ความฉุกใจในเรื่องนี้แล้วอยากมาเขียนเป็นบันทึกสอบถามความคิดเห็นของเพื่อน ๆ กัลยาณมิตรทุกท่าน ... สาเหตุจากการที่ผมนั่งทำหลักสูตรปริญญาตรีครู 5 ปีแล้วมีอยู่หัวข้อหนึ่งคือ รายชื่อและผลงานวิชาการของอาจารย์พิเศษ
หัวหน้าสาขาวิชาให้นำชื่อและผลงานของอาจารย์พิเศษที่เคยยื่นใบสมัครไว้มาใส่ประกอบในแบบเสนอหลักสูตร
ผู้ยื่นท่านหนึ่ง ทำวิทยานิพนธ์ตอนเรียนปริญญาโท
หัวข้อ "การสร้างไฮเปอร์บุ๊ค กระบวนวิชา ........................................."
<< เป็นกระบวนวิชาหนึ่งในการเรียนระดับปริญญาโท >>
แรก ๆ ก็คิดว่า คงเป็นท่านนี้คงเรียนแผน ข (2) คือ ตัวจบเป็น IS หรือ การศึกษาค้นคว้าอิสระ
พอกำลังจะเริ่มพิมพ์อีกท่าน
หัวข้อ คือ "การสร้างไฮเปอร์บุ๊ค กระบวนวิชา ........................................."
<< เป็นคนละกระบวนวิชากับท่านแรก >>
โห !!! เป็นการพัฒนานวัตกรรมเดียวกันเลย แต่เปลี่ยนแค่เนื้อหาที่เลือกทำ
ทำให้ความทรงจำผมผุดขึ้นมาว่า อืมม เคยเห็นนักศึกษาปริญญาโทรุ่นนี้ทั้งรุ่น มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทำหัวข้อเรื่องเดียวกันนี้ทั้งรุ่น เปลี่ยนเฉพาะชื่อกระบวนวิชาเท่านั้น
สมัยก่อนตอนที่ผมเรียนปริญญาโท ตอนที่ผมค้นคว้าหาข้อมูลมาทำวิทยานิพนธ์ ผมก็เคยเห็นนักศึกษารุ่นเก่า ๆ ทำแบบนี้ครับ ทั้งรุ่นทำเรื่องเดียวกัน แต่เปลี่ยนตัวแปรบางตัว ก็เป็นเรื่องใหม่ไปแล้ว
เช่น "สภาพ ปัญหา และความต้องการการใช้สื่อการสอนของบุคลากรโรงเรียน ............................." << เปลี่ยนเฉพาะโรงเรียนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเท่านั้น >>
เป็นแบบนี้ทั้งรุ่น ... มันน่าภาคภูมิใจตรงไหนไม่ทราบ
ถามว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบความคิดแบบนี้ครับ ???
หากผมได้มีโอกาสถามเขาเหล่านี้ ผมอาจจะได้คำตอบ ...
ผมมองด้วยความเห็นส่วนตัวว่า ... ผมคงยอมรับวิธีการคิดแบบนี้ได้ยาก ผมคิดว่า มันไม่สร้างสรรค์และไม่ได้แสดงศักยภาพของความเป็นบัณฑิตศึกษาแต่อย่างใด แถมบางทีอาจจะนั่งทำวิทยานิพนธ์กันเป็นกลุ่ม ๆ อีก ลอกกันไป ลอกกันมา เพราะเนื้อหาหลายส่วนเหมือนกัน ปรับแค่ส่วนที่ไม่เหมือนกับเพื่อนเท่านั้น
หากเป็นการจบการศึกษาระดับปริญญาโท ก็คงหวังว่า การเรียนต่อระดับปริญญาเอกคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แล้วคุณว่า ประเทศชาติและสังคมของเราจะได้คนแบบไหนเป็นมันสมองของประเทศ ?
ผมมองอีกว่า ะปัญหานี้หมักหม่มมานานแสนนาน คู่กับวงการการศึกษาระดับสูงของประเทศนี้มานาน น่าจะมาช่วยกันหาทางแก้ไขกันนะครับ จึงเลือกเขียนบันทึกนี้ขึ้นมา
ผมอาจจะเป็นคนคิดมากและเป็นแค่คนส่วนน้อยที่คิดขวางโลกแบบนี้ ... ขออภัยด้วยใจจริงครับ
ขอพูดคุยและต่อยอดคำถามและความคิดเห็นด้วยความสุภาพเท่านั้นนะครับ
ขอบคุณครับ :)
ตรงใจเป๊ะเลยครับ
ถ้าการศึกษาของไทยเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อนาคตประเทศไทยน่าหดหู่ครับ
ทุกวันนี้เด็กในระดับมัธยมก็ไม่มีความต้องการอนาคต ไม่รู้จักคำว่าการศึกษาคืออะไร และบางทีก็ต้องโทษครูผู้สอนและผู้ปกครองด้วย
สมัยก่อน เด็กรุ่นผมจะเกเรอย่างไรก็มีความต้องการจบการศึกษาตามระดับ จะโดดจะเรียนอย่างไรก็ขอให้จบ ม.ศ.๓ หรือ ม.ศ.๕ คือมีหลักอยู่
เด็กเดี๋ยวนี้ไม่สนใจ ติด ร. กี่วิชา ครูตามให้ไปสอบก็ไม่ไป ครูให้ส่งรายงานก็ไม่ส่ง ไม่เคยสนใจเลยว่าถ้าไม่จบระดับนี้อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จนครูก็ทนไม่ได้ทำให้เสร็จ แล้วก็ให้คะแนนไปเพื่อมันจะได้จบๆเสียที แถมผู้ปกครองก็อีก ครูไปจ้ำจี้จ้ำไชลูกมากก็ไม่ได้โกรธครูเสียอีก เดี๋ยวนี้ที่ภูเก็ตครูคนไหนให้การบ้านมาก ผู้ปกครองก็ช่วยลูกด่าครูอีก เวรกรรม...เฮ้อ..
สวัสดีครับ ท่าน อัยการชาวเกาะ :)
หดและหู่มากเช่นกันครับท่าน ... การศึกษาภาพรวมทุกระดับของเราไม่ค่อยประทับใจครับ มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เป็นตัวต้นเหตุของ "วิธีคิด" เอาแต่ตัวเองแบบนี้
"ครูดี" ก็เหนื่อย เพราะครูทั่วไปจะบอกว่า "ทำไปทำไมเหนื่อยเปล่า ๆ"
สงสาร "ครูดี" ครับ ... เสียกำลังใจกันหมด
เคยส่งนักศึกษาไปฝึกสอนโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง ... เด็กเกเรมาก บอกลูกศิษย์ผมว่า เดี๋ยวจะบอกพ่อให้เอาครูออกจากโรงเรียน
ดูมานครับ ... อันนี้ประถมศึกษานะครับ
ดังนั้น ไม่ต้องห่วงภาพที่เกิดขึ้นที่ระดับบัณฑิตศึกษาครับ ... เละเทะเกินจะเชื่อได้ หากไม่ได้สัมผัสจริง
ขอบคุณครับ ท่าน อัยการชาวเกาะ :) ด้วยความจริงใจ
สาเหตุมาจากหลายปัจจัยและมองได้หลายมิติครับ
<<<ผู้วิจัย>>>
1.เป็นไปได้กับระบบแนวคิดแบบที่ว่า
2.ความสำคัญระดับต้นๆ คือ "จิตใต้สำนึก" ของคนที่จะทำวิจัย จรรยาบรรณมีมั๊ย ถ้ามีแล้วระบบแนวคิดที่ว่าก็คงเกิดแต่อาจจะเกิดน้อยหน่อย การคัดลอกงานวิจัยด้วยแล้วยิ่งน่ากลัว
3.ถามว่าจะทำวิจัยเพื่อ(แค่)จบหรือว่าต้องดีเลิศ ตอบว่าจะทำทั้งสองอย่าง
4.คำสบประมาท "จบได้ไง" ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง สงสัยจ้างคนอื่นทำหรือทำ “เอกสารประกอบการจบ” แหง๋...
5.คงจะไม่มีใครมาว่าเราแน่นอน อย่างน้อยต้องรู้เรื่องที่ตัวเองทำมากกว่าคนอื่นๆ
<<<อาจารย์ที่ปรึกษา>>>
1.หัวข้อวิจัยที่ทำต้องผ่านการปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาแน่นอน
2.แสดงว่าทั้งสองคนเห็นด้วย แต่อย่าลืมว่า นศ.ป.โท ด้อยประสบการณ์เกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัยหรือถ้ามีก็น้อย และแต่ละคนมีศักยภาพแตกต่างกัน
3.ยังคงจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำ คอยชี้แนะในทางที่ถูกที่ควรจากอาจารย์ที่ปรึกษา “แม่พิมพ์” ที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากแม่พิมพ์ครับ ขออภัยที่แสดงความเขลาครับอาจารย์
มิเขลาแต่ประการใดครับ คุณ ไทบ้านผำ :)
ชอบใจอย่างยิ่ง ที่ได้วิเคราะห์และเรียบเรียงอย่างตรงไปตรงมา ครับ
"แม่พิมพ์" ที่ดีหรือครับ ... ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นเรื่องปกติ ครับ
จิตสำนึก อุดมการณ์ จุดยืน สำคัญมากสำหรับผู้เรียนระดับสูง ครับ ผมเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ ครับ
ด้วยจิตคารวะในความคิดนี้
ขอบคุณมากครับ :)
บรรทัดฐานจิตใต้สำนึกของแต่ละบุคคลต่างกันค่ะอาจารย์
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น..ถ้าประเทศเรามีระบบการศึกษาที่มีมาตรฐานเดียวกัน
ศักดิ์และศรีของความเป็นคนหรือแม้กระทั่งสัตว์ย่อมเท่าเทียมกัน..
ขอบคุณค่ะ
ขอภาวนา อย่าให้การศึกษากลายเป็นธุรกิจเลยค่ะ
ประเทศชาติจะล่มจม
กลัวว่าคนทำดี จะท้อแท้
ลูกหลานจะกลายพันธุ์
อยากพูดพูด..
อึดอัด คับข้องใจ อีกหลายเรื่อง....
เกรงใจอาจารย์
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณมากครับ คุณ ครูแม่มด :) ...
ขอโฟกัสชัด ๆ เลยครับ
"บรรทัดฐานจิตใต้สำนึกของแต่ละบุคคลต่างกัน"
ความเป็นจริงที่เจ็บปวดนะครับ
หากประเทศใดมีคนที่มีจิตใต้สำนึกดี ๆ ประเทศนั้นคงเจริญก้าวหน้าและสงบสุขแล้วนะครับ
คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ครับ ... มีสิ่งใดอยากระบายระบบที่มันน่าคับข้อง ก็พูดเถอะครับ ... แต่ให้คำแนะนำว่า นำศิลปะการเขียนที่แนบเนียนมาใช้ จะทำให้แรงกระแทกมันเบาลงนะครับ
สำหรับวิธีการเขียนของผม ... อิ อิ ... เลียนแบบไม่ได้ครับ มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนักสำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่
เรารู้จักกันมาเป็นเวลานับปีแล้วครับ น่าจะรู้จักผมบ้างเนอะ ตรงไปตรงมา น่าคบหามากกว่าครับ
(วันพุธนี้ ผมจะไปแข่งเปตองที่นครสวรรค์นะครับ อิ อิ ... พบกันตามโชคชะตาและวาสนานะครับ)
ไม่ต้องเกรงใจครับ :)
เราก็รู้จักกันมานับปีจริงๆค่ะ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่านะคะ
โฮ ..สนามเปตองมีหลายสนามนะคะ
ต้องการกรรมการหรือพี่เลี้ยงหรือเปล่า
ขอบอกว่าเป็นนักกีฬาเปตอง nu นว.นะคะ
กรรมการเปตอง กีฬาต้านยาเสพติด ของอบต. นักเรียน - เยาวชน หุหุ...
ตามไปเชียร์ก็ได้ค่ะเดี๋ยวจะชวนน้องๆที่ มรภ.นว.ไปด้วย 555
สวัสดีครับ
ผมค้นจาก ThaiLIS เจอแบบนี้เหมือนกัน
ก็สงสัยอยู่ ว่าทำไมหัวข้อมันมาพิมพ์เดียวกันหมด ทั้งรุ่นเลย
แต่ว่า ไม่ใช่เรื่องไฮเปอร์บุ๊ค อิๆๆ
หุ หุ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ... ทราบที่แข่งเสียด้วย
เออคือว่า ไม่ต้องเชียร์หรอกครับ โยนให้ใกล้แก่นอย่างเดียว ตีไม่เคยโดนสักกะที อิ อิ :)
ขอบคุณ อาจารย์ ธ.วั ช ชั ย :)
แหม ค้นจาก ThaiLIS กันเลยหรือครับ ...
ผมเองก็งงเหมือนอาจารย์ครับ เป็นมา 20 - 30 ปีแล้วครับ
ปัจจุบันคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้ดิบได้ดีหลายคนครับ
บางคนเรียนจนจบปริญญาเอก บางคนมีตำแหน่งวิชาการ เป็น ผศ. รศ. แต่หากกลับไปดูงานตอนเรียนปริญญาโท จะตกใจกับความเหมือนเปี๊ยบมาก ครับ
ขอบคุณครับ ไม่ใช่ ไฮเปอร์บุ๊คก็ดีแล้วครับ อิ อิ ไม่งั้นผมโดนต่อว่าแน่ ๆ
สวัสดีค่ะอาจารย์ ^_^
สวัสดีครับ น้องคุณครู เทียนน้อย :)
ประเด็นที่เสนอมา :
"อาจารย์ที่มีโควต้ารับเป็นที่ปรึกษานักศึกษามีน้อย...งานเยอะ การทำเรื่องคล้าย ๆ กัน ดูแลง่าย"
ใช่นะครับ ถือเป็นการบริหารและความรับผิดชอบของอาจารย์ผู้นั้น
แต่บริหารอย่างไรถึงไม่คิดถึงผลที่ตามมา เยอะเกินไป คุณภาพก็ต่ำลง เพราะดูแลไม่ทั่วถึงใช่ไหมครับ
แบบนี้ผมก็เห็นนะ อย่างที่มอนี่ ท่านหนึ่งมีโควต้าไม่เกิน 5 คน (แต่ไม่รวมมหาวิทยาลัยข้างนอกอ่ะดิ แบบนี้เกินแหง ๆ)
เก่งมาก ๆ เลยนะ ชอบ ๆ
ขอบคุณครับ :)
รางวัลชนะเลิศ รูปซ้ายมือคือต้นฉบับ จากงาน CarDesignNews เมื่อเดือน ก.ค. 2008 ขวามือของเด็กไทย ส่วนคันสีส้มด้านล่างก็อบมาสด้า ที่เซ็งคือเป็นเด็กคนเดียวกัน...ทำไมกล้าขนาดนี้(อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะจริยธรรมทางการออกแบบ?)
PANTIP.COM : A7262343 คุยกับสองหนุ่ม "เฟี้ยว"เจ้าของรางวัล“iDream ...
ตอนนี้ทำใจแล้วค่ะว่าเป็นแค่เสียงเล็กๆเสียงนึงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบได้...คงต้องรอให้เวรกรรมเป็นเรื่องตัดสิน...ความลับไม่มีในโลกอินเทอร์เน็ตค่ะ...เราเตือนคุณแล้ว
โห ไม่ผิดหวังเลยที่ผมส่งเทียบเชิญให้อาจารย์ naree suwan มาร่วมตลุยประเด็น เหมือน "ชายโง่ย้ายภูเขา" กันสองคนหรือเปล่า 555
ผมมองเห็น "ความกล้าบ้าบิ่น" อย่างผิดของผู้มีการศึกษาทุกระดับและทุกอาชีพ ... เห็นความคิดเห็นอาจารย์ สมบูรณ์กว่าบันทึกอีกครับ
ข้อมูลที่อาจารย์เก็บรวบรวมมานี้ สมบูรณ์มากนะครับ
อนาคตรัฐบาลจะเชิญอาจารย์ไปอยู่ฝ่ายตรวจสอบผลงานวิชาการและงานวิจัยแห่งประเทศไทย อิ อิ
หากที่ทำงานผม มีผู้บริหารที่สนใจเรื่องพวกนี้บ้างสักคนก็คงจะดี ... มั่วแต่ไปชิงไหวชิงพริบกับเก้าอี้ตัวใหม่ ๆ กันอยู่ ...
"ชายโง่ยังขอเพียรพยายามย้ายภูเขา" อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ครับ
ขอบคุณอาจารย์มากครับ :)
ไม่ใช่เฉพาะวิทยานิพนธ์หรอกค่ะอาจารย์ แม้แต่แผนปฎิบัติการประจำปีของโรงเรียน แผนกลยุทธิ์ของโรงเรียนถ้าดูกันจริงๆ เปลี่ยนแค่ชื่อโรงเรียนค่ะ อะไรจะวางแผนได้เหมือนกันขนาดนั้น แต่เราผึ้งงาน 1 ตัว หรือจะสู้นางพญาผึ้งและองค์พิทักษ์ความชอบได้ ให้กำลังใจค่ะท่าน
หุ หุ ก็ว่าอาจารย์ naree suwan คงยุ่ง เพราะเห็นได้หายหน้าไป :)
กะว่า ส่งเทียบเชิญไป อีกสักเดือนค่อยแวะมาดูคำตอบ อิ อิ ไฉนเร็วรี่ขนาดนี้ อิ อิ
อาจารย์ครับ ... อัตตา หัวโขน ตำแหน่ง อำนาจ วาสนา ทำให้คนที่ได้รับโอกาสเป็นกรรมการหลงลืมไปครับ นึกว่า อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ตนเองทั้งหมด
โลกเรา... ส่งยานอวกาศขึ้นอยู่ดวงจันทร์แล้วครับ
เด็กเดี๋ยวนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายพอที่จะหลอกครูบาอาจารย์ได้ แค่คำว่า เอาตัวรอดเป็นยอดเลว แค่นั้นเองครับ
ครูรู้ไม่ทัน ก็บอกว่า ครูใจดี ครูรู้ทัน ก็บอกว่า ครูใจร้าย
ผม ... ใจร้าย ครับ
อาจารย์ท่องโลกหามุมมองใหม่ ๆ ดีแล้วครับ กรรมการอะไรนั้น ไม่เป็นก็สบายแล้ว เพื่ออาจจมีคำตอบของชีวิตอยู่ในภายภาคหน้าไงครับ
ขอบคุณครับ อาจารย์ :)
ใครทำชั่วทำไม่ดีเอาไว้ เราก็เลือกไม่ทำตามไงครับ คุณครู ทรายชล :)
เลือกทำแต่กรรมดี ความดีก็จะอยู่ที่ตัวเรา :)
...
ทำจาย ค่ะ ครูเสือใจร้าย แต่ให้อภัยได้ เพราะ :) ๆ แยะ ๆ
เป็นตั้งแต่ ระดับมัธยม ในรร. เมือง ระบาด ถึง ชนบท เลยค่ะ
...
มารอ ผล การแข่งขัน โยนลูกเหล็ก ของอ. เป็นไงบ้างคะ
ว่าแล้ว ทำไมวันนี้อ. เสือ เงียบ ผิดปกติ อิ อิ ... :)
...
อย่าเครียดนะคะ เดี๋ยวน้ำหนักลด ... ไปวิ่งรอบต้นไม้กับปูดีกว่าค่ะ
ที่นี่คะ
พยายามทำอยู่นะนี่ คงไม่ใช่เพื่อหน้าที่เพราะหน้าที่หรอกนะ แต่ทำเพื่อดี ที่มีอยู่ อย่าท้อเลย
กลัวอะไร
หวั่นอะไร
เหมือนเราก็มีเยอะ
เหมือนเช่นเขาก็มีเยอะ
สร้างเราเป็นพวกเขาเพื่อทดแทนน้ำขุ่นข้น ให้ออกไป
ด้วยกำลังใจที่มี
ด้วยแรงแห่งศัทธา
ในขณะที่ก้าวย่าง ก็ชำเลือง แลพวกมัน เป็นอาจม ของสังคมไป
ขอบคุณครับ คุณ poo ที่แวะมาเน้นย้ำ "ความใจร้าย" ให้เป็นที่ประจักษ์ :) แหม ... เปตองแพ้เรียบครับ สู้ความเอาจริงเอาจังของสถาบันอื่นเค้าไม่ได้ ... จริงจังจนดูความสัมพันธ์จะเป็นเรื่องรองไป น่าเสียดาย
ขอบคุณครับ คุณ Sila Phu-Chaya ...
คนเดี๋ยวนี้ ยิ่งเรียนสูง เรียนโตขึ้น ยิ่งมีงานทำใหญ่โต มักจะไม่ค่อยยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น โดยเฉพาะคนอื่นที่พูดแล้วไม่ถูกใจตนเอง ครับ ... เจอมาเยอะ จนเบื่อหน่ายพอสมควร จะเลือกที่ไม่พูดดีกว่า ... ใช้สำนวน "ไม่เห็นโรงศพ ไม่หลั่งน้ำตา" ของโกวเล้งแทน ครับ
ขอบคุณกำลังใจจากท่าน ผู้อำนวยการ วาสนา คชไกร ... ก็คงต้องร่วมมือกันทำทุก ๆ ฝ่าย ครับ :)
เรื่องที่อาจารย์ตั้งมานั้นเป็นเรื่องที่พี่พบมากจนทึ่งเลยค่ะ ทั้งในความตื้นเขินทางความนับถือตนเองและจนปัญญาของศิษย์ และความไร้สำนึกในการสร้างคนให้เป็นพลังของสังคมและประเทศชาติ ปล่อยปละละเลย หรือรู้น้อยไม่ทันเด็กของอาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์ naree suwan ยกมาแจงได้อย่างละเอียดทุกแง่มุมอย่างคนที่อยู่วงในได้กระทบความหยาบทางการเรียนการสอน ทางปัญญา ทางจริยธรรมด้วยตนเอง เป็นภาวะที่บั่นทอนจิตใจในการทำงานของผู้ที่พยามเข็นครกขึ้นภูเขาหรือย้ายภูเขานะคะ พี่ว่าการที่อาจารย์ยกมาเขียนนี่ดีหลายอย่าง นอกจากเป็นการเปิดเผยตีแผ่การกระทำแล้วยังเป็นการให้กำลังใจระหว่างกันของครูบาอาจารย์ที่มีความสำนึกในความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยมไม่ใช่แค่นักค้าวิชาการนะคะ
ตราบใดที่สังคมไทยยังอยู่ในแนวธุรกิจการศึกษาและให้การนับถือคนที่เปลือกวิชาการ ว่าคนนี้จบปริญญาโท ปริญญาเอก ก็จะยังมีการผลิตบัณฑิตไร้ปัญญาที่ไม่ได้มีความฉลาดเชี่ยวชาญมากขึ้นกว่าเมื่อจบระดับปริญญาตรี แถมยังหลงตัวเองว่าวิเศษเพราะมีใบปริญญาสูงๆประดับ ทำลืมวิธีการตื้นเขินโง่ๆบวกไร้ความอายในการลอกเลียนงานวิชาการคนอื่นในครั้งนั้นไปสิ้น
เราจึงมีนักวิชาการ ครูอาจารย์ไม่น้อยในสังคมที่ทั้งหลงทางและหลงตน และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ขอแต่คนดี มีคุณภาพต้องมุ่งมั่นต่อไป สร้างเครือข่ายคุณภาพขึ้นให้แข็งแกร่ง สู้โดยลำพังคงหมดแรงไปก่อนค่ะ
ขอบพระคุณ พี่อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ :) ... ที่แวะให้ความรู้และประสบการณ์ตามเทียบเชิญที่ได้ขอร้องไว้ ครับ
ผมสรุปคีย์สำคัญนะครับ
... ความตื้นเขินของการนับถือตนเอง
... ความจนปัญญาของศิษย์
... ความไร้สำนึกของการสร้างและผลิตบัณฑิตของชาติ
... การไม่พัฒนาตนเองของอาจารย์ที่ทำให้ไม่รู้ทันความนึกคิดของศิษย์
... การนับถือเปลือกวิชาการ ใบปริญญาที่ไม่มีคุณค่าจริง สำหรับคนไม่มีคุณค่า
... ฯลฯ
เวลาที่ผมอยู่ในสังคมอุดมศึกษามหาวิทยาลัยท้องถิ่น ... ผมเห็น ... ดอกเตอร์ใหม่ จากมหาวิทยาลัยดัง ... ผู้ช่วยศาสตราจารย์คนใหม่ ... รองศาสตราจารย์คนใหม่
เท่าที่สัมผัสมาหลายท่าน สมควรได้รับเกียรติเหล่านั้น หากแต่มีอีกจำนวนมากที่ยังอยู่ในความคลุมเครือ ไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ เพราะพฤติกรรมการทำงานวิชาการส่วนใหญ่ยังน่าเป็นห่วง เขาจะสร้างสรรค์ผลงานวิชาการเหล่านั้นอันควรแก่ตำแหน่งฤา ... บางที่ก็คิดมากเลยเถิดไปว่า หากมีการตรวจสอบผลงานวิชาการเหล่านั้น เชื่อแน่เหลือเกินว่า มีโอกาสพบการโจรกรรมทางวิชาการอย่างมากทีเดียว
ทำให้เกิดความรู้สึกว่า หากผู้ได้รับตำแหน่งทางวิชาการ เรียนจบสูง ๆ เหล่านั้น หากทำงานร่วมกัน กลับไม่ได้แสดงศักยภาพออกมาให้เห็น คงได้นับถือเฉพาะความเป็นผู้อาวุโสมากกว่าตำแหน่งทางวิชาการที่ดูเหมือนไม่สมควรได้
หากเชิญคนเหล่านี้ไปเป็นวิทยากร ... กลับพบความนับถือเปลือกวิชาการอย่างหนัก ยกตน ทำให้ดูเหนือกว่าผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่คนในอยากหัวเราะให้ฟันหักว่า เค้าควรได้เป็นจริง ๆ น่ะหรือ
เล่ห์เหลี่ยมทางวิชาการ หรือเรียกเพราะ ๆ ว่า เทคนิคการเข้าสู่ตำแหน่ง ... บางคนใช้ระบบอุปถัมภ์เข้ามา บางคนใช้วิธีการ Lobby บางคนใช้วิธีคัดลอก โจรกรรม มั่วนิ่มมา สารพัดวิธีไม่สะอาด
น่าเป็นห่วงสำหรับสังคมไทยที่ยังเลือกนับถือเปลือกกันอยู่ และน่าเป็นห่วงวงการตรวจสอบระบบเหล่านี้ว่า เมื่อไหร่จะเข้มแข็งเสียที โอนไปเอนมา จนหามาตรฐานไม่ได้
แต่ถึงเป็นแค่เฟืองตัวน้อย ก็คงยังต้องสู้เพื่อความถูกต้องกันต่อไปครับ
ขอบคุณมากครับอาจารย์ :)
มาต่ออีกนิดค่ะอาจารย์ พี่มีเพื่อนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีการรับนักศึกษาปริญญาโทของคณะจำนวนมาก พอเขาบอกจำนวนนั้นพี่ร้อง "หา!!!" เลยค่ะ เขาขอให้พี่ช่วยอยู่ในทีมอาจารย์ที่ปรึกษา พี่ก็ไม่อยากปฏิเสธเพื่อน ขอรับแค่สองคน ยังหืดขึ้นคอ เพราะเหตุผลหลายอย่าง เห็นมาตรฐานการยอมรับได้ในงานนักศึกษาที่อาจารย์ท่านอื่นๆปล่อยผ่านได้ พี่เป็นคนนอกอึ้งมากค่ะ เดี๋ยวนี้เลยคิดหนักในการรับเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
เมื่อกระแสหลักเป็นอย่างนั้น การประเมิน การตรวจสอบเขาก็มักทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เกิดปัญหา คนที่ไปสะกิดแผลก็กลายเป็นต้องรับเคราะห์หรือกระเด็นจากวงจรของเขาด้วยซ้ำไป
คิดอย่างธรรมะก็ต้องใช้วิธีเชิดชูยกย่องคนทำดี ส่งเสริมคนที่ทำดี ให้ตัวเราได้อยู่ในแวดวงความดี จะได้มีกำลังใจ นักศึกษา หรือนักวิชาการที่เรียนต่อปริญญาโท-เอกที่เป็นคนมีความตั้งใจดี สนใจว่างานตนจะไปเกิดผลต่อการนำไปใช้ประโยชน์ในสังคมก็ยังพอมีอยู่มากเรามาช่วยกันส่งเสริมคนแบบนี้ให้จิตเราเบิกบานนะคะ
ขอบคุณครับ พี่อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ ... ร้อง หา !!! สำหรับตัวเองนี้ ช่วงหลัง ร้องบ่อยเหลือเกินครับ ... ได้แต่ยิ้มแบบเศร้า แต่สมองต้องครุ่นคิดถึงวิธีการแก้ไขปัญหา การปฏิบัติตนเองให้สอดคล้องกับจุดยืนและอุดมการณ์ภายในใจของตนเองว่า ยังทำได้ไหม ยังเข้มแข็งพอไหม หรือควรอ่อนไหว ไหวเอนไปกับสายลมแห่งความผิดพร่อง หมองใจ สายลมแห่งเงินทุน ผลประโยชน์ หรือ อำนาจของความอยากได้อยากมี
ผมถือพระราชดำรัสของในหลวงในเรื่อง "การเลือกทำดี และไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจ หรือ โอกาสที่จะทำไม่ดี เราต้องควบคุมเขาให้ได้ เพราะเราอาจไม่สามารถเปลี่ยนเขาได้"
ขอให้จิตใจเราเบิกบานในการทำความดีอย่างที่พี่อาจารย์ คุณนายดอกเตอร์ ได้อวยพรมา ครับ
ทุกปัจจัยมีส่วนรับผิดชอบครับ คุณ Sila Phu-Chaya :)
สถาบัน อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ที่ปรึกษา ตัวนักศึกษาเอง ระบบการศึกษา ฯลฯ
น่าเหนื่อยใจนะครับ :(
แต่เคยเห็นบางคนที่จบมาบอกไม่ต้องทำเอง จ้างเค้าทำ สองปีจบ
เรารู้สึกว่ามันไม่น่าภูมิใจเลยแบบนี้เอาเปรียบคนที่เค้าทำเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะจบ
เราทำแทบตายทั้งยากเหนื่อยแต่พอได้ยินคนพูดแบบนี้รู้สึกว่าเค้าจะภูมิใจที่พูดออกมาไหมนี่
ขอบคุณมุมมองของคุณ ดุจดาว มาก ๆ ครับ :)
คุณค่าของคนเหล่านี้อยู่ที่ "กระดาษใบเดียว" ครับ เป็นกระดาษที่เค้าคิดว่า ทำให้เขามีเงินทองมากมายมากขึ้น
กระดาษอาจทำให้ได้เงินทอง แต่คุณค่ายังสู้คนที่หาเช้ากินค่ำยังไม่ได้สักกะผีก ครับ
สวัสดี ครับ อาจารย์ Wasawat
ผมมาอ่านมันทึก ฉบับนี้ แล้ว โดนใจ มาก
ชอบ ที่ อาจารย์ นำเสนอ และตีแผ่
มันทำให้ หัวใจ ใคร หลาย ๆ คน แฟบลง
และหัวใจ ใตร หลายๆ คน ฟ่อลง
ถ้าคิดได้....ต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง เพราะยังไม่สาย ครับ
การศึกษา ...เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ขอบพระคุณ มากครับ
กับข้อ คิด ดี ดี ก่อนทำงาน
ชอบ ที่ อาจารย์ นำเสนอ และตีแผ่
มันทำให้ หัวใจ ใคร หลาย ๆ คน แฟบลง
และหัวใจ ใตร หลายๆ คน ฟ่อลง ฟองโต
ขอบคุณมากครับ คุณ แสงแห่งความดี :)
ถือเป็นกำลังใจ และดัชนีวัดความถูกต้องของสังคมว่า ยังมีคนคิดเหมือนผมหรือเปล่าน่ะครับ :)
ไม่มีอะไรที่สายเกินไป หากกลับตัวทัน ครับ
สวัสดีค่ะ
มาขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะคะ
แอมมี่เรียนจบโททั้งจากไทย (วิทยานิพนธ์) และอเมริกา (ไม่มีวิทยานิพนธ์)
ก็เลยรู้สึกว่า วิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาโท มันจำเป็นจริงหรือเปล่า ???
ป.โท MBA ที่อเมริกา แน่นอนว่า รายงานเยอะมากค่ะ และก็ต้องเลือกเรื่องที่สนใจเอง เพื่อนร่วมห้องส่วนหนึ่งก็ทำงานอยู่แล้วด้วย แต่เค้าก็ให้เวลากับการทำรายงานที่มีคุณภาพมากพอสมควร (เพราะทำในเรื่องที่กำลังสนใจอยู่)
แล้ว อจ.ก็ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ ค่ะ ก็มักจะบอกว่า เขียนมาไม่ต้องเกิน 10 หน้านะ เอาเนื้อๆ มาเลย และการแสดงความคิดเห็นของตัวเราเอง ต่อเรื่องนั้นๆ จะสำคัญที่สุด
บางครั้งก็คิดนะคะ ทำ thesis มา ก็ไม่ค่อยจะได้ใช้ประโยชน์จากมันเท่าไหร่ และ ทำไมอาจารย์แต่ละท่านจะต้องให้ทำเรื่องที่ต้องตั้งชื่อยากเย็น น่าเบื่อ
ทั้งที่ จริงๆ แล้ว มันคือ การทำวิจัยเพื่อค้นหาในสิ่งที่ตัวเราอยากจะรู้
อีกคำถามคือ ถ้าหลักสูตร ป.โท เป็นแบบ ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ เลย แล้วมันจะเป็นยังไง???
แค่ความคิดขวางโลก เหมือนกันค่ะ ^^
ประเด็นความคิดของท่าน dr-ammy ;)...
วิทยานิพนธ์ ระดับปริญญาโท มันจำเป็นจริงหรือเปล่า ???
และ
ถ้าหลักสูตร ป.โท เป็นแบบ ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ เลย แล้วมันจะเป็นยังไง???
นำเสนอให้เขียนเป็นบันทึกโดยด่วน ! ครับ ... เป็นประเด็นที่ต้องการความหลากหลายในความคิดพอสมควรเลย ;)
แต่ที่แน่ ๆ ผมได้รับความรู้จากท่าน dr-ammy ครับว่า ... อาจารย์ที่ต่างประเทศอยากได้ "บทความ" หรือ "รายงาน" ที่เข้มข้น ผ่านกระบวนการประมวลผล วิเคราะห์ สังเคราะห์จากสิ่งที่เราเก็บสะสมเอาไว้มาเขียน
ผมชอบอ่านแบบนี้เช่นกันครับ ... มันระบุระบบความคิดของเด็กได้ว่า เข้าใจ หรือ ไม่เข้าใจ
เชียร์เขียนบันทึกครับ ;)
เพิ่งเจอกับตัวเอง และเพิ่งเจอกระทู้นี้ เลยขอแชร์
เขียนขอทุนไปกับหน่วยงานนึง ปรากฏว่าได้รับการปฎิเสธ ไม่นานนัก ก็ได้ทราบว่ามีการอนุมัติทุนให้นักวิจัยท่านอื่น
ในหัวข้อที่ใกล้เคียงกับของเรามาก แค่เปลี่ยนตัวแปรบางตัว ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ
รอบใหม่มีอบรม และให้ทุนหน่วยงานเดียวกับครั้งก่อน เค้าให้เขียนเสนอหัวข้อไปอีกแต่คราวนี้เค้าให้เสนอหัวข้อคร่าวๆ เลยใส่หัวข้อที่ได้ทุนแล้วจากอีกแหล่งทุนลงไป(กลัวโดนลอก) ปรากฏว่าเค้าปฎิเสธไม่สามารถให้เข้าร่วมอบรมได้
ไม่นานก็มีคนที่เข้าอบรมมาถามเรื่องหัวข้อวิจัยดังกล่าว บอกว่าทำเรื่องนี้(หัวข้อที่เราเสนอไป)ที่อบรม OK. ให้ทำ โอ ไม่อยากเชื่อ แถมมาถามขอคำแนะนำว่าจะทำอย่างไร ใช้เครื่องมืออะไร ก็เลยแนะว่า ไม่ควรทำเรื่องนี้ แม้จะเปลี่ยนตัวแปรเพราะหัวข้อนี้ได้รับทุนแล้ว ที่สำคัญคือชั้นทำอยู่ เค้าก็ไม่พอใจว่าขอคำปรึกษา ทำไมไม่บอก ก็ยังต้องย้ำอีกว่านี่แหละคำปรึกษาที่จะให้ก็ให้ไปเปลี่ยนหัวข้อซะ เฮ้อ ทั้งหน่วยงาน ทั้งนักวิจัย มีความละอาย หรือจรรยาบรรณบ้างหรือเปล่า ครั้งที่สองนี่ชัดเจนมากเลย
เวรกรรมจริง ๆ เลยนะครับ คุณซัน ;)...
อยากให้กำลังใจให้สู้ต่อไปนะครับ