BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

ชาติหน้ามีหรือไม่ ? (ปายาสิราชัญญสูตร) ๒


ชาติหน้ามีหรือไม่ ? (ปายาสิราชัญญสูตร) ๒

สมัยหนึ่ง พระกุมารกัสสปพร้อมภิกษุประมาณห้าร้อยรูปเที่ยวจาริกไปในแคว้นโกศลแล้วก็ไปพักอยู่ที่ป่าไม้สีเสียดทางทิศเหนือของเมืองเสตัพยะ เพราะท่านแสดงธรรมได้ไพเราะจับใจชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงเป็นที่นิยมชมชอบของบรรดาชาวเมือง ตอนเย็นๆ ชาวเมืองจึงชักชวนกันไปฟังธรรมจากท่าน...

ฝ่ายเจ้าปายาสิซึ่งประทับอยู่ในประสาทชั้นบน ทอดพระเนตรลงมาเห็นชาวบ้านเดินออกจากเมืองเป็นกลุ่มๆ ไปทางทิศเหนือ เกิดความสงสัยจึงมีรับสั่งให้มหาดเล็กไปสอบถาม เมื่อได้สดับความว่าจะไปฟังธรรมจากพระกุมารกัสสป  ท้าวเธอก็ระลึกได้ และตรัสกับมหาดเล็กว่า...

  • พระเถระมาครั้งก่อนก็เที่ยวสอนพวกคนโง่ว่า โลกหน้ามีจริง สัตว์ที่ผุดเกิด (คือผีสางเทวดา)ก็มีจริง ผลกรรมที่ทำดีทำชั่วก็มีจริง อันที่จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นไม่มี เจ้ารีบไปบอกพวกชาวบ้านกลุ่มนั้นว่ารอก่อน ข้าจะไปด้วย

มหาดเล็กรับคำแล้วจึงลงไปบอกพวกชาวบ้าน เจ้าปายาสิจึงเดินทางร่วมไปกับกลุ่มคนเหล่านั้น เมื่อไปถึงป่าสีเสียดที่อยู่ของพระเถระ หลังจากทักทายและรำลึกเรื่องเก่าพอคลายคิดถึงแล้ว เจ้าปายาสิจึงเริ่มต้นขึ้นว่า...

  • ข้าแต่ท่านกัสสป ! เกล้าฯ มีความคิดความเห็นว่า โลกหน้าไม่มี สัตว์ที่ผุดเกิดไม่มี ผลกรรมที่ทำดีทำชั่วก็ไม่มี

พระเถระจึงตอบว่า...

  • ดูกรบพิตร ! เรื่องที่ว่ามา อาตมาก็เคยได้ยินได้ฟัง และเคยคิดว่าเหตุไฉนหนอ พวกเขาจึงได้มีความคิดความเห็นทำนองนี้ อาตมาใคร่จะถาม ขอพระองค์ตรัสตอบตามที่เห็นสมควร นั่นคือ พระจันทร์และพระอาทิตย์มีอยู่ในโลกนี้หรือโลกหน้า เป็นเทวดาหรือมนุษย์ ?

ท้าวเธอตรัสว่า...

  • ทั้งพระจันทร์และพระอาทิตย์มีอยู่ในโลกหน้า เป็นเทวดา มิใช่เป็นมนุษย์

พระเถระจึงตอบว่า...

  • ถ้าว่าอย่างนั้น โลกหน้าก็ต้องมีอยู่ สัตว์ที่ผุดเกิดก็ต้องมีอยู่ และผลกรรมดีชั่วก็ต้องมีอยู่

ท้าวเธอตรัสว่า...

  • ตามที่ท่านว่ามาก็จริง อย่างไรก็ตาม เกล้าฯ ยังคงเชื่อว่า โลกหน้าไม่มี สัตว์ที่ผุดเกิดไม่มี และผลกรรมดีชั่วไม่มี

......

ประเด็นแรกมีเพียงแค่นี้ ซึ่งอรรถกถาขยายความว่า เจ้าปายาสิดำริว่า การที่พระเถระยกพระจันทร์และพระอาทิตย์ขึ้นมาเปรียบเทียบนั้น บ่งชี้ว่าท่านมิใช่เป็นผู้ที่ใครจะครอบงำด้วยปัญญาได้ เพราะถ้าเราตอบว่าพระจันทร์และพระอาทิตย์อยู่ในโลกนี้ ท่านต้องถามต่อแน่นอนว่า พระจันทร์พระอาทิตย์อาศัยอะไร สูง กว้าง และยาวเท่าไหร่ ซึ่งคำถามทำนองนี้ตอบได้ยาก ดังนั้น เจ้าปายาสิจึงจำเป็นต้องตอบว่า มีอยู่ในโลกหน้า

อีกอย่างหนึ่ง อรรถกถาบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัส สุธาโภชนชาดก (คลิกที่นี้) ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพระจันทร์นั่นก็คือจันทรเทพบุตร ส่วนพระอาทิตย์นั้นก็คือสุริยเทพบุตร โดยชาดกเรื่องนี้รับรู้กันทั่วทั้งชมพูทวีป ฉะนั้น เจ้าปายาสิจึงดำริว่า ไม่อาจคัดค้านเรื่องนี้ได้ จึงตรัสตอบว่า พระจันทร์และพระอาทิตย์เป็นเทวดา

อย่างไรก็ตาม ท้าวเธอก็ยังยืนยันความเห็นเดิม ดังนั้น จึงยกสิ่งที่ได้เคยพิสูจน์มาคัดค้าน ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อไป...

 

หมายเลขบันทึก: 230547เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2008 00:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

นมัสการพระคุณเจ้า มาเข้าเรียนธรรมตามเวลา

เรียนถามว่าส่วนไหนของสีเสียด ที่เขาเอามากินกันกับหมากพลู หรือว่าคนละสีเสียดกันครับ(เรียนธรรมถามเรื่องต้นไม้)

นมัสการพระคุณเจ้าครับ

ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพระจันทร์กับพระอาทิตย์เกี่ยวกับโลกนี้และโลกหน้าอย่างไรครับ

ขอบพระคุณครับ

Pบังหีม--ผู้เฒ่าnatachoei--

 

  • ขออภัยบังด้วย ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ (......)

อนึ่ง ต้นไม้ตามคัมภีร์นั้น มีอีกหลายชนิดที่ไม่เคยเห็น ก็แปลไปอย่างนั้น... แต่เดียวนี้ยุคอินเทอร์เน็ต จึงค้นดูได้ไม่ยาก จึงไปค้นมาให้บังดู (คลิกที่นี้)

............

P Aj Kae

 

จันทร์เป็นดาวเคราะห์ อาทิตย์เป็นดาวฤกษ์.... เป็นต้น นี้คือความรู้ยุคนี้...

อาจารย์ต้องจินตนาการถึงคนเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน ดวงอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่นั้น เราจะคิดว่าอย่างไร ?

พระเถระจึงยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อเริ่มการโต้แย้ง... เจ้าปายาสิยืนยันทำนองนั้นเป็นการปิดคำถามนี้ เพื่อจะได้เริ่มต้นประเด็นต่อไป...

.........

เจริญพรทั้งสองท่าน

มนัสการพระคุณเจ้ามาอีกรอบ ตอบขอบคุณที่อาจารย์กรุณา

ตั้งแต่เข้าสนทนาที่นี้ได้ปัญญาขึ้นโข แต่ก็ยังติดขัดเรื่องการใช้เครื่องมือค้นหาจะพยายามต่อไปครับ

Pบังหีม--ผู้เฒ่าnatachoei--

 

  • บังช่วยเสริมให้อาตมาได้รู้เรื่องนี้ด้วย ถ้าบังไม่ถาม ก็คงจะไม่ค้น...

เจริญพร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท