“เด็กและเยาวชนร้อยละ 37 เห็นว่ากิจกรรมที่ดีที่สร้างสรรค์ที่ควรทำในวันวาเลนไทน์มากที่สุด
คือ ทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว”
แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.)มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก เครือข่ายพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก และศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้ร่วมกันสำรวจความเข้าใจของเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 10 ถึง 25 ปี จำนวน 792 คนและผู้ปกครองจำนวน 651 คน ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ และกิจกรรมที่คาดว่าจะทำในวันวาเลนไทน์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ สามารถสรุปผลที่สำคัญได้ดังนี้
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
เด็กและเยาวชนในกรุงเทพฯ มากกว่าครึ่ง คือ ร้อยละ 54 เข้าใจว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรักระหว่างใครกับใครก็ได้ แต่ผู้ปกครองในกรุงเทพส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 41 ยังเข้าใจว่าเป็นวันแห่งความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่านั้น เด็กและเยาวชนหญิงเข้าใจความหมายของวันวาเลนไทน์ถูกต้องมากกว่าเด็กและเยาวชนชาย (ร้อยละ 60 และร้อยละ 49) แต่ผู้ปกครองที่เป็นชายและหญิงเข้าใจความหมายถูกต้องพอๆ กัน (ร้อยละ 40 และร้อยละ 39)
การให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์
เด็กและเยาวชนตลอดจนผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 61 และร้อยละ 39 รู้สึกเฉยๆ กับวันวาเลนไทน์ ที่ให้ความสำคัญมากมีเพียงร้อยละ 16 และร้อยละ 14 ตามลำดับเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเด็กและเยาวชน และผู้ปกครองร้อยละ 4 และร้อยละ 5 ที่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ สำหรับเด็กและเยาวชนชายและหญิงที่ให้ความสำคัญกับวันดังกล่าวมีมากถึงร้อยละ 14 และร้อยละ 15 ตามลำดับ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่ดีที่สร้างสรรค์ซึ่งเด็ก-เยาวชนควรทำในวันวาเลนไทน์
เด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพฯ เห็นว่ากิจกรรมที่ดีที่สร้างสรรค์ซึ่งเด็กและเยาวชนควรทำในวันวาเลนไทน์มากที่สุดคือ ทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว (ร้อยละ 37 ) รองลงมาคือการชวนคนที่เรารักทำความดี (ร้อยละ 23) ชวนคนที่เรารักทำกิจกรรมดีๆ (ร้อยละ 20) และบอกรักหรือแสดงความรักต่อกัน (ร้อยละ 17) ส่วนผู้ปกครองที่เห็นสอดคล้องกับเด็กและเยาวชนในกิจกรรมข้างต้นมีร้อยละ 40 27 19 และ 12 ตามลำดับ สำหรับเด็กและเยาวชนชายที่เห็นว่าการชวนคนที่เรารักทำกิจกรรมดีๆ ในวันวาเลนไทน์มีมากกว่าเด็กและเยาวชนหญิง(ร้อยละ 21 และร้อยละ 18) ส่วนเด็กและเยาวชนหญิงที่เห็นว่าการชวนคนที่เรารักทำความดีในวันดังกล่าวมีมากกว่าเด็กและเยาวชนชาย (ร้อยละ 25 และร้อยละ 22) ผู้ปกครองหญิงที่เห็นว่ากิจกรรมที่ดีที่สร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนควรทำในวันวาเลนไทน์ คือทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัวมีมากกว่าผู้ปกครองชายค่อนข้างมาก คือมีร้อยละ 43 และร้อยละ 36
สถานที่สร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนควรชวนกันไปในวันวาเลนไทน์
เด็กและเยาวชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ เห็นว่าสถานที่สร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนควรชวนกันไปในวันวาเลนไทน์มากที่สุด คือ แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ (ร้อยละ 18) รองลงมา คือ สวนสาธารณะ (ร้อยละ 17) ห้างสรรพสินค้า (ร้อยละ 17) โรงภาพยนตร์ (ร้อยละ 13) ร้านอาหาร (ร้อยละ 10) พิพิธภัณฑ์ (ร้อยละ 7) และศาสนสถาน (ร้อยละ 7) สำหรับผู้ปกครองเห็นว่าเด็กและเยาวชนควรชวนกันไปที่แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ศาสนสถาน และพิพิธภัณฑ์ มีร้อยละ 22 ร้อยละ 17 และร้อยละ 17 ตามลำดับ ความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนชายและหญิงเกี่ยวกับสถานที่สร้างสรรค์ที่เด็กและเยาวชนควรชวนกันไปในวันวาเลนไทน์ไม่ค่อยแตกต่างกัน และความคิดเห็นของผู้ปกครองชายและหญิงเกี่ยวกับสถานที่ดังกล่าวก็ไม่ค่อยต่างกันเช่นเดียวกัน
กิจกรรมที่คาดว่าจะทำในวันวาเลนไทน์
ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ เด็กและเยาวชนในเขตกรุงเทพฯ ถึงร้อยละ 70 ตั้งใจจะส่งการ์ดวาเลนไทน์ / ดอกกุหลาบแดง / ของขวัญ / ช็อคโกแลตไปให้บิดามารดา คนรัก เพื่อนหรือครู ซึ่งส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 34 ส่งไปให้คนรัก ร้อยละ 32 ส่งไปให้เพื่อน และร้อยละ 26 ส่งไปให้บิดามารดา ที่ตั้งใจทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัวมีจำนวนพอๆ กัน คือ ร้อยละ 72 ส่วนที่ตั้งใจจะทำความดีในวันดังกล่าวมีร้อยละ 28 ผู้ที่เด็กและเยาวชนจะร่วมทำความดีในวันวาเลนไทน์นี้ประกอบด้วยบิดามารดา ร้อยละ 43 เพื่อน ร้อยละ 27 และคนรัก ร้อยละ 20 สำหรับผู้ปกครองที่ตั้งใจจะทำความดีในวันวาเลนไทน์นี้มีร้อยละ 34 และในจำนวนนี้จะทำความดีร่วมกับบุตร ร้อยละ 30 ส่วนกับ คู่สมรส ร้อยละ 23 ผู้ปกครองที่จะทำกิจกรรมกับคนในครอบครัวมีร้อยละ 32
ความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนในวันวาเลนไทน์
เด็กและเยาวชนมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับพวกตนเองในวันวาเลนไทน์ร้อยละ 29 ในขณะที่ผู้ปกครองมีความกังวลใจน้อยกว่า คือ มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ปัญหาที่เด็กและเยาวชนและผู้ปกครองเป็นกังวลมากที่สุดคือการมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 76 และร้อยละ 70 ตามลำดับ ปัญหาเรื่องการไปเที่ยวและทำในสิ่งไม่ดี ร้อยละ 9 และร้อยละ 25 ปัญหาการตั้งครรภ์ ร้อยละ 4 และร้อยละ 0 เด็กและเยาวชนที่อยู่รวมกับผู้ปกครองกังวลใจน้อยกว่าเด็กและเยาวชนที่ไม่ได้อยู่รวมกับผู้ปกครองมากกว่าเท่าตัว คือ ร้อยละ 21 และ ร้อยละ 45 และเด็กและเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับสูงกว่ามัธยมศึกษากังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนในวันวาเลนไทน์มากกว่าเด็กและเยาวชนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาลงมา สำหรับผู้ปกครองที่มีการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไปมีความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนในวันวาเลนไทน์มากกว่าผู้ปกครองที่มีการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา
จากที่ นายกรัฐมนตรี ประกาศวาระแห่งชาติเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่อง “พื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก” ใน มิติต่างๆ คือพื้นที่ความคิด พื้นที่สื่อ พื้นที่เล่น และพื้นที่การเรียนรู้ เมื่อวันเด็กแห่งชาติ 10 มกราคม 2552 ณ ทำเนียบรัฐบาล 4 ข้อคือ
1) สนับสนุนพื้นที่สื่อสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพสำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัวให้มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นและผลักดันให้เกิดกองทุนสื่อสร้างสรรค์สำหรับเด็ก เยาวชนและครอบครัว
2) ส่งเสริมกลไกการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน โดยจัดให้หน่วยงานและองค์กรต่างๆที่มีภารกิจเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ได้ดำเนินการให้เกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่
3) ส่งเสริมกลไกการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคสังคมทั้งที่มีอยู่แล้วและจะริเริ่มใหม่ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานตามวาระเรื่องพื้นที่สร้างสรรค์ฯ
4) ส่งเสริมบทบาทของกลไกระดับท้องถิ่น เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนวาระเรื่องพื้นที่สร้างสรรค์ ให้เกิดการขยายออกไปทุกท้องถิ่นทั่วประเทศ
และสิ่งเหล่านี้ที่รัฐบาลได้มอบให้เป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าดูผลสำรวจเรื่องความกังวลใจ เกี่ยวกับปัญหาที่จะเกิดกับเด็กและเยาวชนในวันวาเลนไทน์ อันดับหนึ่งคือ เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ร้อยละ 76 และอันดับสอง ปัญหาเรื่องการไปเที่ยวและทำสิ่งที่ไม่ดีร้อยละ 70 ถ้าหากว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ประกาศวาระแห่งชาติเมื่อวันเด็กต้นปีที่ผ่านมา และมีเจ้าภาพหรือหน่วยงานมาขับเคลื่อนในในเรื่องต่างๆเหล่านี้
ดังนั้นแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.)มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก และเครือข่ายพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและสังคมดังนี้
1. ให้รัฐบาลเร่งรัดผลักดันขับเคลื่อนวาระแห่งชาติของเด็กและเยาวชนเรื่อง “พื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก” ตามที่ประกาศในวันเด็กแห่งชาติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดตั้งกองทุนสื่อสร้างสรรค์
2. ให้หน่วยงานในชุมชนจัดกิจกรรมและพื้นที่ที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กอย่างทั่วถึง เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีกิจกรรมและสถานที่ดีๆรองรับในทุกๆวัน
3. สนับสนุนห้องเรียน พ่อ แม่ เพื่อสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ ในครอบครัวในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งในการให้กำลังใจ ให้คำปรึกษากัน
4. มาตรการการจ้างงานเพื่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ควรส่งเสริมมาตราการที่ทำให้เกิดบุคลากรหรือพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กเพิ่มขึ้น เช่น การพัฒนานักจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ การพัฒนาสถานที่อ่านหนังสือ สนามเด็กเล่น เป็นต้น
จาก
เครือข่ายพื้นที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก
แผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน(สสย.)
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก(มพด.)
ไม่มีความเห็น