ความเครียดเด็กปฐมวัย : พ่อแม่ ครู รู้หรือไม่
พ่อแม่เครียดกับลูกตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยที่พ่อแม่และลูกไม่รู้เลยว่าความเครียดเริ่ม สะสมมาเป็นลำดับ ตั้งแต่บ้านและครอบครัวของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกอ่านคัดเขียนได้ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นอนุบาล เป็นความคิดสำหรับสังคมและครอบครัวไทยส่วนใหญ่ที่ คิดว่าเมื่อเด็กเข้าโรงเรียนแล้วจะต้องอ่านคัดเขียนได้ โดยลืมนึกถึงพัฒนาการของเด็กวัยนี้ ลูกที่เข้าเรียนชั้นอนุบาลเพิ่งอายุ 3-4 ขวบ สายตากับมือก็ทำงานยังไม่สัมพันธ์กัน จึงทำให้จับดินสอ ไม่มั่นคง แต่พ่อแม่ก็พยายามที่จะให้ลูกเขียนได้อ่านได้ซึ่งมันเป็นภาระหนักสำหรับเด็ก พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะส่งลูกไปเรียนในโรงเรียนเพื่อจะอ่านได้เขียนได้ กลับบ้านต้องมีการบ้านมาก ๆ เพื่อจะได้ไม่มีเวลาไป เล่นซน แถมเท่านั้นยังไม่พอ พ่อแม่ของเด็ก ในเมืองยังจัดตารางการเรียนนอกเวลาอย่าง มากมายสารพัดให้ลูกอีกโดยไม่คำนึงถึงว่าลูก จะเป็นอย่างไร ทำคล้ายกับว่าลูกมีชีวิตแต่ไม่มี จิตใจ เป็นสภาพที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกที่มีพ่อแม่ที่คาดหวังเช่นนี้
ต่อจากนี้ผู้เขียนขอทบทวนมาตรฐานคุณลักษณะที่พึงประสงค์สำหรับเด็กปฐมวัยเมื่อจบหลักสูตรแล้วว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งจะขอกล่าวเพื่อ ทบทวนให้พวกเราได้ตระหนัก และทำให้เกิดผลสำเร็จจริง ๆ แก่เด็กปฐมวัย ครูปฐมวัยลองถามตัวเองว่าเมื่อเด็กเรียนจบหลักสูตรแล้วเด็กมีพัฒนาต่าง ๆ ดังนี้ไหม
มาตรฐานที่ 1 เด็กมีร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมีสุขนิสัยที่ดี คือ มีน้ำหนัก ส่วนสูง และเส้นรอบศีรษะตามเกณฑ์ และรู้จักรักษา สุขภาพอนามัยและความปลอดภัย
มาตรฐานที่ 2 เด็กมีกล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วและประสานสัมพันธ์กัน
มาตรฐานที่ 3 เด็กมีสุขภาพจิตดี และมีความสุข
มาตรฐานที่ 4 เด็กมีคุณธรรม จริยธรรมและมีจิตใจที่ดีงาม
มาตรฐานที่ 5 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี เคลื่อนไหวและรักการออกกำลังกาย
มาตรฐานที่ 6 เด็กช่วยเหลือตนเองได้เหมาะสมกับวัย คือปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
มาตรฐานที่ 7 เด็กรักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมและความเป็นไทย
มาตรฐานที่ 8 เด็กอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
มาตรฐานที่ 9 เด็กสามารถใช้ภาษา สื่อสารได้เหมาะสมกับวัย คือสนทนาโต้ตอบ เล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ อ่าน เขียนภาพและสัญลักษณ์ได้
มาตรฐานที่10 เด็กมีความสามารถในการคิดและแก้ปัญหาได้เหมาะสมตามวัย คือ มีความคิด รวบยอดในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อันได้แก่ การจำแนกสิ่งของได้ตามสี รูปทรง ขนาด น้ำหนัก เป็นต้น และแก้ปัญหาในการเล่นหรือทำ กิจกรรมต่าง ๆ
มาตรฐานที่ 11 เด็กมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ คือ ทำงานศิลปะ / แสดงท่าทางตาม ความคิดของตนเองและเล่าเรื่องหรือนิทานตามความคิดของตนเอง
มาตรฐานที่ 12 เด็กมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และมีทักษะในการแสวงหาความรู้ คือ สนใจเรียนรู้ สิ่งต่าง ๆ รอบตัว และแสวงหาคำตอบด้วยวิธีการที่ หลากหลาย
ดังนั้นเมื่อครูจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ครบตามหลักสูตร เด็กต้องมีพัฒนาการดังกล่าวข้างต้นอย่างเป็นองค์รวม ถ้าผู้ปกครอง พ่อแม่และครูมัวแต่ เร่งเรียนเขียนอ่านเป็นหลัก เด็กจะขาดสิ่งที่เป็นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ซึ่งจะ ปลูกฝังหรืออบรมเลี้ยงดูในช่วงอื่นไม่ได้แล้ว อย่างเช่น มาตรฐานที่ 10 เด็กจะต้องมีความคิดรวบยอดในการเรียนรู้สิ่ง ต่าง ๆ หรือที่เรามักใช้คำภาษาอังกฤษว่า concept ไม่ว่าจะเป็นการจำแนกสิ่งต่าง ๆ ตามสี รูปร่าง น้ำหนัก กว่าเด็กจะมีความคิดรวบยอดที่ว่านี้ ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองจำเป็นต้องจัดประสบการณ์ด้วยการให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและต้องอาศัยเวลาตั้งแต่ระดับปฐมวัย ถ้าเด็กเข้าใจ concept ที่เป็นพื้นฐานแล้ว เมื่อไปเรียนในระดับ ขั้นพื้นฐานเด็กจะมีความสามารถในการคิด มีกระบวนการคิดที่หลากหลายทั้งแก้ปัญหาได้และ มีจินตนาการ ถ้ามัวทำแบบฝึกโยงเส้น เขียนตามแบบ ท่องแบบตาม ๆ กัน เด็กจะเกิด concept ไหม คงยากเด็กจะต้องเรียนรู้จากการ ได้ปฏิบัติ ได้สัมผัส จับต้อง ได้ดูสิ่งของต่าง ๆ ที่เป็นของจริง ปัจจุบันนี้เด็กปฐมวัย ดูแล้วค่อนข้างเครียดด้วยเหตุที่จะต้องทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ ซึ่งขาดความรู้ด้านพัฒนาการ ตามวัย จึงขอฝากครูปฐมวัยได้ช่วยอธิบายผู้ใหญ่ ที่ไม่รู้ทั้งหลายได้เข้าใจ และร่วมมือกันพัฒนาในแนวทางที่ ถูกต้องเพื่อเด็กและผู้ใหญ่จะได้ไม่เครียดต่อไป
*ดีใจจังค่ะที่ได้อ่านบทความนี้ซึ่งมีสาระที่ตรงกับสภาพปัจจุบันเป็นอย่างมาก อยากให้ข้อเสนอเหล่านี้มีผลทางปฏิบัติจริงๆ..
* ดิฉันเคยเลี้ยงหลานชายมากับมือแบบเต็มเวลามาแล้ว..เดี๋ยวนี้เป็นหนุ่มน้อยนิสัยดีมีความสุข รู้จักรับผิดชอบ พึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้...เพราะใช้ยุทธวิธีแบบที่คุณเสนอนั่นแหละค่ะ..ไม่เร่งรัด..ให้โตตามธรรมชาติ..ที่สำคัญฟังเขามากๆกว่าที่เราจะไปสั่งเขา..อย่าเอาเป้าหมายของเราเป็นใหญ่..ชีวิตเป็นของเขาต้องให้เขาเลือกอย่างที่เขาถนัดและมีความสุข..
nongnarts
ถ้าเมืองไทยได้คนที่เกี่ยวข้องกับการอบรมเลี้ยงดูเด็กอย่างคุณนงนาทแล้วเมืองไทยจะมีคนที่มีคุณภาพมากกว่าปัจจุบันนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทำต่อไปค่ะ
dararat97
ถ้าดิฉันสอนเด็กอนุบาลจะใช้เทคนิคการสอนแบบต่างๆ และนำอุปกรณ์สร้างสรรค์ต่างๆ เช่น หุ่นมือ หุ่นชัก และอุปกรณ์ดนตรีหลากหลายมาใช้เป็นตัวช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ทักษะทางดนตรีมากขึ้นดิฉันคิดว่าเด็กก็จะไม่เครียดและอยากที่จะเรียนรู้ค่ะ