สมัยหนึ่ง พระกุมารกัสสปพร้อมภิกษุประมาณห้าร้อยรูปเที่ยวจาริกไปในแคว้นโกศลแล้วก็ไปพักอยู่ที่ป่าไม้สีเสียดทางทิศเหนือของเมืองเสตัพยะ เพราะท่านแสดงธรรมได้ไพเราะจับใจชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงเป็นที่นิยมชมชอบของบรรดาชาวเมือง ตอนเย็นๆ ชาวเมืองจึงชักชวนกันไปฟังธรรมจากท่าน...
ฝ่ายเจ้าปายาสิซึ่งประทับอยู่ในประสาทชั้นบน ทอดพระเนตรลงมาเห็นชาวบ้านเดินออกจากเมืองเป็นกลุ่มๆ ไปทางทิศเหนือ เกิดความสงสัยจึงมีรับสั่งให้มหาดเล็กไปสอบถาม เมื่อได้สดับความว่าจะไปฟังธรรมจากพระกุมารกัสสป ท้าวเธอก็ระลึกได้ และตรัสกับมหาดเล็กว่า...
มหาดเล็กรับคำแล้วจึงลงไปบอกพวกชาวบ้าน เจ้าปายาสิจึงเดินทางร่วมไปกับกลุ่มคนเหล่านั้น เมื่อไปถึงป่าสีเสียดที่อยู่ของพระเถระ หลังจากทักทายและรำลึกเรื่องเก่าพอคลายคิดถึงแล้ว เจ้าปายาสิจึงเริ่มต้นขึ้นว่า...
พระเถระจึงตอบว่า...
ท้าวเธอตรัสว่า...
พระเถระจึงตอบว่า...
ท้าวเธอตรัสว่า...
......
ประเด็นแรกมีเพียงแค่นี้ ซึ่งอรรถกถาขยายความว่า เจ้าปายาสิดำริว่า การที่พระเถระยกพระจันทร์และพระอาทิตย์ขึ้นมาเปรียบเทียบนั้น บ่งชี้ว่าท่านมิใช่เป็นผู้ที่ใครจะครอบงำด้วยปัญญาได้ เพราะถ้าเราตอบว่าพระจันทร์และพระอาทิตย์อยู่ในโลกนี้ ท่านต้องถามต่อแน่นอนว่า พระจันทร์พระอาทิตย์อาศัยอะไร สูง กว้าง และยาวเท่าไหร่ ซึ่งคำถามทำนองนี้ตอบได้ยาก ดังนั้น เจ้าปายาสิจึงจำเป็นต้องตอบว่า มีอยู่ในโลกหน้า
อีกอย่างหนึ่ง อรรถกถาบอกว่า พระพุทธเจ้าตรัส สุธาโภชนชาดก (คลิกที่นี้) ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งพระจันทร์นั่นก็คือจันทรเทพบุตร ส่วนพระอาทิตย์นั้นก็คือสุริยเทพบุตร โดยชาดกเรื่องนี้รับรู้กันทั่วทั้งชมพูทวีป ฉะนั้น เจ้าปายาสิจึงดำริว่า ไม่อาจคัดค้านเรื่องนี้ได้ จึงตรัสตอบว่า พระจันทร์และพระอาทิตย์เป็นเทวดา
อย่างไรก็ตาม ท้าวเธอก็ยังยืนยันความเห็นเดิม ดังนั้น จึงยกสิ่งที่ได้เคยพิสูจน์มาคัดค้าน ซึ่งผู้เขียนจะนำมาเล่าในตอนต่อไป...
นมัสการพระคุณเจ้า มาเข้าเรียนธรรมตามเวลา
เรียนถามว่าส่วนไหนของสีเสียด ที่เขาเอามากินกันกับหมากพลู หรือว่าคนละสีเสียดกันครับ(เรียนธรรมถามเรื่องต้นไม้)
นมัสการพระคุณเจ้าครับ
ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพระจันทร์กับพระอาทิตย์เกี่ยวกับโลกนี้และโลกหน้าอย่างไรครับ
ขอบพระคุณครับ
อนึ่ง ต้นไม้ตามคัมภีร์นั้น มีอีกหลายชนิดที่ไม่เคยเห็น ก็แปลไปอย่างนั้น... แต่เดียวนี้ยุคอินเทอร์เน็ต จึงค้นดูได้ไม่ยาก จึงไปค้นมาให้บังดู (คลิกที่นี้)
............
จันทร์เป็นดาวเคราะห์ อาทิตย์เป็นดาวฤกษ์.... เป็นต้น นี้คือความรู้ยุคนี้...
อาจารย์ต้องจินตนาการถึงคนเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน ดวงอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่นั้น เราจะคิดว่าอย่างไร ?
พระเถระจึงยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อเริ่มการโต้แย้ง... เจ้าปายาสิยืนยันทำนองนั้นเป็นการปิดคำถามนี้ เพื่อจะได้เริ่มต้นประเด็นต่อไป...
.........
เจริญพรทั้งสองท่าน
มนัสการพระคุณเจ้ามาอีกรอบ ตอบขอบคุณที่อาจารย์กรุณา
ตั้งแต่เข้าสนทนาที่นี้ได้ปัญญาขึ้นโข แต่ก็ยังติดขัดเรื่องการใช้เครื่องมือค้นหาจะพยายามต่อไปครับ
เจริญพร