ผู้นำกับการบริหารการเปลี่ยนแปลง
ผู้นำการเปลี่ยนแปลง คือ บุคคลที่มีคุณลักษณะพิเศษด้านบุคลิกภาพ และความสามารถในการนำ เพื่อให้เป้าหมายการเปลี่ยนแปลงบรรลุผล ผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีบทบาทสำคัญในกระบวนการเปลี่ยนแปลง ในด้านการทำงานกับคน การตระหนักและไวต่อปัญหา ต่อความรู้สึกของคน มีทักษะในด้านการวิเคราะห์ วินิจฉัยปัญหา สามารถให้คำปรึกษาแนะนำการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษามีบทบาทสำคัญยิ่งในการบริหารการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงมักจะมีการต่อต้าน ดังนั้นความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาจึงขึ้นอยู่กับภาวะผู้นำ ทักษะและวิธีการที่ผู้บริหารใช้ในการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารจึงจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ ฮอลล์และคณะ(Hall and others,1984) ได้แบ่งพฤติกรรมการบริหารการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารออกเป็น 3 แบบ คือ ผู้ตอบสนอง(responder) ผู้จัดการ(manage) และผู้ริเริ่ม(initiator) จากการวิจัยพบว่า สถานศึกษาที่ผู้บริหารมีพฤติกรรมการบริหารการเปลี่ยนแปลงแบบผู้ริเริ่มมีผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษามากกว่าผู้บริหารที่มีพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงอีก 2 แบบ โดยผู้บริหารแบบริเริ่มมีพฤติกรรมการบริหารการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
1.พยายามปรับสถานศึกษาให้สอดคล้องกับความคาดหวังของชุมชน พยายามประสานประโยชน์ให้เกิดแก่โรงเรียน
2. รวมรวมข้อมูลต่าง ๆ จากครูและชุมชนเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง
3. ส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องมีความรู้เกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญหา
4. มีขั้นตอนและกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
5. ติดตามผลที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
6. ให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้เกี่ยวข้องเพื่อเปรียบเทียบแผนงานที่วางไว้และพฤติกรรมที่คาดหวัง กับสิ่งที่เกิดหลังจากการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้นการทำงานจึงมุ่งหมายที่จะพัฒนาความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในการจัดการแต่ละขั้นตอน โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่บุคลากร รู้กันอยู่แล้วตามกระบวนทัศน์นี้ บุคลากร จะได้สะท้อนตัวตน ความคิด ความรู้สึก ความเข้าใจของตนออกมาผ่านกิจรรมที่ตนได้เป็นทั้ง “ผู้รับสาร” และ “ผู้สร้างสื่อ” ตลอดจนรับรู้และเข้าใจถึงปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจที่มีผลพฤติกรรม โดยมีกลยุทธ์หลัก 2 ประการในการทำงานคือ
1) การมุ่งเน้นให้บุคลากรรู้เท่าทันกระบวนการ/ข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นการศึกษาถึงลักษณะสำคัญของวัตถุประสงค์ การตั้งเป้าหมายและการดำเนินงานเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
2) การรู้เท่าทันตัวเองโดยใช้หลักคิดในทางพุทธศาสนาในเรื่องการมีสติ หรือ “โยนิโสมนัสสิการ” เพื่อการเรียนรู้การ “รับข้อมูลต่างๆ”อย่างเท่าทันและมีสติคัดกรอง ผ่านสัมผัสของร่างกายทั้ง 6 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันเป็นการสื่อสารระดับภายในตัวบุคคล (intrapersonal communication)
นอกจากนั้นได้ประมวลหลักคิดและกลยุทธ์เพื่อความรู้ในการเท่าทันข้อมูลต่างๆ ให้มาอยู่ในรูปแบบแผนเชิงกลยุทธ์ สำหรับการรู้เท่าทันเพื่อที่จะจัดการข้อมูลต่างที่ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของบุคลากร
แนวคิดในการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ
๑. ปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพโดยใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ พัฒนาการสร้างเครือข่ายครู ผู้ปกครอง และชุมชน ตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อสร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีมาตรฐานคุณภาพตามเกณฑ์วิชาชีพครู ส่งเสริมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ ส่งเสริมการวิจัยในชั้นเรียน
๒. แผนงานคุณภาพการศึกษา โดยมีการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
Ø จัดการเรียนโดยใช้ระบบ e-learning
Ø การสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต
Ø การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน(CAI)
Ø จัดหาสื่อและเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้แต่ละกลุ่มสาระ
๒. แผนงานด้านประสิทธิภาพและการบริหารจัดการ พัฒนาการบริหารจัดการโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้และสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและองค์กรภายนอก โรงเรียนมีระบบการบริหารงานที่ทันสมัยและการบริการข้อมูลสารสนเทศถูกต้องรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Ø ระดมทรัพยากรเพื่อใช้ในการจัดการศึกษา
o การระดมทรัพยากรจากชุมชน
o จัดหาคอมพิวเตอร์
o ประสานความร่วมมือกับชุมชน
o นำแหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการเรียนรู้
o จัดหาวิทยากรท้องถิ่น
Ø ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดระบบสารสนเทศและการบริหารจัดการ
o จัดระบบข้อมูลและสารสนเทศ
o จัดระบบงานสำนักงานให้บริหารงานอย่างคล่องตัว
กลยุทธ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ผู้บริหารจำเป็นจะต้องใช้ศักยภาพ และภาวะผู้นำ กำหนดเป็นวัตถุประสงค์ เพื่อให้มีศักยภาพ และบรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้
ขั้นตอนการดำเนินงาน ตามแผนกลยุทธ์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
3. จัดทำปฏิทินการปฏิบัติการ |
4. เตรียมความพร้อมบุคลากร - สร้างความตระหนัก - ความรู้ความเข้าใจ |
5. แต่งตั้งคณะกรรมการรับผิดชอบ |
2. ดำเนินการพัฒนา ICT (D) โดยมีความต้องการ - ห้องเรียน e-Learning - ห้องเรียนอื่นๆ ทุกห้องใช้ ICT ในการจัดการเรียนการสอน (e-Classroom) - Server พร้อม Software - เชื่อมต่อ Internet ADSL/Leased Line ความเร็ว 4 Mbps ทุกห้องเรียน - ตู้สืบค้น Internet Hi-Speed Box - ระบบห้องสมุดอีเลคทรอนิกส์ (SMS -e-Library) - Sound Lab Multimedia 100 user |
2. เผยแพร่ผลงาน |
2. วิเคราะห์ข้อมูลของครู นักเรียน รายกลุ่มสาระ |
1. จัดทำสรุปและรายงานผลการดำเนินการ |
1. ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง (P) - องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น - กรรมการสถานศึกษา/ผู้ปกครอง - ชุมชน - หน่วยราชการ/เอกชน - การเงิน/พัสดุ |
1. สำรวจความต้องการ ICT ของครู นักเรียน ชุมชน |
ขั้นรายงานผล |
ขั้นเตรียมการ |
ขั้นดำเนินการ |
6. จัดเตรียมระบบ (ICT) -Hardware - Software - การวางระบบเชื่อมต่อ ภายใน-ภายนอก - ห้องเรียน/ห้องปฏิบัติการ |
3. ตรวจสอบและประเมินผล (C) - เก็บข้อมูลความพึงพอใจ - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน - วิเคราะห์ข้อมูล - แปลความหมาย - ตรวจสอบคุณภาพการประเมิน |
4. นำผลการประเมิน ปรับปรุง พัฒนา (A) - หลักสูตร - บุคลากร - Hardware และ Software - ปฏิทินปฏิบัติงาน/กิจกรรม - จัดทำข้อมูลสารสนเทศ |
การเตรียมการ ประชุมคณะกรรมการประกอบด้วยฝ่ายบริหารโรงเรียน และคณะกรรมการกลุ่มบริหารงานวิชาการ ซึ่งประกอบไปด้วยหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่ม กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และหัวหน้างานในกลุ่มบริหารวิชาการอีก 15 งาน สำรวจความต้องการ ICT ของครู นักเรียน และชุมชน วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ จัดทำปฏิทินการปฏิบัติการ ให้ความรู้และความตระหนักแก่บุคคลากรของโรงเรียน แต่งตั้งกรรมการรับผิดชอบในการดำเนินการฝ่ายต่างๆรวมทั้งการวางแผนออกแบบระบบ ICT ทั้งระบบ ในห้องเรียน ห้องปฏิบัติการ แหล่งเรียนรู้ และห้องสำนักงานทุกห้อง รวมทั้งการเชื่อมต่อกับภายนอกโรงเรียน
การดำเนินการ ประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน หน่วยราชการ ภาคเอกชน ในการของบประมาณ และระดมทรัพยากรสนับสนุนตามความต้องการของโรงเรียน และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่การเงินและพัสดุ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และ ดำเนินการพัฒนา ICT ดังนี้
- เพิ่มจำนวนชั่วโมง/หน่วยกิต วิชาคอมพิวเตอร์ในโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา
- กำหนดเป็นนโยบายของโรงเรียน ครูต้องใช้ ICT ในการจัดการเรียนการสอนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งหมดใน 1 รายวิชา
- จัดหาคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอสำหรับนักเรียนใช้ในการเรียนรู้ และสำหรับโรงเรียนในการบริหาร จัดการและการทำกิจกรรมของครู
- มี Website E-mail Homepage และ Server จำนวน 10 เครื่อง เพื่อรองรับกิจกรรม e-Learning ละกิจกรรมอื่นๆที่โรงเรียนสามารถเข้าร่วมได้
- จัดแหล่งเรียนรู้ ICT เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ คอมพิวเตอร์อย่างทั่วถึงทั้งโรงเรียน
- จัดการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องฉายภาพ ฯลฯ ให้มีสภาพร้อมที่จะใช้งานได้เสมอ
- แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบงานทางด้าน ICT โดยเฉพาะ
- สำรวจระบบไฟฟ้ากำลังของโรงเรียน จัดให้เพียงพอต่อการใช้งาน มีระบบการป้องกันอุปกรณ์ด้าน ICT และความปลอดภัย
- สำรวจความต้องการความรู้ด้าน ICT ของบุคลากรในโรงเรียนเพื่อพัฒนาบุคลากรทุกภาคเรียนไว้สำหรับ E-School
- จัดทำแผนพัฒนากลยุทธ์ด้าน ICT ของโรงเรียนเพื่อให้บุคลากรทุกคนของโรงเรียนเดินสู่เป้าหมายในทิศทางเดียวกัน
การประเมินผล สรุปผลการปฏิบัติงาน โดยคณะกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้องประเมินทบทวนการดำเนินงาน นำผลที่ได้จากการดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งหมดมาวิเคราะห์แปลความหมาย และตรวจสอบ จัดทำเป็นโครงการ แผนปฏิบัติการ พัฒนาบุคลากร พัฒนาหลักสูตร พัฒนาHardware และ Software เป็นต้น
การรายงานผลที่เกิดจากการดำเนินการ ด้วยกิจกรรมและกลยุทธ์การพัฒนาที่หลากหลาย ส่งผลให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
ร่วมกันนำความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดสังคมฐานความรู้ สร้างคลื่นลูกที่ 4 ให้มากๆๆๆๆๆ เพื่อความอยู่รอดของชาติไทยค่ะ
สวัสดีค่ะ ดิฉันเชื่ออย่างคุณค่ะ ผู้นำที่ดี คือ การมีภาวะผู้นำ ไม่ใช่ แค่อยากเป็นผู้นำ
ก่อนจะเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องได้ใจก่อนครับ
การเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องยาก
แต่การเป็นผู้นำที่มีภาวะผู้นำ
และเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเป็นยากยิ่งกว่าจ้า