(หลังจากแก้ไขแล้วกดบันทึก ข้อความที่พิมพ์ไว้ก็หายไป เพราะถูกเตะออกจากระบบก่อน จึงเขียนเฉพาะส่วนที่คิดว่าสำคัญใหม่)
ข้อความข้างต้น http://gotoknow.org/blog/9pass-soul/236186
"การยึดติด" ที่สำคัญประการหนึ่ง คือการยึดติดในความคิด และความเชื่อ
เช่น...หากสิ่งที่เราตรึกตรองแล้วว่ามันดีมันถูกต้อง โดนใครบอกว่า .. เจ้ายังคิดไม่ถูกนัก
วูบนึงก็อาจเกิดความรู้สึกแปร๊บ ๆ ปานว่า แล้วของเจ้าดีกว่าตรงไหน
ฉะนั้นแล้ว อุปสรรคที่ต้องกำจัดไปเสีย ก็คือ ความคิด และความเชื่อ ที่เราไปเกาะเกี่ยวเอาไว้
(ในความหมายก็คือ มันจะมีก็มี แต่ไม่ต้องไปยึดเกาะ)
เมื่อตรวจทานดูว่า ในความคิด ความเชื่อ ที่เรา"คิดว่า"เรามีนั้น
หากมีใครตำหนิ จะขุ่นข้องหมองใจหรือไม่
และถ้าได้สัมผัสรู้ถึงความไม่สบายใจเมื่อใด
ก็คงตระหนักขึ้นว่า .. นี่แหละหนอ ไปเอาความคิด ความเชื่อ มาเป็นของเราเสียแล้ว
ทั้งที่ความคิด ความเชื่อมิใช่ของเรา มิใช่ของใคร
เราอาจเห็นว่าความคิด ความเชื่อ ถูกต้องดีงามเมื่อยามหนึ่ง แต่เมื่อผ่านไปเพียงรุ่งสาง ความคิด ความเชื่อ นั้นอาจจะอันตรธานหายไปกลายเป็นไม่ใช่ ทำนองเดียวกันความคิดความเชื่อเดียวกับเรา อาจผุดอยู่ท่ามกลางคนนับพัน
มันก็เฉกเช่นสิ่งอื่น ความคิด ก็ย่อมต้องเกิด ดับ แลเปลี่ยนแปลงไป
ความคิดที่เราคิดว่าเป็นของเรานั้น มันไม่ได้เคยเป็นของเราโดยแท้ทีเดียว
เมื่อใดไม่ไปยึดเอาว่าความคิดเป็นของเราแล้ว ความกระวนกระวายที่เกิดเพราะอยากให้คนอื่นเห็นชอบในสิ่งที่เรานึกคิด ย่อมไม่ปรากฎ แลความทุกข์เมื่อถูกผู้อื่นดูแคลนในสิ่งที่คิด ก็ย่อมไม่ปรากฎ
คำว่าไม่ยึดติดนั้น.. เรียบสั้น แต่ความหมายกว้างขวาง
ประหนึ่งว่า ไม่นำพาสิ่งใดมายึดเอาไว้เป็นของเรา
ซึ่งย่อมเท่ากับมิได้กำมือเพื่อถือ"อัตตา"เอาไว้เช่นนั้น
และแม้ความตั้งใจจะไม่ยึดติด .. หากยังยึดไว้
ก็คงเป็นการยึดติด "ในความไม่ยึดติด" อยู่กระนั้น
------------------
แต่อย่างไรเสีย
การคำนึงถึงความยึดติดหรือไม่ยึดติด มิได้สำคัญอันใด
การเจริญสติ..ให้ครอบคลุมการดำเนินไปของกาย ความคิด และอารมณ์ .. สำคัญมากกว่านัก
เพราะเมื่อมองเห็นการเคลื่อนไหว และความเป็นไปของร่างกายจิตใจแล้ว ก็ย่อมเห็นสิ่งที่ไปยึดติดเอาไว้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ต้องไปดิ้นรนหามัน
บ่ายของอีกวัน หลังนึกเขียนบันทึกนี้ รุ่นน้องที่แล็บได้พูดขึ้นในทำนองเดียวกันว่า
"หากยังยึดติดในความไม่ยึดติด ก็ยังเป็นความยึดติดอยู่ ฯลฯ"
รู้สึกว่ามันช่างประจวบเหมาะจริงหนอ
และน้องท่านนี้ได้แนะนำให้โหลด mp3 จาก http://www.wimutti.net (ในหัวข้อ "พระธรรมเทศนา ณ สถานที่รับนิมนต์ต่างๆ")
ซึ่งในธรรมเทศนา วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2551
มีตอนหนึ่งท่านเทศน์ว่า "จิตนั้นหาได้มีทุกข์หรือสุขสลับกัน .. หากแต่เป็นทุกข์ล้วน ๆ" ... นี่แหละ นี่แหละ เป็นประโยคที่โดนใจยิ่งนัก
สวัสดีค่ะ
มีความสุขมากๆๆและนานๆๆนะคะ
ดีใจที่ได้มาอ่านความคิดเห็นแบบนำมาใช้กับการจัดการความคิดและชีวิตได้แบบนี้ ความหมายกลางๆ แบบเข้าถึงสภาวะธรรมชาติจริงๆ ไม่ได้อ้างถึงวัตถุ ขอบใจมากจะแวะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ นะ