สำนึกพรหมจรรย์


                  


   วันแห่งความรัก กลายเป็นวันเสียตัว หรือเป็นวันเสียความบริสุทธิ์ของหญิงสาวชายหนุ่มจำนวนไม่น้อย ทั้งๆที่เรื่องการรักษาพรหมจรรย์เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งของคนในยุคก่อน หน้านี้ไม่นานนัก คนยุคใหม่อาจเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะการมีเพศสัมพันธ์ แทบไม่ต่างจากการกินอาหารและขับถ่าย ด้วยมีเครื่องมือช่วยคุมกำเนิด ทำให้การมีเพศสัมพันธ์กลายเป็นเรื่องมักง่าย เป็นเพียงแค่การเสพกาม มิใช่การสืบพันธุ์แต่ประการใดเลย นี่เป็นข้อคิดจากการเทศน์ของท่านพุทธทาส ปรัชญาเมธีแห่งพุทธธรรม

  ถ้าไม่มีเครื่องช่วยคุมกำเนิดในหมู่มวล มนุษย์ คนจะไม่มักมากในกามกันกลาดเกลื่อนอย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ก็จะต้องมีลูก ไม่อาจระเริงในเพศรสอย่างพร่ำเพรื่อไม่พักผ่อนอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ ทุกวันนี้พี่น้องในศาสนาอิสลามยังถือปฏิบัติหลักการไม่คุมกำเนิดกันอยู่ พบว่า หญิงมุสลิมมีลูกหลายคนก็จริง แต่มีสุขภาพดีมากเป็นส่วนใหญ่ เชื่อว่าปัญหาการขาดศีลธรรมทางเพศของพี่น้องในแวดวงมุสลิมคงมีไม่มากนัก

  การ ไม่ด่วนมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน จะเป็นการสร้างกระบวนการระงับยับยั้งชั่งใจได้เป็นอย่างดี แม้คนทั่วไปจะต้องต่อสู้กับกิเลสตัณหากามารมณ์ แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาก็รู้จักกำหนดอดกลั้นไว้ก่อน ในทำนองว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน คนรุ่นก่อนเล่าให้ฟังว่า แม้คู่บ่าวสาวจะผ่านพิธีแต่งงานแล้ว ถูกส่งตัวขึ้นเรือนหอ ก็ใช่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กันในทันทีทันใด บางคู่บางครั้งต้องอยู่ร่วมกันโดยไม่มีเพศสัมพันธ์กันจนถึงวันที่สมควร นับเป็นเรื่องยากและเป็นเรื่องแปลก แต่เป็นเรื่องจริง

  คนสมัย ปัจจุบันจำนวนไม่น้อย แค่เป็นแฟนกันประเดี๋ยวประด๋าวก็มีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงวันแต่งงานแต่ประการใดเลย ทำให้ประเพณีการแต่งงานไม่มีความสำคัญเท่าใดนัก เพราะแต่งหรือไม่แต่งก็มีคุณค่าเท่ากัน เราจึงได้เห็นคู่แต่งงานหรือคู่สมรสจำนวนมากต้องเลิกราหย่าร้างกันไป เพียงเพราะไม่สมรส (รสไม่สมกัน-ไม่เสมอกัน) นั่นเพราะคู่สมรสต่างถือเอารสแห่งกามเป็นตัวตั้ง และโดยความจริงแล้วพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า กามนั้นมีสุขน้อย มีทุกข์มาก ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากาม ไม่มี พูดให้เข้าใจด้วยข้อเปรียบเทียบก็ได้ว่า สุขจากกาม เท่ากับ ความกว้างของถนน ทุกข์จากกาม เท่ากับความยาวของถนน

  นักบวชในพระพุทธศาสนา จะต้องเว้นขาดจากการมีเพศสัมพันธ์ในทุกกรณี ไม่เช่นนั้นจะต้องอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นนักบวชโดยไม่ต้องสึกหาลาเพศ และการที่นักบวชจะมีความบริสุทธิ์ในพรหมจรรย์ได้นั้น ก็จะต้องสร้างเงื่อนไขห่างไกลจากข้าศึกแห่งพรหมจรรย์ ไม่ใช้ชีวิตอยู่ในที่ลับหูและอยู่ในที่ลับตากับเพศตรงกันข้ามโดยเด็ดขาด แม้จะไม่มีราคะหรือความกำหนัดใดๆก็ไม่ควรประมาท เพราะกิเลสกามไม่เคยปรานีใคร ดังคำสอนของอินเดียโบราณว่า "บรรพชิตใกล้ชิดอิสตรี ไฉนจะมีศีลบริสุทธิ์ ผู้เสพมังสะ ไฉนจะมีความเมตตากรุณา ผู้มักดื่มสุรา ไฉนจะมีวาจาเป็นสัจจะ ผู้มักมากด้วยโลภะ ไฉนจะมีความละอาย ผู้มีความโกรธแรงร้าย ไฉนจะมีทรัพย์สิน ผู้เกียจคร้านเป็นอาจิณ ไฉนจะมีศิลปะ"

 พระภิกษุในพระพุทธศาสนาพึงถือสุภาษิตไว้ว่า "จงใจดำกับอิสตรี แต่ ใจดีกับพระพุทธเจ้า"

อนุโมทนากราบขอบพระคุณท่าน พ.กิ่งโพธิ์

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลอ้างอิง http:// www.prajan.com





 

หมายเลขบันทึก: 241659เขียนเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2009 19:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ธรรมรักษาโยมมาลัย

อนุโมทนาสาธุ

นมัสการ

ปัญหาสังคมทุกวันนี้ จะพบเห็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับกาม ความหึงหวงทุกวัน

ปัญหาเด็กถูกทิ้ง เลื้ยงดูไม่ดีเยอะมาก

เกิดจากการไม่สำรวมในกาม

เห็นว่าความเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูง จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ครับ

เป็นห่วงจัง

ธรรมรักษาโยมยรรยง

อนุโมทนาสาธุ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท