คุณครูตาลครับ
ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด "ครู" คือ บุคคลที่ประเสริฐที่สุดสำหรับทุกคนครับ เพราะ "พ่อแม่" คือ ครูคนแรกของเรา และ "ครู" คือ พ่อแม่คนที่สองของเรา "ครู" จึงเป็นบุคคลที่ประเสริฐระดับเดียวกับพ่อแม่ครับ เรื่องยิ่งใหญ่อย่างนี้ไม่เคยมีวันเปลี่ยนแปลง
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ การขาดการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องดีงาม การบริหารจัดการด้านการศึกษาที่ผิดพลาดเรื้อรัง วิธีแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องยากเย็น บางประเทศก็ทำแล้ว ทำเรื่องเดียวแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง คือ "ปรับอัตราเงินเดือนครู" เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
- ปัญหาเรื่องคนเก่งหรือแม้แต่ไม่เก่งยังไม่อยากเรียนครู จะหมดไป
- ปัญหาเรื่องคุณภาพครูใหม่ จะหมดไป เพราะจะตั้งใจมาเป็นและผ่านการแข่งขันตั้งแต่สอบเข้าเรียนแล้ว
- ปัญหาครูเก่าไม่พัฒนาก็จะหมดไป เพราะมีกำลังใจมากขึ้น
- ปัญหาครูมีหนี้สินมากบั่นทอนประสิทธิภาพและคุณภาพชีวิต ก็จะหมดไป หรือบรรเทาเบาบางลงอย่างมาก
และอีกร้อยปัญหาก็จะหมดไปภายในเวลาไม่เกินสิบปีนับตั้งแต่คุณครูได้เงินเดือนมากกว่าสาขาอื่น 2 เท่า
เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ทำไมไม่เกินขึ้น ก็เพราะผู้บริหารประเทศไม่ได้ให้ความสำคัญที่แท้จริงกับอาชีพครูเท่านั้นเอง หวังว่าภายในชาตินี้เรื่องดี ๆ กับประเทศชาติและเยาวชนเช่นเรื่องเงินเดือนครูจะเกิดขึ้นได้
นานมาแล้วอาจารย์ที่ มศว.ประสานมิตร เคยเล่าให้ฟังว่าในสมัยก่อนนักเรียนมัธยมที่เก่งที่สุดของจังหวัดจะเข้ามาเรียนครู ทำให้คนที่จบครูซึ่งเป็นกลุ่มปัญญาชนกลุ่มใหญ่ของประเทศได้กระจายกลับไปเป็นกำลังสำคัญของสังคมทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ ครูเหล่านี้จะนำปัญญาไปพร้อมกับคุณธรรม สังคมจึงก้าวหน้าไปโดยไม่มีปัญหาสังคมมากเหมือนเช่นในยุคนี้
ไม่เหมือนในปัจจุบัน ที่นักเรียนมัธยมที่เก่ง ๆ จะเลือกเรียนสาขาวิชาที่ทำมาหากินได้เงินง่ายที่สุดมากที่สุด สังคมจึงมีแต่คนที่เก่งหาเงินเข้าตัวจำนวนมาก ซึ่งที่จริงไม่ใช่เรื่องผิด แต่ทำให้สัดส่วนคนแต่ละกลุ่มในสังคมเปลี่ยนไป กลุ่มคนที่มีศักยภาพที่ทำเพื่อสังคมมีจำนวนน้อยลง สังคมจึงขับเคลื่อนไปด้วยแรงจูงใจส่วนตัวมากกว่าแรงจูงใจเพื่อส่วนรวม สังคมจึงเต็มไปด้วยคนเห็นแก่ตัวเช่นที่เห็น ๆ กัน
30 ข้อที่คุณครูตาลนำมาบอกเล่า เห็นด้วยทุกอย่าง แต่ดูเหมือนจะขาดไปหนึ่งข้อ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอาชีพอะไรดี เรียกว่าเป็น "เศรษฐีใจบุญ" ก็แล้วกัน ผมเชื่อว่า "คุณครูทุกคน" ชาติหน้าจะได้เป็นเทวดานางฟ้าหรือไม่ก็เป็นเศรษฐีที่มีบริวารมาก เพราะ "ครู" เป็นอาชีพเดียวในสังคมโดยเฉพาะชนบท ที่ได้รับเกียรติ "ให้ซอง" ทุกประเภท ทั้งกฐิน ผ้าป่า งานบวช งานแต่ง งานศพ ฯลฯ ได้รับทั้งจากศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าทุกรุ่น รวมทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องของศิษย์อีกด้วย ยิ่งคุณครูคนไหนอยู่นานยิ่งมีโอกาสได้รับซองตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก ก็เพราะเป็นที่เคารพนับถือของทุกคนในชุมชน นี้เป็นความปลาบปลื้มที่น้ำตาไหล น้ำตาหยดแรก ๆ เป็นเรื่องที่ร่วมดีใจเสียใจในเรื่องราวบนซองที่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายนำมายื่นให้ แต่น้ำตาหยดหลัง ๆ ชักเป็นเรื่องภาระที่ต้องกังวล แต่อย่างไรก็ตามครูยินดีและเต็มใจที่จะร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเสมอทุกกิจกรรมของสังคม
ขอให้ทุกวันเป็นวันที่คุณครูทุกคน "มีความสุข" และ "ภาคภูมิใจ" กับอาชีพครู อาชีพที่มีภารกิจเช่นเดียวกับความเป็นพ่อเป็นแม่ ซึ่งประเสริฐและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก.