** เพชรงาม **
อุ่นใดๆ โลกนี้ มิมีเทียบเทียม..................................
เสียงเพลงจบลงพร้อมกับความปิติยินดีและรอยคราบน้ำตาจากผู้เป็นแม่ ใครจะรู้ได้บ้างว่าความรักที่แม่มีต่อลูกมันจะมีอานุภาพเหนือสิ่งอื่นใด
“ แม่คะ หนูมีวันนี้ได้ก็เพราะแม่นะคะ ถึงพ่อจะไม่อยู่แล้ว แต่หนูก็ดีใจที่หนูมีแม่เป็นที่พักพิง แม่เป็นศูนย์รวมจิตใจให้กับลูกทุกคน หนูรักแม่ค่ะ ”
“ แม่ก็รักลูก รักมากที่สุด แม่จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก เพราะลูกคือดวงใจของแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่ได้อยู่ด้วยก็ตาม ”
น้ำตายังคงรินไหลไม่หยุด วันนี้เองที่ฉันกับแม่ได้บอกความรักความในใจที่มีต่อกัน ฉันหยิบรูปถ่ายตอนจบปริญญาตรีขึ้นมาดู พร้อมกับหวนนึกถึงภาพบรรยากาศเก่าๆที่ยังคงเก็บไว้ในความทรงจำที่ไม่มีวันที่จะลืมได้
“ แม่คะ หนูคิดถึงแม่จัง ” ฉันพูดออกมาพร้อมกับมองดูรูปถ่ายในมือ กี่ปีแล้วนะที่ฉันมาเรียนต่อที่วอชิงตัน 3 ปีแล้วสินะ ปีนี้ก็คงเป็นปีสุดท้ายแล้ว ฉันจะได้กลับเมืองไทยสักทีหลังจากที่เรียนจบ คิดถึงแม่จัง คิดถึงยัยนัน
“ รับโทรศัพท์ด้วยครับ รับโทร..” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“ ฮัลโหล ”
“ พี่นินคะ แม่ฝากมาถามว่าเมื่อไหร่จะกลับเมืองไทยคะ ”
“ อีก 3 เดือนจ้ะ พี่จะรอรับใบปริญญากลับมาด้วยน่ะ ”
“ แม่คะ อีก 3 เดือนค่ะ พี่นินถึงจะกลับมา ” เสียงยัยนันผู้น้องตะโกนบอกแม่
“ แล้วเราล่ะ เรียนจบหรือยัง ” ฉันถามน้องบ้าง
“ เรียนจบแล้วคะ ตอนนี้ทำงานอยู่ แม่บอกว่าถ้าพี่นินกลับมาวันไหนก็จะไปรับที่สนามบิน งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ค่าโทรมันแพงค่ะ สวัสดีค่ะพี่ ”
เมื่อจบบทสนทนาระหว่างฉันกับน้องแล้ว ออร่าเพื่อนสนิทของฉันก็มาหาที่ห้อง ออร่ามาชวนฉันไปงานเลี้ยงรุ่น วันเวลาได้ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้วและก็รับใบปริญญาบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันเดินลากกระเป๋าใบใหญ่และพาลูกหมีมาที่สนามบินและขึ้นเครื่องบินกลับมาที่เมืองไทย ฉันกับลูกหมีเดินลากกระเป๋ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เห็นแม่กับยัยนันเลย ฉันจึงหยุดและยืนมองไปรอบๆ ไม่นานนัก ยัยนันน้องสาวของฉันก็ตะโกนเรียก
“ พี่นินคะ พี่นิน พี่นิน ทางนี้ค่ะ ” ยัยนันยิ้มให้เช่นเดียวกับแม่ ฉันจึงเดินเข้าไปหาน้องพร้อมกับจูงมือลูกหมีเข้าไปไหว้แม่ด้วย
“ แม่คะสวัสดีค่ะ หนูคิดถึงแม่จัง ” ฉันไหว้และเดินเข้าไปกอดแม่แน่นจนแม่บอกว่าหายใจไม่ออก
“ พี่นินคะ นั่นลูกใครคะ หน้าตาน่ารักจัง ” ยัยนันเป็นฝ่ายถามขึ้น
“ นัน ลูกหมีเป็นลูกของพี่เอง ” ฉันพูดเสียงเรียบแต่แววตาเศร้า
“ กลับบ้านกันเถอะลูก ไปคุยกันที่บ้านดีกว่า ”
ฉันเงียบ มองหน้าลูกหมี น้ำตาไหล เมื่อถึงบ้านแม่จึงถามฉันว่า
“ เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ” น้ำตาแม่เริ่มไหลออกมา
“ ตอนที่นินจบปริญญาตรีใหม่ๆค่ะ นินรู้จักเขาที่วอชิงตัน เขาดีกับนินมาก แต่นินคงเชื่อใจเขามากเกินไป เรื่องมันถึงได้เลยเถิดขนาดนี้ ฮือๆ วันที่นินคลอดลูกหมีออกมา เพื่อนๆที่วอชิงตันก็ถามกันว่าพ่อของลูกหมีคือใคร นินไม่ตอบเขา เพราะคนๆนั้นไม่สมควรได้รับคำว่าพ่อ ถึงนินจะอยู่คนเดียวแต่นินก็สามารถเลี้ยงลูกหมีเองได้และจะดูแลลูกหมีให้เติบโตเป็นคนดี นินบอกเพื่อนๆไปอย่างนั้นค่ะ และเพื่อนของนินก็เห็นใจพร้อมกับช่วยเหลือนินและช่วยดูแลลูกหมีด้วยค่ะ ” ฉันพูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย ความทุกข์ใจต่างๆได้ถูกถ่ายทอดให้มารดาผู้รับฟัง ฉันอยู่ได้ในสังคมนี้จริงๆ เพราะฉันยังมีแม่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ น้ำตาของฉันยังไหลต่อไปเรื่อยๆและหยุดลงเมื่อลูกหมียกมือเช็ดน้ำตาให้กับฉัน
“ แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะ ” ลูกหมีพูดปลอบฉันที่กำลังร้องไห้ ฉันจึงหยุดร้องไห้และอุ้มลูกหมีขึ้นกอด
“ พี่นินไม่ต้องห่วงนะ นันจะช่วยดูแลลูกหมีอีกแรงพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ” ยัยนันพูดขึ้น
“ นันไม่สบายหรือเปล่า พี่เห็นเราดูโทรมๆนะ ” ฉันทักขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของน้องสาว
“ นันไม่เป็นไรหรอกค่ะ สบายดีออกขนาดนี้ ” ยัยนันยิ้มให้ทำท่าทางแข็งแรง
“ ไปพักผ่อนก่อนเถอะลูก เพิ่งกลับมา ” แม่พูดบอกฉัน ฉันจึงพาลูกหมีขึ้นไปข้างบนห้องนอน วันเวลาผ่านไป ตอนนี้ลูกหมีอายุ 5 ขวบแล้ว ฉันพาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้านได้ 2 ปีแล้ว ส่วนแม่ก็ยังสุขภาพดีเหมือนเดิม ยัยนันก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทของบริษัทแห่งหนึ่งเช่นเดียวกับฉัน ช่วงนี้ยัยนันสุขภาพไม่ค่อยดี เข้าโรงพยาบาลบ่อย ถามว่าเป็นอะไรก็บอกว่าโรคเก่ากำเริบ โรคเก่าของยัยนันก็คือ โรคหอบ แต่ไม่ว่าเวลาไหนก็ตามที่ยัยนันอยู่บ้านหรือที่ทำงานก็จะสดใสร่าเริงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จนกระทั่งวันหนึ่ง ยัยนันหมดสติในห้องน้ำ ฉันจึงพาไปส่งโรงพยาบาล ผลตรวจออกมาหมอบอกว่า ยัยนันเป็นเนื้องอกร้ายในสมองระยะที่สาม ฉันตกใจมากไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ายัยนันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
“ ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด ”
“ สวัสดีค่ะ..”
“ แม่คะ มาที่โรงพยาบาลด่วนเลยนะคะ ”
“ มีอะไรล่ะลูก ใครเป็นอะไร ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ ยัยนันค่ะแม่ นัน ฮือ..นันเป็นเนื้องอกร้ายในสมองค่ะ ” ฉันพูดเสียงสั่นปนสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลออกมา
“ โถ่ นันลูกแม่ ” เสียงแม่สั่นเครือเนื่องจากน้ำใสๆได้ไหลออกจากตา
“ แค่นี้ก่อนนะคะแม่ หนูต้องรีบไปดูน้องก่อน สวัสดีค่ะ ”
ภายในห้องที่มีแต่สายน้ำเกลือและสายต่างๆห้อยละโยงละยาง ร่างๆหนึ่งได้ลืมตาขึ้นมองมายังผู้เป็นแม่และพี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ แม่ พี่นิน ” เสียงเบาๆเอ่ยขึ้น
“ ตื่นแล้วเหรอ แม่และพี่เป็นห่วงเรานะ ทำไมถึงไม่บอกพี่ว่าเป็นเนื้องอกร้ายในสมอง แม่กับพี่เสียใจนะที่เราไม่เคยบอกเรื่องนี้เลย ” ฉันกับแม่เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ น้ำตาก็ไหลออกมา
“ ฮือๆๆ นันไม่อยากทำให้ทุกคนเป็นห่วง ถึงแม้ว่านันจะต้องใส่หน้ากากเข้าหาแม่ เข้าหาพี่นินและคนที่ทำงาน เวลาที่นันเจ็บ นันปวด นันก็ต้องแอบไปร้องไห้ ฮือ..นันไม่อยากให้ใครเห็นเวลาที่นันทุกข์ทรมาน นันอยากทำตัวให้เป็นปกติเหมือนกับทุกๆคน แม่ยังไม่รู้ใช่ไหมคะว่านัน ” เมื่อพูดจบนันก็ดึงผมที่ยาวออกเผยให้เห็นผมสั้นเกรียน บางที่ก็ไม่มีผม
“ โถ่... นัน ทำไมลูกถึงเป็นได้ขนาดนี้ เวลาที่ลูกเจ็บปวดทำไมไม่ให้แม่ได้แบ่งเบาความเจ็บปวดนี้ด้วย ลูก ฮือ ๆ ๆ”
“ ก็เหมือนกับแม่กับพี่นินไงคะ ที่ต้องทำเป็นว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเข้มแข็งในสายตาของคนรอบข้าง แต่ใครจะรู้ได้บ้าง ว่าคนที่เก่งและเข้มแข็งมากที่สุดก็คือคนที่อ่อนแอมากที่สุด และต้องการใครสักคนที่คอยปลอบคอยเข้าใจอยู่เคียงข้าง ฮือ ๆ ๆ มันก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ เท่ากับการที่สวมหน้ากากให้กัน ”
เสียงมิวสิควีดีโอยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนจบเพลงหน้ากาก
จองงงงงงงงงงงงงงงงงงง
โอ้โห......ฝีมือไม่ธรรมดาเลยค่ะ เหมือนหน้าตาดี อ่ะนะ มาให้กำลังใจค่ะ
อิอิ..ท่านผอ.ไม่ทัน อิอิ
ยู้ฮู พี่พอลล่า คนน่าตาดี (ที่สุดในแก๊ง)
ขอบคุณค่ะ ที่คอยเป็นกำลังใจให้หนูเปิ้ลมาตลอด
เช่นกันเจ้าค่ะ คุณพ่อประจักษ์
หนูเปิ้ลก็สวัสดีปีใหม่ส่งท้ายปีเก่าเหมือนกันค่ะ
มาทักทาย
น้องเปิ้ล
คิดถึงนะเนี้ย
พี่เปิ้ล นานๆจะพบสักที ซำบายดีไหม
คิดถึงอยู่
สวัสดีครับพี่น้องงงงงงงงงง แวะมาเยี่ยมเด้อ อิอิ
แวะมาทักทาย
สบายดีไหม
เขียนดีมาก
จ๊ะจ้า ครูโย่ง หนูเปิ้ลรับทราบแล้วจ้า
ซำบายดีเด้อ น้องโย่โย่งโก๊ะ พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน
สวัสดีปีใหม่เด้อไอ้น้องรัก
จ๊ะจ้าพี่กล้วยแขก คนหน้าตาดี #*__^#
จ๊ะจ้า พี่คนพลัดถิ่น
หนูเปิ้ลขอบคุณหลายๆค่ะ ที่พี่เข้ามาแวะเวียนในบล็อกนี้
จ๊ะจ๋าพี่ตูน(ใช่รึเปล่าคะ) ฮะฮะ
หนูเปิ้ลขอตอบกลับว่า ตอนนี้กำลังไม่สบายค่ะ ท่าทางจะหนักด้วย(แต่ก็ต้องไปเรียน) และก็ขอบคุณค่ะที่ชมว่าเขียนดี +__#
เหอะๆ พี่ชื่อโทน แต่คนที่เรียกพี่ส่วนใหญ่จะเรียกว่า โชค
ใกล้วันคิดมากแล้วนะครับ อย่าลืมเอาถุงเท้าไปห้อยที่เตาแก๊สนะครับ เอิ้กๆๆ
จ๊ะจ้า พี่โทน •—>xaJ-xา๑<—• nataChoei[หน้าตาเฉย]
แต่เอ..หนูเปิ้ลว่าพี่โทนต้องเคยทำมาแล้วแน่เลยไม่งั้นก็คงบอกหนูเปิ้ลไม่ได้หรอก อิอิ #^__*)
จ๊ะจ้า คุณครูขจิต ฝอยทอง
ขอบคุณนะคะที่หาพี่มาฝาก
จ๊ะจ้าค่ะ ป้าคิม
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจที่มีให้หนูเปิ้ล
หนูเปิ้ลก็จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นค่ะ ^_^
จ๊ะจ้า คุณน้าลำดวน
ตอนนี้หนูเปิ้ลจะลอยแล้วอิอิ