พ่อแม่ลาไปตรุษจีนค่ะ


ตรุษจีนเขาทำอะไรกันบ้าง ?

วันนี้  พ่อแม่ลาไปตรุษจีนที่อุดรค่ะ  แม่บอกไม่ได้เป็นคนจีน แต่แม่ต้องไปช่วยงานไหว้เจ้าที่บ้านห้วยสามพาด อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานีทุกปี เพื่อรำลึกถึงบุญคุณของเตี่ย ชื่อ อะแปะ เต๋า แซ่เหลี่ยว อายุประมาณ  60 ปีเศษ ๆ  และได้ล่วงลับไปกว่า 40 ปี แล้วค่ะ 

ผู้เขียนเองตอนเด็ก ๆ 5 - 8 ขวบ ก็เคยได้อาศัยอยู่กับเตี่ยกับป้าทองสุขพี่สาวของพ่อด้วย 

เตี่ยเป็นคนจีน รูปร่างสูงใหญ่มาจากเมืองจีน ได้แต่งงานกับสาวไทยอิสาน  เตียเป็นคนขยันขันแข็งพาครอบครัวทำมาหากิน ชำแหระหมู หาบขาย หรือนำไปแลกเป็นข้าวเปลือก ข้าวสาร มาให้คนในครอบครัว ซึ่งมีกว่า 20 ชีวิตได้รับประทาน

บนความยากลำบาก เตี่ยไม่เคยบ่น ไม่เคยเจ็บไข้ เป็นผู้นำ เป็นที่พึ่งของครอบครัวซึ่งมีลุก ๆ หลาน ๆ ได้มาอาศัยอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน 

ผู้เขียนก็มีหน้าที่ไปหาบน้ำ หาฟืนมาให้ และเคยเอาหมูไปส่งบ้านที่ตามเขาสั่งค่ะ 

ที่จำความได้  เช้าวันหนึ่ง   เตี่ยหาบหมูออกจากบ้านไปแต่เช้ามืด  ตีสาม ตีสี่ ได้ สาย ๆ ได้รับแจ้งจากตำรวจว่าเตี่ยถูกรถยนต์ชนเสียชีวิตแล้ว โอ้ อนิจจา  เตี่ยเสียแล้ว  

"ฮือ ๆๆๆๆๆๆ  ทุกคนเสียใจ และจะจดจำเตี่ยไว้ในความทรงจำไปจนวันชีวิตจะหาไม่ค่ะ"

สมัยเด็ก ผู้เขียนอยู่ที่นั่น  เกือบไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะอยู่กับป้า ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่  ป้าบอก "เป็นผู้หญิงไม่ต้องเรียนหรอก เหมือนป้ายังเอาชีวิตรอด" 

แต่ดีที่เตี่ยนี่แหล่ะที่เป็นคนบอกป้า

"ให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้เรียนหนังสือ จึงจะเอาตัวรอด

ครอบครัวของผู้เขียน พวกเราทุกคนจึงมีความรู้สึก เหมือนเป็นหนี้บุญคุณของเตี่ย 

ดังนั้น ทุก ๆ ปี ก็จะมีแม่เป็นตัวแทนไปช่วยและร่วมงานไหว้เจ้าในวันตรุษจีนของทุกปีค่ะ

ปีนี้ก็เช่นกันค่ะ  พ่อกับแม่ ถึงแม้สุขภาพจะไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เข้า ๆ ออก ๆ  โรงพยาบาลเป็นว่าเล่น  แต่สำหรับเรื่องนี้  ท่านทั้งสองยอมไม่ได้ค่ะ ยังมีแรงศรัทธาปรารถนาที่จะไปร่วมงานวันตรุษจีนที่นั่นค่ะ 

ผู้เขียนก็ได้แต่เอาใจช่วย  หลังฉีดยาให้พ่อเสร็จ ก็ส่งขึ้นรถไฟ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยและบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้

ผู้เขียนเลยถือโอกาส ศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับตรุษจีน  เลยเอามาฝากด้วยค่ะ 

 

ตำนานวันตรุษจีน

         ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย" หรือ "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่งมีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน" มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษ โดยอนุญาตให้ เหนียน ลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้นเมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียนจะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุกๆครัวเรือนจึงสะสมเสบียงอาหารและกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืนเพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุกครัวเรือนจะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูกเหนียนทำร้าย

ภายหลังพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้นทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมาผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้าย แต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

         เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุกครัวเรือนต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อพลบค่ำ เหนียน มาเห็นทุกครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุกคนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาวันดังกล่าวจึงกลายเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"



ตรุษจีนในประเทศไทย

ชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติอยู่ 3 วัน คือ 1.วันจ่าย 2.วันไหว้ และ 3.วันปีใหม่

      1.วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อน
วันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหารผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้ายหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู๋เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว

      2.วันไหว้ คือ
วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง คือ

         ตอนเช้ามืดจะ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง

         ตอนสายจะ ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว

         ตอนบ่ายจะ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทับเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล

      3.
วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี (ชิวอิก) วันนี้ ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรจากญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ จะมอบส้มจำนวน 4 ผล ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าของผู้ชาย เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือคือ เป็นวันที่ชาวจีนถือว่าเป็นสิริมงคล งดการทำบาป จะมีคติถือบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่ทวงหนี้กัน ไม่จับไม้กวาด และจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่แล้วออกเยี่ยมอวยพรและพักผ่อนนอกบ้าน เป็นต้น



ความเชื่อเรื่องโชคลางใน
วันตรุษจีน

      1. หลีกเลี่ยงการทำงานบ้านใน
วันขึ้นปีใหม่(วันตรุษจีน) เนื่องจากการทำงานบ้าน เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง

      2. ไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม

      3. ไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของ
วันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม่

      4. หากร้องไห้ในวันปีใหม่ จะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

      5. หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีก

      6.ไม่ควรใช้ของมีคมใน
วันขึ้นปีใหม่ ของมีคมต่างๆ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เนื่องจากถือว่าการกระทำของของมีคมนี้จะเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมาในวันขึ้นปีใหม่

      7. ควรระมัดระวังในการทำสิ่งใดๆ ไม่ควรที่จะให้เกิดการสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต

      8. การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ ถือเป็นโชคร้าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

      9.ควรใส่เสื้อผ้าสีแดง ซึ่งถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข จะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่

     10. เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี

     11. บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี จึงมักพูดแต่คำที่มีความหมายดีแก่กัน การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี



วันตรุษจีนในปฏิทินสุริยคติ (ระหว่างปี พ.ศ.2551-2562)

         ปีนักษัตร           วันที่

         ชวด     7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

         ฉลู     26 มกราคม  พ.ศ. 2552

         ขาล    14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

         เถาะ    3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

         มะโรง  23 มกราคม  พ.ศ. 2555

         มะเส็ง  10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

         มะเมีย  31 มกราคม  พ.ศ. 2557

         มะแม   19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

         วอก     8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

         ระกา   28 มกราคม  พ.ศ. 2560

         จอ     16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

         กุน      5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

แหล่งข้อมูล  http://www.ryt9.com/news/2008-01-22/29498128/

 

วันนี้  ได้รับ mail มาหนึ่งฉบับ

From :

 [email protected]

มีการ์ดอวยพรวันตรุษจีน มาให้

จึงนำมาส่งอวยพรต่อทุกท่านด้วยค่ะ  

และท้ายสุดของบันทึกนี้ ในฐานะเป็นกรรมการป้องกันอุบัติเหตุจราจร ขอฝากให้อ่านอีกเรื่องนะคะ

รอบนี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันเช่นปีใหม่  หลายคนคงได้เดินทางไปในงานสำคัญในวันตรุษจีนของครอบครัวนะคะ 

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทั้งไปและกลับนะคะ

อย่าลืม

 

"ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อม"

"ตั้งสติก่อนสตาร์ท"   

เมา-ง่วง-โทรศัพท์ ไม่ขับรถ นะคะ

รัดเข็มขัดนิรภัย  และ ไม่ขับรถเร็ว

ใครที่ใช้รถจักรยานยนต์

ก็เปิดไฟ ใส่หมวกนิรภัย ด้วยนะคะ 

 

ด้วยความห่วงใยค่ะ


กัญญา

 

คำสำคัญ (Tags): #ตรุษจีน
หมายเลขบันทึก: 237024เขียนเมื่อ 23 มกราคม 2009 20:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

จีน  ไทย  ใกล้เคียงกันมาก ทั้งการดำเนินชีวิต  จิตใจ  กลมกลืนกันหมดค่ะ

กระติกเป็นลาว  ยังได้แต๊ะเอียเลย

เย้ เข้า net ได้อีกแล้ว

ขอบคุณค่ะน้องกระติก ที่เข้ามาแจม

ของพี่ไม่ได้แต๊เอีย แต่ก็ได้ทานอาหาร ขนม ผลไม้ จากการไหว้เจ้า ค่ะ ทั้ง หมู เป็ด ไก่ และยังมีขนมเทียน ขนมเข่ง ฝีมือแม่พี่ อร่อยอย่าบอกใครเชียวค่ะ  

 

 

แวะมาทักทายพี่ไก่

สวัสดีปีใหม่จีน นะคะ

มีความสุขในทุกๆวัน ค่ะ

พี่ไก่มีความรู้มาฝากเยอะแยะเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ปีหน้าตรุษจีนตรงกับวันวาเลนไทน์เลยนะคะ

สวัสดีคะพี่ไก่ คิดถึงคะ ฝากรูปมาให้คะ

ขอบคุณค่ะน้องไก่  สำหรับความคิดถึงและรูปภาพ

  • แวะมาเยี่ยมยามดึก
  • หลับฝันดีค่ะ

ขอบคุณค่ะน้องเกศที่มาเยี่ยม

นอนหลับฝันดี เช่นกันค่ะ 

สวัสดีครับนึกว่าพ่อเข้า รพ.ตกใจเลยตามมาดู

P  สวัสดีค่ะ ท่านเบดูอิน

  • ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้สับสน
  • ไม่ผิดหรอกค่ะ ช่วงนี้พ่อเข้าโรงพยาบาลจริงค่ะ ตามไปดูที่บันทึกนี้นะคะ  http://gotoknow.org/blog/ourfamily/246312

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท