สภาผู้นำตำบลขุนทะเล


สภาผู้นำตำบลขุนทะเล สภาของผู้มีบทบาทนำ

สภาผู้นำตำบลขุนทะเล : สภาแห่งการปฏิวัติงานพัฒนาท้องถิ่น

ศิราพร  แป๊ะเส็ง

โครงการพัฒนาชุมชนเป็นสุขที่ภาคใต้:

                                                                                                                  ดับบ้านดับเมือง   เรียนรู้อยู่ดีที่ปากใต้  

 

            งานพัฒนาชุมชนในสังคมไทยก่อกำเนิดมายาวนานพร้อมกับการก่อเกิดของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในราวช่วง ปี ๒๕๐๑    โดยในยุคแรกมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเฉพาะหน้า การมีมุมของสังคมชนบทที่ โง่ จน เจ็บ  ส่งผลให้การออกแบบการพัฒนาท้องถิ่นมุ่งเป้าที่ งานสงเคราะห์ การแก้ไขปัญหาการศึกษา และสุขภาพ   วัฏจักรดังกล่าวหมุนวนและฝังรากในสังคมไทยมาเนิ่นนาน    ส่งผลให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการพึ่งพิง  จึงไม่สามารถสร้างให้ชุมชน ท้องถิ่น เติบโตเพื่อที่จะก้าวเข้ามาทำงานพัฒนาด้วยตัวเองได้ การพึ่งพิงรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงยังคงเกิดขึ้นทุกหัวระแหงของสังคมไทย ถึงแม้ว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ ๘ ฉบับที่ ๙ และฉบับที่ ๑๐ จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนมากยิ่งขึ้น  หากแต่ก็ยังไม่สามารถลบล้างความคิดดังกล่าวได้ 


            อย่างไรก็ตาม แนวคิดการพัฒนาคนจากแผนพัฒนาในยุคหลัง ก็ส่งผลให้หลายชุมชนที่คิดได้ คิดทัน สามารถปรับตัวเพื่อการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน ท้องถิ่นด้วยตัวเองได้ในระดับหนึ่ง   เช่น ชุมชนในตำบลขุนทะเล   อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช   ที่ได้นำเอาหลักคิดของสภาผู้นำเข้ามาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนงานพัฒนาในระดับพื้นที่

           

สภาผู้นำ : สภาของผู้มีบทบาทนำ

            การขึ้นแผงของสภาผู้นำตำบลขุนทะเล ก่อกำเนิดมาจากการทำงานเรื่องแผนแม่บทชุมชน ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ด้วยการส่งเสริม สนับสนุน และผลักดันอย่างแพร่หลายทั้งในระดับหมู่บ้าน และระดับตำบล   อย่างไรก็ตามแผนแม่บทชุมชนจะสามารถขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ  ตามทิศทางที่บรรจุไว้ไปได้มากน้อยแค่ไหน    ขึ้นอยู่กับกลไกคณะทำงานของพื้นที่ หากคณะทำงานมีความเข้มแข็ง  รวมกลุ่มกันได้ดี เกิดกระบวนการเรียนรู้จากการทำแผน   ก็จะสามารถนำพาแผนไปสู่การปฏิบัติได้ดี ในทางกลับกันหลายพื้นที่ซึ่งไม่มีความพร้อมก็ไม่สามารถจะผลักดันแผนปฏิบัติการได้อย่างเต็มรูปแบบนัก

           

            เริ่มจากหมู่บ้าน จากฐานของชุมชน

            หลายหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลขุนทะเลซึ่งได้ผ่านกระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชน ได้สร้างให้เกิดกลุ่มแกนนำในระดับพื้นที่  ที่เกิดจากกระบวนการเรียนรู้จวบจนบรรลุสู่แผนแม่บทชุมชน อย่างไรก็ตาม กระบวนการและขั้นตอนดังกล่าว คงจะไม่สามารถบรรลุได้ หากขาดกลุ่มแกนนำหลักจากหมู่ที่ ๑  บ้านบ่อน้ำซับ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานในระดับตำบล  ทั้งด้านการเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์เรียนรู้ด้านวิสาหกิจชุมชน และการสร้างกลุ่มอาชีพอีกหลากหลายกลุ่ม      

 

            ถึงแม้ว่า กิจกรรมของศูนย์เรียนรู้ในระดับหมู่บ้านจะมีหลากหลาย  หากแต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุมและตรงจุดนัก การก่อร่างของสภาผู้นำในระดับหมู่บ้านจึงเกิดขึ้นเพื่อรวมเอากลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ในหมู่บ้านเข้ามาจัดระบบ สร้างความเชื่อมโยง และหนุนเสริมซึ่งกันและกัน อันมีความสำคัญยิ่ง ด้วยสามารถร่วมในการขับเคลื่อนงานตามวิสัยทรรศน์ ที่ชาวบ้านได้ร่วมกันกำหนดเอง     ทั้งนี้ ในระดับชุมชนนั้นได้วางกรอบคิดและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสภาผู้นำระดับหมู่บ้านไว้ดังนี้            

๑. เพื่อเป็นเวทีชาวบ้านในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้รู้ในท้องถิ่นจากสาขาต่าง ๆ  ที่มีอยู่มาใช้ให้เต็มศักยภาพ

๒. เพื่อให้เป็นศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ ที่รวบรวมปัญหา  ความต้องการของราษฎรในทุกครอบครัว  ทุกหมู่บ้าน  มาร่วมกันคิดวางแผน การแก้ปัญหา การพัฒนา ในส่วนที่ชุมชนสามารถดำเนินการได้เอง  และในส่วนที่เกินขีดความสามารถของชุมชนส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ

๓. เพื่อเป็นองค์กรประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ  ทั้งภาครัฐและเอกชน

๔. เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างหมู่บ้านกับชุมชนอื่น ๆ  ทั่วประเทศ

 

 

สภาผู้นำระดับหมู่บ้าน สภาแห่งการบำบัดทุกข์

การจัดตั้งในระดับหมู่บ้านนั้น เริ่มต้นที่ผู้คนที่เป็นสมาชิกของกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน   ผู้คนที่เป็นสมาชิกของกลุ่มบ้าน  ผู้นำตามธรรมชาติ เป็นผู้รู้ ปราชญ์ชาวบ้าน  หมอพื้นบ้าน อสม.  แกนนำสตรี  ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  และสมาชิกสภา อบต. ในหมู่บ้านนั้นๆ โดยคัดเลือกตัวแทนกลุ่มต่างๆ มาประมาณ ๓๐ คน  หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกลุ่มกิจกรรมและประชากร  เพื่อจัดตั้งเป็นสภาผู้นำระดับหมู่บ้าน   โดยแบ่งออกเป็นฝ่ายสภาและฝ่ายบริหาร 

ในส่วนของฝ่ายสภาจะคัดเลือกผู้นำอย่างเป็นทางการจำนวน ๑๕ คน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาแผนงาน โครงการ และออกเสียงในกิจกรรมต่างๆ  โดยมีฝ่ายบริหารจำนวน ๑๕ คน ซึ่งมาจากตัวแทนของกลุ่มกิจกรรมหรือภูมิปัญญา ที่มีบทบาทในการนำเอาแผนงานลงสู่การสร้างปฏิบัติการในระดับพื้นที่  แต่ทั้งนี้กิจกรรม หรือแผนงานต่างๆ ต้องตั้งอยู่บนกรอบกิจกรรมของแผนแม่บทชุมชนเท่านั้น   บทบาทของสภาผู้นำจึงเป็นการดำรงสถานภาพของการก้าวขึ้นมา มีบทบาทนำในการออกแบบวางแผนงานและขับเคลื่อนการพัฒนาในหมู่บ้านร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยให้เป็นสภาของชุมชน เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อหน่วยงานหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ด้วยเมื่อชุมชนมีปัญหาอะไรก็หันหน้าเข้ามาคุยกัน ช่วยกันหาวิธีการแก้ไขและจัดการ  จึงเปรียบเสมือนสภาแห่งการบำบัดทุกข์ให้กับพี่น้อง เพื่อนบ้านในชุมชน  อันถือได้ว่าเป็นอิสรภาพของการพัฒนาอย่างแท้จริง 

ทั้งนี้ ในการผลักดันสภาผู้นำในพื้นที่ใดก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ แผนแม่บทชุมชน เพราะจะเป็นทิศทางในการวางกรอบการพัฒนาของพื้นที่นั้นๆ  อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เป็นแรงหนุนของการสร้างสภาผู้นำมีหลายประการ ได้แก่

๑. การให้ความสำคัญกับสภาผู้นำในระดับหมู่บ้านเป็นหลัก โดยการออกแบบกิจกรรม แผนงาน ที่ครบวงจรของหมู่บ้าน ให้สามารถขับเคลื่อนได้ แล้วใช้สภาผู้นำในระดับตำบลเป็นเพียงเวทีของการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกันเท่านั้น

๒. บุคคลที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกของสภาผู้นำจะต้องมีความเข้าใจในสถานการณ์รายรอบ สามารถคิด วิเคราะห์  และให้ข้อมูล ความรู้กับสมาชิกในกลุ่มได้ และ ต้องสามารถสร้างรูปธรรมให้ประจักษ์ได้ โดยสามารถตอบโจทย์ ๒ ข้อคือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพราะเมื่อมีผลสำเร็จที่แท้จริงแล้วการขับเคลื่อนกับกลุ่มในชุมชนย่อมเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น 

๓. กลุ่มคนที่มาทำงานเพื่อขับเคลื่อนสภาผู้นำ จะต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งในระดับชาติ และระดับชุมชน

๔. ต้องมีการทำงานเพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสร้างผู้นำที่เป็นทางการให้กลายเป็นผู้นำกลุ่มกิจกรรม เพื่อจะยังคงมีบทบาทในกลุ่มกิจกรรม และร่วมขับเคลื่อนงานต่อไปได้ เมื่อหมดวาระทางการเมืองในระดับท้องถิ่น 

๕. สภาผู้นำที่ทำงานได้คล่องตัวจะต้องไม่มีอำนาจ เป็นการทำงานที่ใช้พลังในการขับเคลื่อนงาน  เป็นการรวมพลังของทุกภาคส่วนเพื่อเดินไปด้วยกันทั้งหมดให้ชาวบ้านและผู้คนทุกระดับได้ร่วมคิด ร่วมทำ

 

กระนั้นเอง การยกระดับและขยายผลจากระดับหมู่บ้านเข้าสู่ระดับตำบลจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับความร่วมไม้ร่วมมือจากกลุ่มผู้นำอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ จากประสบการณ์การทำงานของ  คุณสุจินต์  อินทคีรี   คุณบุเรง  ชิตมาลย์   คุณสมบูรณ์   จันทร์จรุง  และคุณเนตรชนก  ไชยจิตต์ ฯลฯ   ซึ่งเป็นกลุ่มแกนนำหลักในการขับเคลื่อนงานในชุมชนบ้านบ่อน้ำซับและยกระดับสู่ระดับตำบล พบว่าการจัดตั้งสภาผู้นำซึ่งดูเหมือนจะซ้ำซ้อนกับโครงสร้างของผู้นำทางการที่มีอยู่แล้วในระดับชุมชน  ไม่เกิดการต่อต้านจากกลุ่มผู้นำเป็นทางการ ทั้งนี้ด้วยเพราะการก่อเกิดของสภาผู้นำเป็นโครงสร้างที่ช่วยสนับสนุนการทำงานเป็นการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง ช่วยแบ่งเบาภาระงานของกลุ่มแกนนำทางการได้ เพราะการทำงานนั้นต้องการกลุ่มคนที่มาช่วยคิด ช่วยทำกันคนละไม้คนละมือ หากคิดและทำเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียวก็ไม่สามารถบรรลุได้ อีกทั้งโครงสร้างของสภาผู้นำเองก็ให้บทบาทกับกลุ่มผู้นำทางการเข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักด้วยเช่นกัน   

 

สภาผู้นำระดับตำบล สภาแห่งการบำรุงสุข

            ในการขับเคลื่อนสภาผู้นำระดับตำบลนั้น มุ่งเน้นที่การเป็นสภาแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วม การเชื่อมโยงเครือข่ายการทำงานในระดับตำบล  และการสนับสนุนการสร้างปฏิบัติการพื้นที่ของกลุ่มกิจกรรม หรือกลุ่มหมู่บ้านต่างๆ โดยสภาผู้นำระดับตำบลมีองค์ประกอบของผู้คนจาก ๒ ส่วน ได้แก่

๑. ผู้นำจากกลุ่มกิจกรรมในแต่ละหมู่บ้าน ที่ดำเนินกิจกรรมในทิศทางเดียวกัน  จำนวน ๓ คน ต่อกลุ่มกิจกรรม  ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มปุ๋ยหมักชีวภาพ  ซึ่งมีทั้ง ๑๒  หมู่บ้าน ให้มีการคัดเลือกมาจำนวน ๓ คน

๒.ตัวแทนจากผู้นำทางการ ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล  กำนัน   และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล

 ทั้งนี้ กลุ่มผู้แทนดังกล่าวจะเข้ามาร่วมพิจารณาแผนงาน หรือโครงการที่เป็นประเด็นร่วมของตำบล และต้องการการจัดการอย่างเร่งด่วน  อาทิเช่น การก่อสร้างโรงปุ๋ยระดับตำบล  การใช้ทรัพยากรขี้ค้างคาวซึ่งมีในพื้นที่เพื่อผลิตปุ๋ย ฯลฯ รวมถึงการออกข้อบัญญัติระดับตำบลเพื่อการเอื้ออำนวยการดำเนินงาน และการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ โดยมีฝ่ายสภาซึ่งมีสัดส่วนของผู้นำอย่างเป็นทางการ อาทิเช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล มีบทบาทในการพิจารณาโครงการแผนงาน และเอื้ออำนวยในงานจัดการ  และฝ่ายบริหาร อันมีนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและตัวแทนจากกลุ่มกิจกรรมต่างๆ มีบทบาทในการนำแผนงานลงสู่การสร้างปฏิบัติการในพื้นที่ อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในระดับหมู่บ้านก็มิได้หยุดชะงักเพื่อรอการพิจารณาจากสภาระดับตำบล หมู่บ้านใดสามารถขับเคลื่อนงานด้วยตัวเองได้ตามแผนงานของหมู่บ้านก็ดำเนินงานได้เลยทันที จึงอาจเปรียบได้ว่า สภาผู้นำระดับตำบล คือ สภาแห่งการบำรุงสุข อันสามารถสร้างสุขให้กับประชาชนในตำบลได้ ด้วยมีงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่ม องค์กร ในระดับพื้นที่ได้ 

            ด้วยแนวคิดดังกล่าวที่ตกผลึกจากการทำงานพัฒนาในระดับพื้นที่ ชุมชน มาอย่างยาวนาน  ส่งผลให้สภาผู้นำตำบลขุนทะเลเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างที่ชัดเจน สามารถสร้างปฏิบัติการที่แท้จริงและยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนได้ ถือเป็นมิติใหม่ของงานพัฒนาชนบท ด้วยไม่ว่าองค์กร หรือหน่วยงานไดก็ตามที่ลงมาร่วมทำงานพัฒนาในพื้นที่จะต้องเอาความต้องการของชุมชนเป็นตัวตั้ง ชุมชนมีสิทธิปฏิเสธแผนงาน หรือโครงการของรัฐที่จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อผู้คนในพื้นที่ได้ ชุมชนมีสิทธิ์ในการต่อรอง เจรจา กับทุกองค์กรที่เข้ามาดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ และองค์กรชุมชนในลักษณะนี้เองที่จะเป็นตัวแบบในการดำเนินงานพัฒนาให้กับชุมชนอื่น ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งที่แท้จริง  ถือเป็นการปฏิวัติกระบวนงานพัฒนาชุมชนอีกระลอกหนึ่งที่น่าจับตามองต่อไป

 

หมายเลขบันทึก: 237646เขียนเมื่อ 26 มกราคม 2009 11:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท