ด้วยคณะกรรมการค่าจ้างได้มีการศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่นตามแนวทางในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐานและอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดและมีมติเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2548 ให้ปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐานและอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศตามมาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 88 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
1. ยกเลิกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ฉบับที่ 4 โดยใช้ฉบับที่ 5 แทน2. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำพื้นฐานเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสามสิบเก้าบาท
3. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยเป็ดสิบเอ็ดบาทในท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
4. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยเจ็บสิบบาทในท้องที่จังหวัดภูเก็ต
5. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยหกสิบสามบาทในท้องที่จังหวัดชลบุรี
6. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยหกสิบเอ็ดบาทในท้องที่จังหวัดสระบุรี
7.ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยห้าสิบหกบาทในท้องที่จังหวัดนครราชสีมา
8. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยห้าสิบสามบาทในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พังงา ระนองและระยอง
9. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยห้าสิบสองบาทในท้องที่จังหวัดพระนคร-
ศรีอยุธยา
10. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยห้าสิบบาทในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
11. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบแปดบาทในท้องที่จังหวัดกาญจนบุรี และกระบี่
12. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบเจ็ดบาทในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพชรบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม
13. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบหกบาทในท้องที่จังหวัดจันทบุรี ลพบุรี อ่างทอง
14. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบห้าบาทในท้องที่จังหวัดชุมพร ตรัง ตราดปราจีนบุรี ลำพูน สระแก้ว สิงห์บุรี และสุโขทัย
15. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนี่งร้อยสี่สิบสี่บาทในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น บุรีรัมย์ ปัตตานี ยะลา เลย สงขลา สตูล และอุดรธานี
16. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบสามบาทในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร
ตาก นครสวรรค์ พัทลุง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ลำปาง สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี และอุตรดิตถ์
17. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบสองบาทในท้องที่จังหวัดชัยนาท ชัยภูมิ เชียงราย นครพนม นครศรีธรรมราช มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร หนองคาย หนองบัวลำภู และอุทัยธานี
18. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดบาทในท้องที่จังหวัดนครนายก พิจิตร แม่ฮ่องสอน สุรินทร์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ
19. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสี่สิบบาทในท้องที่จังหวัดน่าน พะเยา แพร่ และมหาสารคาม20. ให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละหนึ่งร้อยสามสิบเก้าบาทในท้องที่จังหวัดนราธิวาส
21. เพื่อประโยชน์ตามข้อ 2 ถึงข้อ 20 คำว่า “วัน” หมายถึง เวลาทำงานปกติของลูกจ้าง ซึ่งไม่เกินชั่วโมงงานดังต่อไปนี้ แม้นายจ้างจะให้ลูกจ้างทำงานน้อยกว่าเวลางานปกติเพียงใดก็ตาม
22. ห้ามมิให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเป็นเงินแก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
23. ประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2548 เป็นต้นไป
จากการประกาศของกระทรวงแรงงานที่ให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดทำไมไม่เท่ากัน ทำไมของจังหวัดชุมพรปรับขึ้นแค่ 4 บาทเอง บางจังหวัดปรับขึ้นถึง 7-8 บาท ที่จริงค่าครองชีพของทุกจังหวัดีโดยเฉลี่ยแล้วก็ขึ้นเท่าๆ กัน เช่น ราคาน้ำมัน จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกไหม
จากการประกาศของกระทรวงแรงงานที่ให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดทำไมไม่เท่ากัน ทำไมของจังหวัดชุมพรปรับขึ้นแค่ 4 บาทเอง บางจังหวัดปรับขึ้นถึง 7-8 บาท ที่จริงค่าครองชีพของทุกจังหวัดีโดยเฉลี่ยแล้วก็ขึ้นเท่าๆ กัน เช่น ราคาน้ำมัน จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกไหม
จากการประกาศของกระทรวงแรงงานที่ให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดทำไมไม่เท่ากัน ทำไมของจังหวัดชุมพรปรับขึ้นแค่ 4 บาทเอง บางจังหวัดปรับขึ้นถึง 7-8 บาท ที่จริงค่าครองชีพของทุกจังหวัดโดยเฉลี่ยแล้วก็ขึ้นเท่าๆ กัน เช่น ราคาน้ำมัน จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีกไหม