ภูมิปัญญาเกษตรกร ตอน การชุบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังก่อนปลูก


การชุบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังก่อนปลูก การทำน้ำหมักชีวภาพสูตรฮอร์โมน การทำน้ำปุ๋ย

สวัสดีคะ   มาอ่านเรื่องภูมิปัญญาของเกษตรกร ในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังกันต่อนะคะ  วันนี้จะเล่าเรื่องที่เกษตรกรผู้นำ นายวิยล  อาจพรม ซึ่งเป็นครูติดแผ่นดินใช้อยู่และยืนยันว่าทำให้มันสำปะหลังที่ปลูกใหม่งอกและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  แข่งขันกับวัชพืชได้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตสูง...

                  

 

   คุณลุงวิยล เล่าว่า  การชุบท่อนพันธุ์มันสำปะหลังก่อนปลูก  จะใช้น้ำหมัก 2 สูตร คือ สูตรฮอร์โมน กับน้ำปุ๋ย ( คุณลุงเรียกอย่างนั้น)

 เทคนิค  การทำน้ำหมักชีวภาพสูตรฮอร์โมน คือ

  1.    วัตถุดิบผลผลิตพืชต่างๆที่หาได้ในรอบๆบริเวณบ้าน เช่น ผลไม้  มะละกอ ฟักทอง  กล้วย
  2.     น้ำมะพร้าว
  3.     จาวมะพร้าว
  4.     น้ำซาวข้าว

             นำทั้ง 4 ส่วนมาผสมแล้วหมักไว้   น้ำหมักจากส่วนผสมนี้ เรียกว่า ฮอร์โมนน้ำหมัก

 เทคนิค  การทำน้ำปุ๋ย  ปริมาณ 1 ขวดน้ำอัดลม 1.5 ลิตร

  1.    น้ำหมักชีวภาพหรือน้ำ EM
  2.    ปุ๋ยเกลือ (21-0-0) ปริมาณ ครึ่งแก้ว
  3.    ปูนแดง ขนาดท่าลูกไข่ไก่

        เขย่าส่วนผสมทั้ง 3 ให้เข้ากัน  เรียกว่า น้ำปุ๋ย

การใช้ประโยชน์ชุบท่อนพันธุ์

  1. ตัดท่อนพันธุ์เตรียมปลูก
  2. ผสมน้ำทั้งสองสูตร ปริมาณสูตรละ  1 แก้ว ผสมลงในอ่างน้ำสะอาดประมาณ 10  ลิตร
  3. นำท่อนพันธุ์ที่เตรียมไว้ มาแช่ในอ่างน้ำที่ผสมไว้ประมาณ 10 นาที  แล้วจึงนำไปปลูก

       

 

       คุณลุงเล่าว่า  เทคนิคนี้จะทำให้ลำต้นมันสำปะหลัง งอกได้เร็วและมีลำต้น อวบใหญ่  แบ็งแรง เจริญเติบโตเร็ว

       นอกจากจะชุบท่อนพนธุ์  ก่อนปลูกแล้ว  ยังใช้ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ โดยการนำไปเทลาดในหลุมปลูก หลุมละ 2 ถ้วย ( ใช้จอบขุดหลุมบนแถวที่ไถยกร่องไว้   เทน้ำหมัก 2 แก้ว กลบดินให้หนาพอสมควร  แล้วจึงปักท่อนพันธุ์ลงในดิน เหนือบริเวณที่เทน้ำหมักไว้) เพื่อจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตเมื่อรากมันสำปะหลังหยั่งลึกลงไปถึง   แต่ห้ามปักท่อนพันธุ์มันฯให้สัมผัสกับบริเวณที่ราดน้ำหมักโดยตรงเพราะหัวมันจะเน่า

 

 

หมายเลขบันทึก: 242893เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2009 10:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดี คุณอ้อ ขอนแก่น ครับ แวะมาอ่านชื่นชมคุณ อ้อ ขอนแก่น ทำงานเกษตรในรูปส่งเสริมความรู้ให้เกษตรกรในรูปนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปให้ชาวบ้านประยุกต์ใช้กับวิถีดั้งเดิมของสังคมไทย ลดต้นทุนในเรื่องการเคมีวิถีเกษตรอินทรี คุณอ้อ ครัยสู้เพื่อเกษตรกรนั้น คือลดต้นทุนการผลิต คุณอ้อ คงทราบดีว่าการที่เกษตรกรขาดทุนนั้นเพราะต้นทุนการผลิตสุงมากกว่าขายผลผลิต ผมเคยเลี้ยงสุกรขุนขาดทุน แต่ยังเห็นการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรขุน ทั้งที่ถ้าบัญชีไปจับยังขาดทุน นอกจากบูรณาการเปิดตลาดขาดเนื้อสุกรในชุมชนเอง นั้นได้กำไร

ทำไมเกษตรกรยังเลี้ยงสุกรอยุ่ ท้องถิ่นให้กู้ยืม ยืมนายทุนส่งหนี้ ท้องถิ่น สุดท้ายขายที่นา เพื่อใช้หนี้ ขายแล้วก็ไม่พอ

แนวทางแก้ปัญหา ท้องถิ่นร่วมกับภาคราชการอย่างจริงจังส่งเสริมให้ความรู้ในเรื่องการตลาด เปิดตลาดแต่ละหมุ่บ้านขายตรงให้กับผู้บริโภค ขายให้ถูกกว่า 5 บาท

ฟ้าใหม่ ท่าขุนราม

สวัสดีคุณเกษตรอ้อ

ได้รับข้อมูลของคุณลุงวิยลแล้ว อยากทราบที่อยู่ท่านและเบอร์ติดต่อเพื่อเข้าไปดูไร่ตัวอย่างของคุณลุง เพราะผมก็อยากจะลองปลูกเหมือนคุณอ้อครับ และอยากได้ข้อมูลที่คุณอ้อได้ทดลองปลูก 4 ไร่ ตั้งแต่ปี 2551 และปีนี้ 2552 น่าจะได้ขุดแล้ว อยากได้ต้นทุนตั้งแต่ค่าไถ่ ค่าท่อนพันธุ์ ค่าปลูก ค่าตัดตา ค่าปุ๋ย ค่าดายหญ้า ค่าขุด ค่าขน แบบละเอียดครับ เพื่อเป็นวิทยาทาน เป็นเครื่องตัดสินใจที่จะลงมือปลูกครับ

คุณฟ้าใหม่

ดิฉันจะให้เบอร์ สำนักงานเกษตรอำเภอเขาสวนกวาง นะคะ ติดต่อไปว่าอยากได้เบอร์ติดต่อ คุณลุงวิยล ที่บ้านคำม่วง ที่นั่นคงมีเบอร์มือถือท่าน.

สำนักงานเกษตรอำเภอเขาสวนกวาง 043 - 449109

สวัสดีค่ะคุณอ้อ ดิฉันเป็นนักวิชาการสาธารณสุข สนใจอยากปลูกมันสำปะหลัง มีที่ดินอยู่ 4 ไร่ อยู่อำเภอห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ ซื้อหนังสือเกี่ยวกับการปลูกมันมาอ่าน ขาดองค์ความรู้ ขาดความมั่นใจ แต่อยากลองทำดูค่ะ คุณอ้อช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ว่าต้องเริ่มต้นที่ตรงไหนดี


 

หลายคนอ่านความรู้เรื่องนี้ แล้วอยากทำบ้าง มันไม่ง่ายนะ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นข้าราชการ(ตัวดิฉันเป็นหนึ่งในนั้น) ทดลองทำแล้ว ไม่ประสบผลสำเร็จคือต้นทุนสูงมาก  ขายผลผลิตไม่ได้กำไร เพราะทุกอย่างเราต้องจ้างหมด..  แล้วที่ดิฉันพบคือ ที่ดินของเรามีคุณภาพไม่ดี 

  1. เราซื้อที่ดินต่อมาจากแปลงคนอื่น ซึ่งทำการเกษตรในพื้นที่นั้นมานาน..ดินเสื่อมโทรมแล้ว..เราเพียงใส่ปุ๋ยหน้าดิน  เมื่อฝนตกน้ำก็ซัดปุ๋ยออกไป.. แนะนำนะคะสิ่งที่ควรทำแต่ดิฉันไม่ได้ทำคือ การไถระเบิดดินดาน(ต้องทำในช่วงหน้าแล้งก่อนฝนตกโดยใช้ripper ติดรถไถขนาดใหญ่ไถ 2 รอบตัดกันเป็นรูป สี่เหลี่ยม การไถระเบิดดินดานนี้ จะทำให้ชั้นดินดาน(ที่เกิดจากการทำการเกษตรมานานเหมือนดาดคอนกรีตอยู่ลึกลงไปประมาณ 30 เซนติเมตร) แตกออก แล้วดินจะฟูขึ้น น้ำจากบนดินไหลซึมผ่านลงไปเก็บไว้ข้างล่างได้  เมื่อหน้าแล้งรากก็จะหยังลึกลงไปนำมาใช้  แต่ถ้าเราไม่ระเบิดมัน  หน้าฝนน้ำก็ซึมลงล่างไม่ได้ไหลบ่าทิ้ง  หน้าแล้งรากก็นำมาใช้ไม่ได้เพราะแทงไม่ผ่านชั้นนี้  ต้นทุนค่าไถ 2 รอบนี้ก็ไร่ละ 1000 บาท  ยังไม่รวมไถพรวนและไถยกร่องอีกนะ

2. การปลูก  เราเสาะหาพันธุ์มัน จากแหล่งเชื่อถือได้  ต้นุนคือ ค่าท่อนพันธุ์  และค่าขนส่งบวกค่าแรง ขนขึ้นลง แพงเอาการนะถ้าต้องไปซื้อในที่ห่างไกล

3. ค่าปลูก เขาคิดเหมาไร่  คนงานได้กำไรเพราะเห็นปลูก2 ชั่วโมงก็เสร็จ  แต่คิดเงินกับเราเป็นค่าแรงทั้งวัน  ไม่จ้างไม่ได้เพราะหาคนงานลำบาก

4. ค่าดูแล คือการดายหญ้า..หาคนงานยากมาก  ค่าแรงแพง  ต้องจ้างดายหญ้า 2 ครั้ง  ไม่งั้นความสุงของหญ้าจะมากกว่าต้นมัน  และแย่งกินปุ๋ยหมด

5. ใส่ปุ๋ย  เราลงทุนซื้อปู๋ย คำนวนใส่ไร่ละ 30 กก  แต่ตอนใส่จ้างคนใส่ 2 คน  ในวันนัดใส่ปุ๋ยเรามีธุระไม่ได้เฝ้าดู  เลยไม่แน่ใจว่าเขาใส่ให้เราหรือปล่าวหรือเอาไปใส่ไร่เขา..

6. ที่ดินมีความลาดเทสูง  เมื่อฝนตกหนักเกิดทางน้ำ มีต้นมันเสียหายหลายจุด

7. ตอนเก็บเกี่ยว  เพื่อความสะดวกตัวเองต้องขายเหมายกแปลง ได้เงิน 2 หมื่นกว่าบาท..เท่าทุนพอดี..เฮ้อ.......


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท