ทำไมคนชอบดูดวง
ผมเขียนบันทึกนี้เพราะเห็นว่าปัจจุบันคนชื่นชอบการดูดวงกันมากนะครับ ผมไม่ได้มีอคติใดๆ กับอาชีพนี้หรอกครับ ดังนั้นผมจึงไม่มีเจตนาที่จะตัดสินว่าการดูดวงดีหรือไม่ แต่สิ่งที่อยากจะชวนผู้อ่านคิดก็คือ "ทำไมเราจึงชอบการดูดวง" ครับ
ผมคิดได้ประมาณ 8 ข้อครับ
1. คนคงมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่ามนุษย์เรามีความสูงส่งกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ทำให้ต้องมีอำนาจหรือกลไกวิเศษบางอย่างทำให้เราไม่ต้องตกอยู่ภายใต้กฏของธรรมชาติได้ หรือแม้ว่าเราอยู่ภายใต้กฏธรรมชาติ ก็อาจมีวิธีพิเศษที่หลีกเลี่ยงภาวะที่เราไม่ต้องการบางอย่างได้ครับ
2. คนคงเชื่อว่ามีสิ่งที่สูงส่งกว่ามนุษย์ที่บันดาลให้ชีวิตเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ถ้าอำนาจหรือสิ่งนั้นพอใจ ก็อาจเผยให้เรารู้เป็นนัยๆ ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราจะได้เตรียมตัวถูกครับ
3. เวลาที่เราอายุน้อย มีทรัพย์สินน้อย ไม่มีภาระรับผิดชอบมากนัก เรียกว่ามี “ต้นทุนชีวิตต่ำ” เราสามารถแบกรับความเสี่ยงได้มากขนาดหนึ่ง แต่เมื่ออายุมากขึ้น มีการศึกษา มีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีทรัพย์สมบัติ มีบริวาร เรียกว่ามี “ต้นทุนชีวิตสูง” เราก็มีสภาวะที่รักชีวิตและหวงแหนทรัพย์สิน ทำให้ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยลง หรือไม่อยากมีความเสี่ยงใดๆ อีกเลย การดูดวงจะช่วยคลายกังวลในเรื่องของความเสี่ยงครับ รวมถึงกระตุ้นให้บางคนวางแผนรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ได้ ข้อนี้อธิบายว่าทำไมคนรวย นักการเมือง ดารา ถึงชอบดูดวงครับ
4. บางทีสังคมเราชอบทางลัดนะครับ ทุกคนรู้ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต จะร่ำรวย จะต้องทำงานหนัก จะต้องพัฒนาตัวเอง แต่มันอาจจะใช้เวลานานเกินไป อย่างเรียนหนังสือต้องเรียนเป็นสิบๆ ปี จบมาก็ต้องเริ่มทำงานในตำแหน่งต่ำสุดก่อน กว่าจะเป็นเจ้านายก็ใกล้ถึงฝั่งซะแล้ว ผู้คนในสังคมบางทีอยากได้ดีแบบฉับพลัน อยากประสบความสำเร็จในทันที หรืออยากรวยพรุ่งนี้เลย ทำได้ป่าวครับ
5. สังคมไทยชอบทางแก้ง่ายๆ ชอบคำตอบหรือคำอธิบายที่ไม่ซับซ้อนครับ การดูดวงก็ได้รับการออกแบบให้มีคำตอบสำหรับชีวิตที่เข้าใจได้ง่ายไม่ซับซ้อนเกินไป และบางครั้งก็ดูเหมือนจะมีทางออกหรือทางแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิด หรือผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ
6. มนุษย์โลกชอบหาความสัมพันธ์ระหว่างของสองสิ่งขึ้นไปไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ครับ หลายคนคงมีประสบการณ์ที่จิตแพทย์เอารูปเลอะๆ มาให้ดูแล้วถามว่าเห็นรูปอะไรบ้างนะครับ เราอาจเห็น นู่น นี่ นั่น มากมาย บางคนตอบกวนๆ แค่ว่าเห็นภาพสีเลอะๆ หรือสมัยเด็กๆ ครูให้ต่อจุดลากเส้น เราก็ลากเป็นรูปได้เป็นตุ๊เป็นต๊ะ นั่นแหละครับ มันเหมือนเวลาเกิดเรื่องร้ายๆ แล้วเราเอามันไปสัมพันธ์กับพฤติกรรมของเราบางอย่างในอดีต หรือเวลาที่คนมาชี้นำว่ามันเป็นอย่างนั้นเพราะไอ้นั่นมันเป็นอย่างนี้ แล้วจิตเราก็ทำหน้าที่ต่อจุดลากเส้นให้ เราก็เผลอพูดไปว่า “อ้อ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย” ในทางกลับกัน เมื่อมีคำทำนายมาก่อน พอเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงเกิดขึ้นทีหลัง เราก็หาความสัมพันธ์ได้ทันทีครับ
7. ความไม่รู้ ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคง ความรัก ความหลง ความสูญเสีย ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความกลัวและความวิตกกังวล ซึ่งทำให้เกิดความทุกข์ ความเศร้าหมอง และความไม่สบายใจ ในทางพุทธศาสนา เราต้องฝึกตนให้รู้จักปล่อยวาง ให้หลุดจากวงจร รัก โลภ โกรธ หลง แต่ทางนี้มันทำได้ยากมากๆ แม้ผู้ทรงศีลยังใช้เวลาฝึกนานๆๆ บางท่านก็ยังทำไม่ได้ วิธีลัดในทางดับทุกข์คือต้องทำเป็นว่ารู้ ทำเป็นว่ามั่นคง ทำเป็นว่าแน่นอน หรือถ้าทำอย่างนั้นไม่ได้ก็ต้องมีทางออกที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ใช้เวลานานมากเกินไปครับ
8. ในโลกวัตถุนิยม บางทีเราขาดศรัทธาและเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจครับ การดูดวงก็ช่วยให้จิตใจมีที่พึ่งที่พักพิง ทำให้ชีวิตพอจะดูมีความหวังอยู่บ้างนะครับ
ผมคิดว่าดูดวงก็สนุกดีนะครับ แต่อย่าดูจนติดงอมแงม และปัญหาบางอย่างมันก็ไม่มีทางออกง่ายๆ ผมแนะนำว่าทางที่ดีอีกทางนึงคือ เราทุกคนควรเข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรมะ ทำสมาธิ สติมาปัญญาเกิดครับ จะได้เห็นทุกข์และเหตุของทุกข์ และเห็นไปถึงวิธีดับทุกข์ครับ เมื่อดวงตาเห็นธรรม ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขได้ครับ
ความเห็น (7)
- ฮ่าๆๆๆๆๆ
- ผมจำรูปใหม่อาจารย์ไม่ได้
- เล่นเปลี่ยนรูป
- ไม่ค่อยกล้าดูดวงครับ
- เพราะหมอชอบดูว่า
- ดวงจะเป็นเอกพจน์
- อิอิๆๆๆๆๆ
- หมอมาดูดวงว่า
- ไม่รุ่งทางเป็นนักดนตรีครับ
- อิอิๆๆๆๆๆๆ
- ฟันทิ้ง เอ้ยฟันธง
- ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
หนูเป็นคนหนึ่งที่ชอบดูดวงค่ะ บางครั้งเสียเงินไปหลายตังค์เหมือนกัน แต่ก็มีความสุขดีนะคะที่ไปให้เขาทักอย่างนั้นอย่างนี้ ๘ ข้อที่อาจารย์บอกมารู้สึกว่าถูกหมดเลยนะคะ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆแบบนี้
ไม่ชอบดูดวงค่ะ เพราะตอนเด็กเคยดูดวง แล้วไปเถียงหมอ จนหมอระอาแก่ใจ ...
ก็รู้ๆ อยู่ ว่าหมอเดา ชัดๆ ... แม้ตอนนี้ เห็นน้องๆ ไปดูดวงไพ่
เราก็ตามไปแอบดู แล้วสังเกต โห อย่างนี้เราก็ดูเองได้ สรุปว่าชอบดู หรือเปล่าไม่ทราบนะคะ :)
ส่วนใหญ่ ผู้หญิงชอบดูดวงค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
ผมเป็นคนนึง ที่ค่อนข้างหลง งมงายกับพวกแบบนี้
สมัยก่อนมีหมอดูทักไม่มีแบบนั้นแบบนี้ แรก ๆ ก็กลัววิตกจริต (ในสิ่งที่ยังไม่เกิด)
แต่ตอนนี้
เริ่มคิดใหม่ ใครทักอะไรมา ก็ ...หรอ อืมมมม... และพยายามเริ่มวาง
คือค่อนข้างเริ่มปลงแล้ว
ไม่หวังอะไรกับชีวิตมาก
แค่เศรษฐกิจพอเพียง ปฏิบัติตัวเป็นคนดี ต่อตัวเอง และไม่เบียดเบียนคนอื่น
ชีวิตไม่เป็นโรค ไม่มีหนี้สิน ก็สบายใจแล้วครับ
"ทางที่ดีอีกทางนึงคือ เราทุกคนควรเข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรมะ ทำสมาธิ สติมาปัญญาเกิดครับ จะได้เห็นทุกข์และเหตุของทุกข์ และเห็นไปถึงวิธีดับทุกข์ครับ เมื่อดวงตาเห็นธรรม ชีวิตก็จะมีแต่ความสุขได้ครับ"
ผมชอบคำทิ้งท้ายของอาจารย์มากครับ
ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม
ขอบคุณที่มาแบ่งปันประสบการณ์ครับ