ท่านเคยเปิดเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูล หรือไม่
ถ้ามีประสบการณ์ในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
อาจเคยพบปัญหาเว็บไซต์หาย อันเนื่องมาจากการไม่ต่ออายุโดเมนเนม
(Domain Name) ผู้เขียนเสียดายเว็บไซต์ดี ๆ มากมายที่มีข้อมูล
หรือภาพถ่ายที่หาไม่ได้จากที่ใดในโลก เช่น ภาพถ่ายรถม้าแต่ละแบบ
หรือภาพถ่ายวัดในจังหวัด เป็นต้น ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ
เว็บไซต์ของชาวลำปางที่หายไป และไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เมื่อ 2 – 3 ปีก่อน การพัฒนาเว็บไซต์ด้วยอุดมการณ์ ใจรัก
หรือมีความฝันที่สวยงามเกิดขึ้นเสมอ เมื่อเวลาผ่านไป
เว็บไซต์ที่เคยมีเริ่มหายไป ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น ลืมต่ออายุ
ผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งเลิกกิจการ
ย้ายเครื่องบริการไปเครื่องใหม่ทำให้ข้อมูลเก่าหาย
หรือไม่ได้ผลตอบแทนดังที่หวัง เป็นต้น
ผู้เขียนเป็นนักพัฒนาเว็บไซต์อีกคนหนึ่งที่รวบรวมข้อมูลของนักพัฒนาเว็บไซต์ด้วยกันเพื่อเผยแพร่
แต่สิ่งที่พบคือเว็บไซต์ต่าง ๆ เริ่มหายไป
เหตุผลของการหายไปมักเป็นเรื่องเงิน เพราะการต่อายุโดเมนเนม
หรือเว็บโฮสติ้งแต่ละปี ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท
ถ้าต้องการทราบว่าเว็บไซต์ใดที่เคยมีอยู่ หรือเคยพัฒนาโดยชาวลำปาง
สามารถเข้าไปสืบค้นได้จากเว็บไซต์ lampang.net
การพัฒนาเว็บไซต์โดยทั่วไป คือ งานที่เป็นวิทยาทานโดยแท้
ต่างกันการทำเว็บไซต์ของภาคธุรกิจ ที่สนใจคำว่า action = reaction
มักมีเป้าหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์องค์การ
แต่กลุ่มเว็บไซต์ที่เน้นผลด้านการประชาสัมพันธ์มักไม่ได้รับความสนใจจากนักท่องเว็บมากนัก
เพราะความสนใจส่วนใหญ่ไปอยู่ที่เว็บไซต์กลุ่มบันเทิง ข่าว-สื่อ
และบุคคล-สังคม เป็นต้น ทั้ง 3
กลุ่มรวมกันมีสถิติการเข้าใช้มากกว่าครึ่งหนึ่งของการเข้าเว็บไซต์ทั้งหมดในประเทศ
(สถิติจาก truehits.net) สำหรับเว็บไซต์กลุ่มอื่น ๆ
ที่ไม่ใช่องค์กรมักพัฒนาโดยกลุ่มคนที่มีความสนใจเฉพาะด้าน ถ้าความฝัน
หรืออุดมการณ์ไม่แก่กล้า เว็บไซต์เฉพาะด้านเหล่านั้นก็จะค่อย ๆ หายไป
เช่น กลุ่มพระเครื่อง กลุ่มการศึกษา กลุ่มรวมลิงค์ กลุ่มสุขภาพ
หรือกลุ่มสรรพเพเหระ เป็นต้น
เว็บไซต์ที่น่าจะมีสถิติการสูญหายน้อยที่สุด
คือเว็บไซต์ของนักการศึกษา เพราะเป็นกลุ่มคนที่เข้าใจคำว่าวิทยาทาน
และอุดมการณ์มากที่สุด จากที่เคยสืบค้นข้อมูลของนักวิชาการมากมาย
รู้สึกประทับใจผลงานของอาจารย์ในประเทศที่ได้ให้ความรู้
เผยแพร่สู่สังคม แต่ที่น่าผิดหวัง คือ
จำนวนเว็บไซต์ของกลุ่มคนด้านการศึกษาอันประกอบด้วย ครู อาจารย์
หรือผลงานนักศึกษาในประเทศมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาไม่น้อยกว่า 100 แห่ง
แต่เมื่อถามนักเรียนไทยว่าเว็บไซต์ด้านการศึกษาอันดับต้น ๆ
คือเว็บใดบ้าง กลับไม่มีใครตอบถูก อยากให้ลองถามเยาวชนรอบตัวท่าน
เพราะสถิติจาก truehits.net
แสดงให้เห็นว่าเยาวชนไทยเข้าสืบค้นเว็บไซต์ด้านการศึกษาน้อยมาก
เมื่อเทียบกับจำนวนเยาวชนทั้งประเทศ
ถ้าแม่พิมพ์ของสังคม คือ ครู หรืออาจารย์ที่อุทิศตนให้กับการศึกษา
และเชื่อในคำว่าทำดีย่อมได้ดี แล้วในลำปางมีครูทั้งหมด 5,000 คน
เราอาจคาดหวังได้ว่าครูเพียงครึ่งหนึ่งมีเว็บไซต์เผยแพร่ประสบการณ์
หรือเอกสารประกอบการสอนของตนเป็นวิทยาทาน ให้ศิษย์ปัจจุบัน
เพื่อนอาจารย์ หรือศิษย์เก่ากลับเข้าไปสืบค้นข้อมูล
ซึ่งอาจารย์สามารถปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัย
ผู้เขียนเชื่อว่าการใช้ไอทีเพื่อพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทยต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นหน้าเห็นหลังแน่นอน
.. ถ้าความคาดหวังดังกล่าวไม่เป็นเพียงความฝัน