   คือ หากลวิธีที่ง่าย ต้นทุนต่ำสุด  ให้ได้ผลกำไรมากที่สุดค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท