LiBraRianCSR!!!
นาย รัชชานนท์ เจริญเกียรติสถานนท์

"บุรุษไปรษณีย์" สินทรัพย์อันมีค่า


"บุรุษไปรษณีย์" สินทรัพย์อันมีค่า

"บุรุษไปรษณีย์" สินทรัพย์อันมีค่า

"ไม่มีใครรู้จักเอเชียดีเท่าเรา" เป็นสโลแกนโฆษณาติดหูของ DHL ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งระดับโลกจากเยอรมนี ซึ่งมีให้เห็นกันตามสื่อต่างๆ แต่อาจจะต่างกับคำพูดที่ว่า "ไม่มีใครรู้จักเมืองไทยดีเท่าเรา" ซึ่งออมสิน ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส (ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ) ไปรษณีย์ไทยพยายามชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยในวันนี้

หากใครหาบ้านหลังไหนไม่เจอ การโทรศัพท์สอบถามไปยังที่ทำการไปรษณีย์จะช่วยให้ใครหลายคนพบเป้าหมายบ้านเรือนที่ต้องการในที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าการรู้จักเมืองไทยได้ดีที่สุดของไปรษณีย์ไทยกลับกลายเป็นหน้าที่ของบุรุษไปรษณีย์ ที่แม้แต่คนรับใช้ก็ยังไม่กลัวว่าจะมาปล้น หรือสุนัขเฝ้าบ้านก็ยังไม่เห่า เมื่อไปเยือนที่หน้าบ้านหลังใดก็ตามในประเทศ

เมื่อหน้าที่ของการรู้จักเมืองไทยตกไปอยู่ในมือของ "บุรุษไปรษณีย์" ทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงระบบการจัดเก็บสินทรัพย์ที่ถือว่ามีค่าที่สุดของไปรษณีย์ไทย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของ "ข้อมูลบ้านเรือน" ของคนไทย ขึ้นมาในทันที

ทุกวันนี้สินทรัพย์ที่ว่ากลับไม่ได้ถูกจัดเก็บเป็นระบบอย่างที่คิด ข้อมูลของลูกค้าหรือ Customer Database ของไปรษณีย์ไทยที่ถือว่าครบถ้วนแล้วสมบูรณ์ที่สุด กลับกลายเป็นข้อมูลผู้ที่สะสมแสตมป์ หรือข้อมูลผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกเงินฝากเพื่อการสะสมตราไปรษณียากรเท่านั้น ขณะที่ข้อมูลบ้านเรือนของประชาชนว่าอยู่ตรงไหน บ้านเลขนี้ตรงนี้อยู่บริเวณใด กลับถูกจัดเก็บไว้ในหัวสมองของบุรุษไปรษณีย์แต่ละคน

ด้วยความที่เคยชินในการรับ-ส่งจดหมายแทบทุกวันบุรุษไปรษณีย์มือใหม่ มักจะต้องนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รุ่นพี่ ตระเวนไปตามพื้นที่ที่รับผิดชอบก่อนการทำงานเสมอ และเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ บุรุษไปรษณีย์หลายคน จึงสามารถคัดแยกจดหมายลงช่องตามเส้นทางการส่งได้โดยอัตโนมัติ ว่าบ้านหลังใดมาก่อนกัน และพื้นที่ไหนใกล้ไกลกว่ากัน โดยไม่ต้องดูแผนที่แต่อย่างใด

ดังนั้น บุรุษไปรษณีย์จึงกลายเป็นสินทรัพย์ และคลังข้อมูลอันมีค่าของไปรษณีย์ไทย แต่ไปรษณีย์ไทยกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากคนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากไปกว่าการทำหน้าที่จัดส่งจดหมาย หรือพัสดุภัณฑ์เท่านั้น ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่ว่าข้อมูลถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจสมัยใหม่ก็ตามที และเพิ่งจะเริ่มต้นทำการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าของตนเอง และไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้เวลาอีกนานเท่าใดข้อมูลเมืองไทยที่ไปรษณีย์รู้จักดีที่สุดจะมีอยู่อย่างครบถ้วน   

 

คัดลอกจากเว็บไซต์ www.gotomanager.com

คำสำคัญ (Tags): #บุรุษไปรษณีย์
หมายเลขบันทึก: 238173เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2009 16:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2012 00:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ปัจจุบัน ปณท ไม่เรียกเจ้าหนี่ที่นำจ่ายว่า "บุรุษไปรษณีย์" แล้ว นัยว่าบุรุษไปรษณีย์มีหน้าที่แคบคือทำหน้าที่นำจ่ายไปรษณียภัณฑ์ และพัสดุไปรษณีย์ (ไปรษณียภัณฑ์ได้แก่ จดหมาย ไปรษณียบัตร สิ่งตีพิมพ์ พัสดุย่อย และเครื่งอ่านสำหรับคนเสียจักษุ ส่วนพัสดุไปรษณีย์ได้แก่สิ่งของที่มีลักษณะเป็นกล่อง หีบห่อไม่มีจดหมายข้างใน รวมถึงไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS)) แต่ได้เปลี่ยนชื่อตำแหน่งใหม่เรียกว่า "พนักงานนำจ่าย" หรือ จนจ.(กรณีเป็นพนักงาน Delivery Officer) และ "เจ้าหน้าที่นำจ่าย" กรณีเป็นลูกจ้างประจำ (Delivery Worker)โดยขอบข่ายหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นำจ่ายนั้นจะไม่จำกัดเฉพาะส่งไปรษณียภัณฑ์และพัสดุไปรษณีย์เท่านั้น แต่มีหน้าที่นำจ่ายสิ่งของส่งทางไปรษณีย์ทุกชนิด ในส่วนของผมยังเสียดายคำว่า "บุรุษไปรษณีย์" เพราะความหมายมีเอกลักษณ์เฉพาะตนมายาวนาน แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็น "พนักงานนำจ่าย" หรื "เจ้าหน้าที่นำจ่าย" ในสายตามของชาวบ้านผู้ใช้บริการก็ยังเรียกบุคคลดเหล่านี้ว่าส "บุรุษไปรษณีย์" เช่นเดิม

ประชาชนที่ชอบไปรษณีย์ไทยมาก

เห็นสมควรอย่างยิ่ง ที่คงใช้ชื่อบุรุษไปรษณีย์ และไม่สมควรอย่างยิ่ง

ที่ใช่ชื่อบริษัทไปรษณีย์ไทยหมดคุณค่ามาก

นายวิชัย เชื้อพานิชย์

    เป็นเรื่องที่ น่าแปลกว่า นิตยสารชื่อดัง  เอาไปเขียนซะใหญ่โต  ในการสรรเสริญเยินยอ บุรุษไปรษณีย์ หรือ พนักงานนำจ่ายของเรา  แต่...ผู้บริหารของเรา  กลับให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้  น้อยเกินไป  กว่าที่ควรจะเป็น

      ในส่วนตัวผมว่า  เราน่าจะใช้ประโยชน์  จากบุคคลากรกลุ่มนี้  ให้มากกว่าทุกวันนี้เพราะคนกลุ่มนี้  จะออกปฎิบัตองานในพีืนที่เมือง  คลอบคลุมได้หมด  ทุกจารางกิโลเมตร  เขาจะคุ้นเคย  กับคนในพื้นที่  รู้ข้อมูล ในเรื่องที่เราคาดไม่ถึง เช่น  บ้านไหน ใช้รถอะไร  มีสมาชิก กี่คน  นามสกุลอะไร  มีหนีสิน มากน้อย แค่ไหน เพราะเขาจะส่งเอกสารทางการเงิน  ให้ เช่น ใบทวงหนี้  ในตราสารหุ้น  ของคนเหล่านี้

        ในฐานะที่ผมเคยเป็นหัวหน้านำจ่ายมาหลายปี  จึงคุ้นเคยกับ  คนกลุ่มนี้เป็นอย่างดีผมเคยเทรนด์ให้เขาเอาของไปขาย  เช่น กรอบรูป ตราไปรฯ กล่อง ซอง  ของเรา  ปรากฎว่า  เขาทำได้  และทำได้ดีด้วย  มาระยะหลัง  ผมออกมาแล้ว  ปรากฎว่า ลูกน้องเก่าที่ผมเคยเทรนด์มา  สามารถ ขายลิ้นจี้ และ ลำใยได้มาก กว่าที่อื่น อีก

       ผมจึงติดเล่น ๆ ว่า  ทำไม  ปณท  ไม่หา นักขายมือทอง  มาเทรนด์  คนกลุ่มนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย  ผมว่า เขาน่าจะทำประโยชน์  ในการขายสินค้า  ให้เราได้มาก  และอาจต่อยอด  ไปในเรื่องอื่น ๆ ได้อีกมหาศาลเลยครับ

หากบังเอิญ ข้อเขียน ของผมนี้ ได้ไปกระทบต่อมรับรู้  ของผู้มีอำนาจ  ท่านใด ท่านหนึ่งเข้า  ผมก็ขอฝากให้รับไปพิจารณาด้วยครับ

 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท