สาวภาษาไทย
นางสาว พัชราพร สาวภาษาไทย สุขเผือก

หน้ากาก


หน้ากาก

สวัสดีค่ะ พี่ๆ น้องๆ คุณลุง คุณป้า คุณน้า ทั้งหลายเจ้าขา..

ช่วยกันอ่านหน่อยซิว่า ผลงานเรื่องสั้นอีกชิ้นหนึ่งของหนูเปิ้ล เรื่องหน้ากาก นี้... จะบ่งบอกการพัฒนาฝีมือจับปากาการเขียนสื่อสร้างสรรค์สังคมไทยของหนูเปิ้ลหรือเปล่า..

เรื่อง    หน้ากาก

** เพชรงาม **

                อุ่นใดๆ  โลกนี้   มิมีเทียบเทียม..................................

เสียงเพลงจบลงพร้อมกับความปิติยินดีและรอยคราบน้ำตาจากผู้เป็นแม่  ใครจะรู้ได้บ้างว่าความรักที่แม่มีต่อลูกมันจะมีอานุภาพเหนือสิ่งอื่นใด

                แม่คะ  หนูมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่นะคะ  ถึงพ่อจะไม่อยู่แล้ว  แต่หนูก็ดีใจที่หนูมีแม่เป็นที่พักพิง  แม่เป็นศูนย์รวมจิตใจให้กับลูกทุกคน  หนูรักแม่ค่ะ  

                แม่ก็รักลูก  รักมากที่สุด  แม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก เพราะลูกคือดวงใจของแม่  แม้ว่าพ่อจะไม่ได้อยู่ด้วยก็ตาม

                น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด  วันนี้เองที่ฉันกับแม่ได้บอกความรักความในใจที่มีต่อกัน ฉันหยิบรูปถ่ายตอนจบปริญญาตรีขึ้นมาดู พร้อมกับหวนนึกถึงภาพบรรยากาศเก่าๆที่ยังคงเก็บไว้ในความทรงจำที่ไม่มีวันที่จะลืมได้

                แม่คะ  หนูคิดถึงแม่จัง   ฉันพูดออกมาพร้อมกับมองดูรูปถ่ายในมือ กี่ปีแล้วนะที่ฉันมาเรียนต่อที่วอชิงตัน  3 ปีแล้วสินะ  ปีนี้ก็คงเป็นปีสุดท้ายแล้ว ฉันจะได้กลับเมืองไทยสักทีหลังจากที่เรียนจบ คิดถึงแม่จัง คิดถึงยัยนัน

                รับโทรศัพท์ด้วยครับ   รับโทร..  เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

                ฮัลโหล

                พี่นินคะ  แม่ฝากมาถามว่าเมื่อไหร่จะกลับเมืองไทยคะ

                อีก 3 เดือนจ้ะ  พี่จะรอรับใบปริญญากลับมาด้วยน่ะ

                แม่คะ อีก 3 เดือนค่ะ พี่นินถึงจะกลับมา  เสียงยัยนันผู้น้องตะโกนบอกแม่

                แล้วเราล่ะ เรียนจบหรือยัง ฉันถามน้องบ้าง

                เรียนจบแล้วคะ ตอนนี้ทำงานอยู่ แม่บอกว่าถ้าพี่นินกลับมาวันไหนก็จะไปรับที่สนามบิน งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ค่าโทรมันแพงค่ะ  สวัสดีค่ะพี่

                เมื่อจบบทสนทนาระหว่างฉันกับน้องแล้ว ออร่าเพื่อนสนิทของฉันก็มาหาที่ห้อง  ออร่ามาชวนฉันไปงานเลี้ยงรุ่น  วันเวลาได้ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้วและก็รับใบปริญญาบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันเดินลากกระเป๋าใบใหญ่และพาลูกหมีมาที่สนามบินและขึ้นเครื่องบินกลับมาที่เมืองไทย ฉันกับลูกหมีเดินลากกระเป๋ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เห็นแม่กับยัยนันเลย ฉันจึงหยุดและยืนมองไปรอบๆ ไม่นานนัก ยัยนันน้องสาวของฉันก็ตะโกนเรียก

                พี่นินคะ พี่นิน พี่นิน ทางนี้ค่ะ ยัยนันยิ้มให้เช่นเดียวกับแม่ ฉันจึงเดินเข้าไปหาน้องพร้อมกับจูงมือลูกหมีเข้าไปไหว้แม่ด้วย

                แม่คะสวัสดีค่ะ  หนูคิดถึงแม่จัง ฉันไหว้และเดินเข้าไปกอดแม่แน่นจนแม่บอกว่าหายใจไม่ออก

                พี่นินคะ นั่นลูกใครคะ หน้าตาน่ารักจัง  ยัยนันเป็นฝ่ายถามขึ้น

                นัน  ลูกหมีเป็นลูกของพี่เอง   ฉันพูดเสียงเรียบแต่แววตาเศร้า

                กลับบ้านกันเถอะลูก ไปคุยกันที่บ้านดีกว่า

                ฉันเงียบ  มองหน้าลูกหมี น้ำตาไหล  เมื่อถึงบ้านแม่จึงถามฉันว่า

                เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่  น้ำตาแม่เริ่มไหลออกมา

                ตอนที่นินจบปริญญาตรีใหม่ๆค่ะ นินรู้จักเขาที่วอชิงตัน เขาดีกับนินมาก แต่นินคงเชื่อใจเขามากเกินไป เรื่องมันถึงได้เลยเถิดขนาดนี้  ฮือๆ วันที่นินคลอดลูกหมีออกมา เพื่อนๆที่วอชิงตันก็ถามกันว่าพ่อของลูกหมีคือใคร นินไม่ตอบเขา เพราะคนๆนั้นไม่สมควรได้รับคำว่าพ่อ ถึงนินจะอยู่คนเดียวแต่นินก็สามารถเลี้ยงลูกหมีเองได้และจะดูแลลูกหมีให้เติบโตเป็นคนดี นินบอกเพื่อนๆไปอย่างนั้นค่ะ และเพื่อนของนินก็เห็นใจพร้อมกับช่วยเหลือนินและช่วยดูแลลูกหมีด้วยค่ะ   ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย ความทุกข์ใจต่างๆได้ถูกถ่ายทอดให้มารดาผู้รับฟัง  ฉันอยู่ได้ในสังคมนี้จริงๆ เพราะฉันยังมีแม่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ น้ำตาของฉันยังไหลต่อไปเรื่อยๆและหยุดลงเมื่อลูกหมียกมือเช็ดน้ำตาให้กับฉัน

                แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะ  ลูกหมีพูดปลอบฉันที่กำลังร้องไห้ ฉันจึงหยุดร้องไห้และอุ้มลูกหมีขึ้นกอด

                พี่นินไม่ต้องห่วงนะ นันจะช่วยดูแลลูกหมีอีกแรงพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก   ยัยนันพูดขึ้น

                นันไม่สบายหรือเปล่า พี่เห็นเราดูโทรมๆนะ   ฉันทักขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของน้องสาว

                นันไม่เป็นไรหรอกค่ะ สบายดีออกขนาดนี้   ยัยนันยิ้มให้ทำท่าทางแข็งแรง

                ไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก  เพิ่งกลับมา   แม่พูดบอกฉัน ฉันจึงพาลูกหมีขึ้นไปข้างบนห้องนอน    วันเวลาผ่านไป ตอนนี้ลูกหมีอายุ 5 ขวบแล้ว ฉันพาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้านได้ 2 ปีแล้ว ส่วนแม่ก็ยังสุขภาพดีเหมือนเดิม  ยัยนันก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทของบริษัทแห่งหนึ่งเช่นเดียวกับฉัน  ช่วงนี้ยัยนันสุขภาพไม่ค่อยดี  เข้าโรงพยาบาลบ่อย  ถามว่าเป็นอะไรก็บอกว่าโรคเก่ากำเริบ  โรคเก่าของยัยนันก็คือ     โรคหอบ แต่ไม่ว่าเวลาไหนก็ตามที่ยัยนันอยู่บ้านหรือที่ทำงานก็จะสดใสร่าเริงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  จนกระทั่งวันหนึ่ง ยัยนันหมดสติในห้องน้ำ ฉันจึงพาไปส่งโรงพยาบาล  ผลตรวจออกมาหมอบอกว่า ยัยนันเป็นเนื้องอกร้ายในสมองระยะที่สาม ฉันตกใจมากไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายัยนันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้

                ตื้ดดดดด  ตื้ดดดดด

                สวัสดีค่ะ..

                แม่คะ  มาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะคะ

                มีอะไรล่ะลูก  ใครเป็นอะไร   แม่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ

                ยัยนันค่ะแม่  นัน ฮือ..นันเป็นเนื้องอกร้ายในสมองค่ะ   ฉันพูดเสียงสั่นปนสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลออกมา

                โถ่   นันลูกแม่   เสียงแม่สั่นเครือเนื่องจากน้ำใสๆได้ไหลออกจากตา

                แค่นี้ก่อนนะคะแม่  หนูต้องรีบไปดูน้องก่อน  สวัสดีค่ะ

                ภายในห้องที่มีแต่สายน้ำเกลือและสายต่างๆห้อยละโยงละยาง  ร่างๆหนึ่งได้ลืมตาขึ้นมองมายังผู้เป็นแม่และพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ

                แม่   พี่นิน   เสียงเบาๆเอ่ยขึ้น

                ตื่นแล้วเหรอ  แม่และพี่เป็นห่วงเรานะ ทำไมถึงไม่บอกพี่ว่าเป็นเนื้องอกร้ายในสมอง  แม่กับพี่เสียใจนะที่เราไม่เคยบอกเรื่องนี้เลย   ฉันกับแม่เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ น้ำตาก็ไหลออกมา

                ฮือๆๆ   นันไม่อยากทำให้ทุกคนเป็นห่วง  ถึงแม้ว่านันจะต้องใส่หน้ากากเข้าหาแม่ เข้าหาพี่นินและคนที่ทำงาน  เวลาที่นันเจ็บ นันปวด นันก็ต้องแอบไปร้องไห้   ฮือ..นันไม่อยากให้ใครเห็นเวลาที่นันทุกข์ทรมาน  นันอยากทำตัวให้เป็นปกติเหมือนกับทุกๆคน  แม่ยังไม่รู้ใช่ไหมคะว่านัน   เมื่อพูดจบนันก็ดึงผมที่ยาวออกเผยให้เห็นผมสั้นเกรียน บางที่ก็ไม่มีผม

                โถ่... นัน     ทำไมลูกถึงเป็นได้ขนาดนี้  เวลาที่ลูกเจ็บปวดทำไมไม่ให้แม่ได้แบ่งเบาความเจ็บปวดนี้ด้วย  ลูก   ฮือ ๆ ๆ

                ก็เหมือนกับแม่กับพี่นินไงคะ  ที่ต้องทำเป็นว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเข้มแข็งในสายตาของคนรอบข้าง แต่ใครจะรู้ได้บ้าง ว่าคนที่เก่งและเข้มแข็งมากที่สุดก็คือคนที่อ่อนแอมากที่สุด และต้องการใครสักคนที่คอยปลอบคอยเข้าใจอยู่เคียงข้าง  ฮือ ๆ ๆ มันก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ เท่ากับการที่สวมหน้ากากให้กัน

                เสียงมิวสิควีดีโอยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนจบเพลงหน้ากาก

 

หมายเลขบันทึก: 230013เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2008 20:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

โอ้โห......ฝีมือไม่ธรรมดาเลยค่ะ เหมือนหน้าตาดี อ่ะนะ มาให้กำลังใจค่ะ

ยู้ฮู พี่พอลล่า คนน่าตาดี (ที่สุดในแก๊ง)

ขอบคุณค่ะ ที่คอยเป็นกำลังใจให้หนูเปิ้ลมาตลอด

เช่นกันเจ้าค่ะ คุณพ่อประจักษ์

หนูเปิ้ลก็สวัสดีปีใหม่ส่งท้ายปีเก่าเหมือนกันค่ะ

มาทักทาย

น้องเปิ้ล

คิดถึงนะเนี้ย

  • เพิ่งเห็น
  • ว่าเป็นสมาชิกหน้าตาดีด้วย
  • อิอิ
  • เขียน ว่าหน้าตาดีครับ
  • ไม่ใช่น่าตาดี
  • ฮ่าๆๆๆๆ
  • แก้ด่วน อิอิ

 

พี่เปิ้ล นานๆจะพบสักที ซำบายดีไหม

คิดถึงอยู่

สวัสดีครับพี่น้องงงงงงงงงง แวะมาเยี่ยมเด้อ อิอิ

  • แวะมาทักทาย
  • น้องเปิ้ล น่ารัก
  • อิอิ
  • ษา
  • สบายดีนะจ๊า
  • มาอ่านแล้ว
  • อือม์ ได้สาระ

 

แวะมาทักทาย

สบายดีไหม

เขียนดีมาก

จ๊ะจ้า ครูโย่ง หนูเปิ้ลรับทราบแล้วจ้า

ซำบายดีเด้อ น้องโย่โย่งโก๊ะ พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน

สวัสดีปีใหม่เด้อไอ้น้องรัก

จ๊ะจ้าพี่กล้วยแขก คนหน้าตาดี #*__^#

จ๊ะจ้า พี่คนพลัดถิ่น

หนูเปิ้ลขอบคุณหลายๆค่ะ ที่พี่เข้ามาแวะเวียนในบล็อกนี้

จ๊ะจ๋าพี่ตูน(ใช่รึเปล่าคะ) ฮะฮะ

หนูเปิ้ลขอตอบกลับว่า ตอนนี้กำลังไม่สบายค่ะ ท่าทางจะหนักด้วย(แต่ก็ต้องไปเรียน) และก็ขอบคุณค่ะที่ชมว่าเขียนดี +__#

เหอะๆ พี่ชื่อโทน แต่คนที่เรียกพี่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า โชค

ใกล้วันคิดมากแล้วนะครับ อย่าลืมเอาถุงเท้าไปห้อยที่เตาแก๊สนะครับ เอิ้กๆๆ

  • ป้าคิมมาเยี่ยมค่ะ
  • เขียนเก่งค่ะ
  • อ่านแล้วได้ความรู้สึก ได้ความคิดดี ๆค่ะ
  • ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
  • เยี่ยม...
  • คนเก่งแห่งบางลี่วิทยา

จ๊ะจ้า พี่โทน  •—>xaJ-xา๑<—• nataChoei[หน้าตาเฉย]
แต่เอ..หนูเปิ้ลว่าพี่โทนต้องเคยทำมาแล้วแน่เลยไม่งั้นก็คงบอกหนูเปิ้ลไม่ได้หรอก อิอิ #^__*)

จ๊ะจ้า คุณครูขจิต ฝอยทอง

ขอบคุณนะคะที่หาพี่มาฝาก

จ๊ะจ้าค่ะ ป้าคิม

ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจที่มีให้หนูเปิ้ล

หนูเปิ้ลก็จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นค่ะ ^_^

จ๊ะจ้า คุณน้าลำดวน

ตอนนี้หนูเปิ้ลจะลอยแล้วอิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท