( 4 )ขี้ข้า : เป็นดูหมิ่นหรือไม่ ?


ดูหมิ่นซึ่งหน้า

    

             คนทุกคนย่อมมีศักดิ์ศรีความเป็นคนเท่ากัน ล้วนเป็นเพื่อนร่วมโลก มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เช่นกัน จึงเป็นการไม่ถูกต้อง  และไม่ชอบธรรมที่จะให้คนด้วยกันเอง   ดูถูกเหยียมหยามซึ่งกันและกัน    เพื่อให้สังคมอยูด้วยกันอย่างสันติสุข  มีความเสมอภาคเทียมกัน จำต้องมีกฎหมายควบคุมและป้องกันการดูถูก เหยียมหยาม และรักษาศักดิ์ศรีของความเป็นคนดังกล่าว

              กรณีมีปัญหาว่า การที่หัวหน้าใช้งานลูกน้องทำงาน แต่ลูกน้องกลับต่อว่า "  หัวหน้าใช้ผมอย่างขี้ข้า " การพูดดังกล่าว จะมีความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือไม่ ?

              กรณีดังกล่าว เคยมีคดีขึ้นสู่ศาลฎีกามาแล้ว โดยมีข้อเท็จจริงโดยสรุปว่า  ครั้งหนึ่งได้มีการประชุมกรรมการโรงเรียน ผู้เสียหายเป็นประธานกรรมการศึกษของโรงเรียน ในระหว่างการประชุมครูคนหนึ่งได้พูดว่า "ประธานใช้ครูอย่างขี้ข้า เวลานั่งคุยกัน ชอบเดินไปมา ไม่มีความเหมาะสมเป็นผู้ใหญ่ ทำให้งานของครูนั้นไม่ดีเท่าที่ควร ให้ประธานลาอกไป จะได้เปลี่ยนประธานคนอื่นมาบริหาร "

             ประธานกรรมการศึกษาจึงนำเรื่องดังล่าวฟ้องต่อศาล  ขอให้ลงโทษครูคนดังกล่าวในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตา 393  ซึ่งบัญญัติไว้ว่า

             " ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ "

             มีปัญหาว่า คำกล่าวของจำเลยที่ว่า " ประธานใช้ครูอย่างขี้ข้า "  เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้าหรือไม่ ?

            ศาลกฎีกาเห็นว่า คำว่า " ดูหมิ่น " ตามประมวลกฏหมายอาญา ไม่ได้นิยามศัพท์ไว้ว่ามีความหมายอย่างไร แต่ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอธิบายว่า หมายถึง ดูถูกเหยียดหยาม ทำให้อับอาย เป็นที่เกลียดชังของประชาชน โดยถ้อยคำดังกล่าวจะต้องเป็นการเหยียดหยามผู้อื่น หาใช่ตัวผู้กล่าวหาไม่

             คำว่า " ประธานใช้ครูอย่างขี้ข้า " นั้น จำเลยมิได้เหยียมหยามผู้เสียหายว่ามีสภาพอย่างขี้ข้าหรือผู้รับใช้ แต่เป็นการพูดถึงสถานภาพของครูในโรงเรียนรวมทั้งจำเลยว่าเป็นผุ้รับใช้ของผู้เสียหาย ข้อความที่พูดเป็นการพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแก่ตนและครูในโรงเรียนว่าถูกผู้เสียหายใช้งานเยี่ยงคนรับใช้

             แต่เมื่อคำว่า " ขี้ข้า " หมายถึงตัวจำเลยเองและครูในโรงเรียนที่ถูกผู้เสียหายใช้งาน มิใช่หมายถึงตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ใช้งาน ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวจึงมิใช่เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า (คำพิพากษาฎีกาที่ 2867/2547)

              ... ในบางครั้งคำพูดเพียงสองคำ  อาจจะทำให้เราต้องจำตลอดชีวิต ...!!!

      

หมายเลขบันทึก: 235248เขียนเมื่อ 14 มกราคม 2009 22:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012 19:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีครับ

นี่แหละครับ ก่อนพูดต้องคิด

ได้ยินบ่อยๆ ที่บางคนสรรเสริญคนปากร้าย ว่าเป็นคนจริงใจ

แต่บางทีก็ต้องคิดถึงใจคนอื่นเหมือนกัน

คนปากร้าย โดยมากว่าคนอื่นได้ แต่พอคนอ่านว่าให้ มักจะรับไม่ค่อยได้...

ถ้อยคำเอื้อนเอ่ย...ควรระวัง  เพราะต่างคน ต่างคิด ต่างมุมมอง

แวะมาทักทาย

ราตรีสวัสดิ์นะคะ

  • นั่นสิคะ
  • พิมดูละครบ่อยๆแนวประมาณนางทาสอะคะ
  • ตกลงว่าหมิ่นป่าวคะ
  • ..อิอินางเอกโดนด่าบ่อยๆ
  • ฝันดีคะ
  • ขอบคุณธวัชชัย
  • ขอให้มีความสุขนะครับ
  • ขอบคุณอาจารย์สายธาร
  • ผมติดตามอ่านบล์อกของอาจารย์ประจำ ยอมรับว่าขยันจริง ๆ
  • ขอให้มีความสุขทุกวัน
  • ขอบคุณคุณพิมญดา
  • ชื่อแปลกดี  การแสดงละครก็คือละคร ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ผิด
  • ขอให้มีความสุขครับ
  • ขอบคุณคุณพิมญดา
  • ชื่อแปลกดี  การแสดงละครก็คือละคร ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ผิด
  • ขอให้มีความสุขครับ

เพิ่งเข้ามาอ่าน อาจารย์คงไม่ว่านะครับ

ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่ควรทราบค่ะ

ไม่แน่ใจว่า ชื่อบันทึก ควรเป็น  

( 4 )ขี้ข้า : เป็น (การ/คำ) ดูหมิ่นหรือไม่ ?

ขอบคุณค่ะ ^_^

                   
  • สวัสดีครูปุ
  • ขอบคุณที่เพิ่มเติ่มให้
  • ขอให้มีความสุขครับ

แวะมารับความรู้ค่ะ

พูดจาต้องคิดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็อาจมีเรื่องมีราว ยุ่งยากวุ่นวายค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท